มาตามนัด! 2014 Nissan GT-R Nismo เปิดตัวแล้ว พกแรงม้าระดับ 600 ตัว

หลังมีภาพพร้อมข้อมูลเบื้องต้นหลุดออกมาเมื่อวานนี้ ล่าสุด Nissan ได้ฤกษ์เผยโฉม 2014 GT-R Nismo อย่างเป็นทางการแล้ว

สำนักแต่ง Nismo ทำการปรับจูนเครื่องยนต์ V6 ความจุกระบอกสูบ 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบใหม่หมดด้วยการติดตั้งเทอร์โบชาร์จลูกใหญ่กว่าเดิมสเปกเดียวกับรุ่น GT3 พร้อมปรับตั้งตัวควบคุมการจุดระเบิดของลูกสูบทั้งหกลูกใหม่ รวมถึงปรับปรุงปั๊มเชื้อเพลิงและห้องเผาไหม้ใหม่ด้วย

ผลลัพธ์ของการปรับระบบวิศวกรรม ทำให้ขุมพลังบล็อกนี้รีดพละกำลังได้มากถึง 600 แรงม้าที่ 6,800 รอบ/นาที (เพิ่มจากรุ่นเดิมซึ่งอยู่ที่ 6,400 รอบ/นาที) แรงบิดมหาศาล 652 นิวตันเมตร

2014 GT-R Nismo ได้รับการติดตั้งสปริงและช็อกอัพ Bilstein ชุดใหม่ทั้งสี่ล้อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเกาะถนนและแฮนดลิ่งให้ดียิ่งขึ้น ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการทำงานของช่วงล่างได้สามแบบคือ Comfort, Normal and และ R ซึ่งโหมด R นั้นได้รับการพัฒนามาเพื่อใช้งานในสนามแข่งโดยเฉพาะ

รูปลักษณ์ภายนอกหล่อเหลาด้วยชุดคิทแอโรไดนามิก ทั้งสปอยเลอร์หลังทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ กันชนหน้าขนาดใหญ่และกันชนหลังดีไซน์สุดงาม ซึ่งช่วยให้ค่าแรงเสียดทานอากาศลดเหลือเพียง 0.27

GT-R Nismo มีสีตัวถังให้เลือก 4 สไตล์คือ ขาว Brilliant White Pearl สีดำ Meteor Flake Pearl Black สีบรอนซ์เงิน Ultimate Metallic Silver และสีแดง Vibrant Red ล้ออัลลอยใช้ลายหกก้านสีเทา Dark Matte Grey คล้ายกับรถแข่ง GT500 ของ Nissan

ในห้องโดยสารใช้สีดำสลับแดง พร้อมตัดเย็บด้วยด้ายสีแดงบริเวณคอนโซลกลาง เบาะที่นั่งและแผงข้างประตู พวงมาลัยแบบสามก้านหุ้มด้วย Alcantara เบาะคาร์บอนไฟเบอร์สุดสปอร์ตรองรับสรีระผู้ขับขี่เป็นของ Recaro ส่วนมาตรวัดตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์

Nissan ไม่เพียงปล่อยภาพสวยๆให้ได้ชมกันเท่านั้น แต่ยังเผยวีดีโอการทำความเร็วรอบสนามเนอร์เบิร์กริงด้วยเวลา 7:08.679 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม GT-R Nismo ที่ใช้ทดสอบดังกล่าวมาพร้อมกับอ็อปชั่น Track ที่เรานำเสนอเบื้องต้นไปเมื่อวานนี้ซึ่งทาง Nissan ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมแต่อย่างใด

การทำความเร็วระดับ 7:08.679 ทำให้ GT-R Nismo เวอร์ชั่นล่าสุดนี้เป็นรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดเป็นอันดับสอง ตามหลังเพียง 918 Spyder ซูเปอร์คาร์ไฮบริดที่ทรงพลังกว่ามาก

2014 Nissan GT-R Nismo จะออกจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ตามมาด้วยตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปในช่วงกลางปี ราคาค่าตัวจะได้รับการประกาศอีกครั้ง