เปิดตัว All-New Mazda3 ปี 2011 เจนเนอเรชั่นใหม่ ทั้งเวอร์ชั่นแฮทช์แบ็คและซีดาน Share this
รถเปิดตัวใหม่
โหมดการอ่าน

เปิดตัว All-New Mazda3 ปี 2011 เจนเนอเรชั่นใหม่ ทั้งเวอร์ชั่นแฮทช์แบ็คและซีดาน

Admin
โดย Admin
โพสต์เมื่อ 17 March 2554

เปิดตัวกันไปแล้วเมื่อเช้าวันนี้กับ All-New Mazda3 เจนเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดปี 2011 ทั้งเวอร์ชั่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตูและซีดาน 4 ประตู ภายใต้แนวคิด "Dare to Be Bold" ด้วยยอดขายทั่วโลกกว่า 2,900,000 คัน และเฉพาะประเทศไทย Mazda3 ได้ถูกจำหน่ายไปแล้วกว่า 28,000 คัน นอกจากนั้นยังเป็นเจ้าของรางวัลคุณภาพจากทั่วโลกแล้วกว่า 124 รางวัล รวมทั้งผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ทั้งของอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย

บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ทั้งรุ่นแฮทช์แบ็ค 5 ประตูและซีดาน 4 ประตู โดยการคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาสด้า ภายใต้แนวคิด "DARE TO BE BOLD" โชว์เทคโนโลยีด้านวิศวกรรมยานยนต์ล้ำอนาคต พร้อมระบบความปลอดภัยเต็มคัน มั่นใจสามารถสร้างแบรนด์ มาสด้า ต่อเนื่อง เตรียมเปิดตัวสู่สาธารณะชนอย่างเป็นทางการในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 32 ที่เมืองทองธานี ในระหว่างวันที่ 25 มีนาคมถึง 5 เมษายนศกนี้

มร. ยูจิ นากามิเน่ ผู้บริหารระดับสูง มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "แบรนด์มาสด้ากำลังเติบโตอย่างมากในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะ Mazda3 ในตลาดประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดหลักและสำคัญอย่างยิ่งในภูมิภาคนี้ ที่ยังคงอยู่ในความสนใจของลูกค้านับตั้งแต่เปิดตัวเป็นครั้งแรก สำหรับปีนี้ส่วนแบ่งตลาดของ Mazda3 ในกลุ่มซีคาร์ กำลังจะเติบโตถึง 7 เปอร์เซ็นต์ในไทย ความสำเร็จที่กล่าวมาเหล่านี้ ทำให้ผมมีความมั่นใจมากในโอกาสเติบโตของแบรนด์รถยนต์มาสด้า"

การเปิดตัว Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ คือ ยุทธศาสตร์อีกมุมหนึ่งของ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จากที่ท่านทราบมาก่อนหน้านี้ว่า โรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในฐานะที่เป็นฐานการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตันของ มาสด้า สู่ตลาดโลก บทบาทของโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ ในปัจจุบันนี้ได้ขยายฐานะขึ้นสู่การเป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่งอีกด้วย เพราะโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ มีความพร้อมเต็มที่ในการผลิตรถคุณภาพสูงให้แก่ผู้บริโภค ทั้ง มาสด้า2 และ Mazda3 ที่ผลิตจากโรงงานนี้ เป็นสินค้าเชิงยุทธศาสตร์ของมาสด้า สำหรับตลาดประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน"

Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของทีมวิศวกรของมาสด้า เพราะได้รับการกล่าวขวัญว่า เป็นรถสัญชาติญี่ปุ่นที่มีคุณภาพ เหนือกว่ารถชั้นนำกว่า 39 รุ่น โดยประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างมากมายจากทั่วโลกถึง 2,900,000 คัน และในประเทศไทยเป็นจำนวนสูงถึง 28,000 คัน เป็นเจ้าของรางวัลคุณภาพจากทั่วโลกแล้วกว่า 124 รางวัล รวมทั้งผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ทั้งของอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตลาดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งมาสด้าเชื่อมั่นว่า ความสำเร็จของ Mazda3 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้มาสด้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศไทย เพราะมาสด้ามีความพร้อมหลายด้าน ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของผู้จำหน่าย ทั้งรูปลักษณ์ของโชว์รูมที่มาสด้าได้ปรับรูปแบบใหม่หมด รวมทั้งคุณภาพของการบริการ ที่มาสด้าใส่ใจเป็นพิเศษ ก็เป็นรถสปอร์ตคาร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ซึ่งมีฐานผลิตก็อยู่ในประเทศไทย" มร. นากามิเน่ กล่าวเพิ่มเติม

Mazda3 รุ่นปี 2011

มร. โชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า "Mazda3 เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2547 ซึ่งในครั้งนั้นได้สร้างประวัติศาสตร์การขายต่อวงการรถยนต์เมืองไทยเป็น อย่างมาก โดยมีการซื้อ-ขายใบจอง Mazda3 ด้วยราคาที่สูงมาก พร้อมทั้งกลายเป็นรถยนต์เพียงรุ่นเดียว ที่สามารถมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี และยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ แม้กำลังจะเปลี่ยนโฉมใหม่ ซึ่งนับเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง"

สำหรับการเปิดตัว Mazda3 เจนเนอเรชั่นใหม่ในวันนี้ จะเป็นอีกหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมาสด้า ที่จะต่อยอดจากการเติบโตที่ก้าวกระโดดจากปีที่ผ่านมา ที่จะส่งผลให้ยอดขายน่าจะเกินเป้าหมายที่เราวางไว้ประมาณ 38,500 คัน หลังจากที่เราได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ในการทำการสำรวจตลาดไปก่อนหน้า นอกจากรูปลักษณ์ดีไซน์ที่เน้นความเป็นสปอร์ตแล้ว Mazda3 รุ่นใหม่นี้ยังมีสมรรถนะ และมาตรฐานเทียบเท่ารถยุโรปสุดหรู"

Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ เป็นยนตรกรรมคุณภาพที่ผู้บริโภครอคอยมากที่สุดในปีนี้ เหตุจากความลงตัวของทุกองค์ประกอบ ทั้งแนวทางการออกแบบรูปโฉมที่สวยงามโดดเด่นสะดุดตา รูปลักษณ์ให้ความรู้สึกสปอร์ตแม้ขณะเคลื่อนไหว หรือขณะจอดนิ่งสงบอยู่กับที่ โฉบเฉี่ยวปราดเปรียว พร้อมความสะดวกภายในรถ ประกอบอย่างประณีตด้วยวัสดุคุณภาพสูง"

สิ่งที่ทำให้ Mazda3 โดดเด่น คือการใช้เทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนารถสปอร์ต เรียกว่า 'เทคโนโลยีไลท์เวท' (Lightweight Technology) ลดน้ำหนักส่วนเกินที่ไม่จำเป็นของรถลง แต่ช่วยให้สมรรถนะของรถดีขึ้น การหยุดรถขณะใช้ความเร็วทำได้แม่นยำขึ้น ที่สำคัญ ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม 3% Mazda3 ใหม่ สามารถลดน้ำหนักส่วนเกินลงถึง 15 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และที่แน่นอนคือ ระบบช่วงล่างอันเลื่องชื่อของ มาสด้า ทุกองค์ประกอบ จึงตอบสนองการขับขี่ที่สนุกสนานตามแบบฉบับ 'ซูม-ซูม' อย่างแท้จริง" มร. ยูกิ กล่าวเพิ่มเติม

ทางด้าน คุณสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "Mazda3 นับเป็นรถที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด ตั้งแต่เปิดตัวในเจเนอเชั่นแรกจนถึงในปัจจุบันนี้ แนวทางการทำตลาด จะเน้นภาพลักษณ์ของความเป็นรถยนต์สปอร์ตที่ดีที่สุดในตลาดรถกลุ่ม ซีคาร์ เมืองไทย ซึ่งเป็นตลาดหลักของหลายยี่ห้อ และยังมีช่องว่างในการเข้าไปทำตลาด ซึ่งยังไม่มีแบรนด์ใดสามารถครองส่วนแบ่งแบบถาวร และถือเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ทางเลือกที่เป็นรถยนต์จากญี่ปุ่น ที่มีคุณภาพเทียบเท่ารถยุโรปสุดหรู ให้สมรรถนะขับขี่ที่ตอบสนองเร้าใจ และระบบความปลอดภัยรอบคัน การผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรปในระดับสูงสุด คือระดับ 5 ดาวทั้งอเมริกา ยุโรป รวมถึงออสเตรเลีย ให้ความสนุกสนานกับการขับขี่ด้วยความคล่องตัว ทั้งถนนในเมืองและบนไฮเวย์ พิเศษด้วยคุณสมบัติของแรงบิดที่ต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำ จึงตอบสนองได้รวดเร็วฉับไว อันเป็นพื้นฐานของสมรรถนะรถสปอร์ต และเป็นคุณสมบัติที่ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง"

Mazda3 รุ่นปี 2011

All New Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ ได้รับการออกแบบใหม่หมดทั้งภายนอกและภายใน ภายใต้ DNA ของ มาสด้า อันประกอบไปด้วย Stylish รูปลักษณ์ดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว Insightful ความพิถีพิถันทุกรายละเอียด และ Spirited ขีดสุดแห่งพลังที่สอดคล้องเป็นหนึ่งเดียว

เครื่องยนต์ 2000 ซีซี. ได้รับการปรับแต่งให้สมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แรงม้าสูงสุด 147 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 182 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ แอคทีฟเมติค 5 จังหวะ ใหม่ล่าสุด นุ่มนวลและต่อเนื่อง พร้อม Paddle Shift และระบบควบคุมเกียร์ AAS (active Adaptive Shift) สามารถควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะโดยอัตโนมัติ ตามสไตล์ของผู้ขับขี่

ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบไบซีนอน พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED รูปทรงสปอร์ต ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry เปิด-ปิด ประตูโดยไม้ต้องใช้กุญแจหรือรีโมท พร้อมระบบ Push Start Button ซันรูฟเปิด-ปิด ไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบการควบคุมการทรงตัว DSC ล้ออัลลอยด์ลายสปอร์ตเรียบหรูขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางซีรี่ต่ำ เช่นเดียวกับรถสปอร์ตชั้นนำ

สำหรับ Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ มาสด้าได้กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ชอบตามใคร มีความเป็นเป็นผู้นำ และประสบความสำเร็จทั้งด้านการหน้าที่การงาน และการใช้ชีวิตอย่างอิสระ ซึ่งจะสื่อสารด้วยภาพยนตร์โฆษณาความยาว 45 วินาที โฆษณาผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร สื่อป้าย และสื่อออนไลน์ และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยเน้นกระแสจากกรุงเทพฯ เป็นหลัก และในหัวเมืองหลักๆ ในต่างจังหวัด ทั้งนี้ มาสด้า ได้ทำงานร่วมกับผู้จำหน่ายในแต่ละพื้นที่ เพื่อการลงพื้นที่จัดกิจกรรมการตลาดเพื่อเปิดตัวรถอย่างเต็มที่ทั่วประเทศ" คุณสุรีทิพย์ กล่าวปิดท้าย

เครื่องยนต์ - ช่วงล่าง

เครื่องยนต์ MZR 2.0 ขนาด 2000 ซีซี 4 สูบแถวเรียง ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์พ 16 วาล์ว ใช้ระบบการรับอากาศไอดีหรือ Front Air Pickup Air Induction System (FAPAIS) เป็นครั้งแรก สามารถรับอากาศไอดีบริสุทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อุณหภูมิสูง

Mazda3 ใช้ระบบบังคับเลี้ยว Electro-Hydraulic Power Assist Steering System (EHPAS) ออกแบบให้มีตำแหน่งยึดชุดเฟืองบังคับเลี้ยวถึง 3 จุด เพิ่มความสมดุลในการบังคับเลี้ยว และคุณภาพของการรองรับการสั่นสะเทือน การปรับการยึดของชุดเกียร์ระบบส่งกำลัง ให้เกิดความนุ่มนวลมากขึ้น ทำให้ช่วยลดการสั่นสะเทือนจากระบบส่งกำลัง ไปยังพวงมาลัยในการขับขี่ทางตรง และการเพิ่มเส้นผ่าศูนย์กลางของชุดเฟืองระบบบังคับเลี้ยว เป็นการเพิ่มกำลังที่ใช้ในการควบคุมการบังคับเลี้ยว

ระบบช่วงล่างยังคงใช้พื้นฐานเช่นเดิมใน Mazda3 เจนเนอเรชั่นแรก ช๊อคอัพเป็นแบบโมโนทูป ด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังใช้ระบบอิสระมัลติลิงค์ แต่โครงสร้างด้านหน้าถูกปรับโดยการใช้เหล็กที่เชื่อมกับตัวถัง ที่มีขนาดหน้าตัดใหญ่ขึ้น เพิ่มการรองรับ และจุดยึดของครอสเมมเบอร์ให้ได้สมรรถนะสูงสุด ด้านหลังออกแบบรูปทรงของคานอิสระ เพิ่มเสถียรภาพและความสมดุลของรถ

ภายใน

มากับจอแสดงข้อมูลเอนกประสงค์อัจฉริยะ Multi Information Display (MID) แสดงข้อมูลทริปการเดินทาง การตั้งค่าสัญญาณเตือนต่างๆ และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็น เพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่

ระบบปรับอากาศถูกพัฒนาขึ้นใหม่ ให้ประสิทธิภาพขั้นสูงในการปรับอากาศ ทั้งระบบทำความเย็นและความร้อน เพื่อควบคุมอุณหภูมิให้ได้ตามสั่งในห้องโดยสาร คอมเพรสเซอร์มีขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มปริมาตรความจุของอากาศที่ไหลผ่าน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่สามารถแยกการควบคุมอิสระได้ 2 โซนทั้งในด้านผู้ขับขี่ (ด้านขวา) และด้านผู้โดยสาร (ด้านซ้าย)

สีภายนอก

Mazda3 มีสีให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีดำ แบล็ค ไมก้า, สีบรอนซ์เงิน ไฮไลท์ซิลเวอร์, สีเทา เมโทรโพลิแทนต์, สีทอง สปาคคลิ้ง โกลด์, สีน้ำเงิน ออโรร่า บลู, สีแดง ทรู เรด และ สีขาว อาร์คติค ไวท์ โดยสีที่เป็นภาพลักษณ์ของรุ่น 5 ประตู คือ สีแดง ทรูเรด ส่วนรุ่น 4 ประตู คือ สีบรอนซ์เงิน ไฮไลท์ซิลเวอร์ เพื่อถ่ายทอดความประทับใจของความพิถีพิถัน เหนือระดับ และความสนุกเร้าใจในการขับขี่

สีภายใน

สีภายในห้องโดยสารมีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และ สีเบจ โดยสีดำเน้นความสปอร์ต สีเบจให้ความรู้สึกสว่าง และโปร่งโล่ง การออกแบบภายใน เพิ่มการใช้ชิ้นส่วนสีเงินมากขึ้น เบาะนั่งออกแบบด้วยสไตล์กึ่งบัคเก็ต (semi-bucket) ใช้วัสดุหนังแท้ ส่วนของภายในสีเบจ เลือกใช้สีดำมาผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว

Mazda3 เจเนอเรชั่นใหม่ ในช่วงเริ่มแรกจะมีด้วยกัน 2 รุ่น คือ รุ่นแฮตช์แบ็ค 5 ประตู และ รุ่นซีดาน 4 ประตู มีให้เลือกทั้งหมด 7 สี

Mazda3 รุ่น Maxx A/T เกียร์อัตโนมัติ 1,064,000 บาท

Mazda3 รุ่น Maxx Sports A/T เกียร์อัตโนมัติ 1,064,000 บาท

ที่มา: Mazda


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ