ไปกันใหญ่ บก.จร.เสนอเพิ่มเกณฑ์อายุสำหรับใบขับขี่ จะเล่นบิ๊กไบค์ต้อง 30 ขึ้นไปเท่านั้น

กลายเป็นประเด็นใหญ่โตไปเสียแล้วสำหรับข้อกำหนดที่ฟังดูไม่ค่อยเข้าท่าจากบรรดาท่านๆ ทั้งหลายที่ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงการ "ล้อมคอก" ผู้ใช้บิ๊กไบค์ ด้วยมาตรการณ์ต่างๆ นาๆ โดยอ้างเรื่องความปลอดภัย และข้อกำหนดของกฎหมายรุ่นคุณปู่

หลังจากกรณีบิ๊กไบค์ชนนักศึกษาเสียชีวิตที่สร้างกระแสในสังคมอย่างรุนแรง ล่าสุดมีการให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดอายุของคนขี่บิ๊กไบค์ โดย พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ที่บอกว่า "อยากให้คนที่ขับขี่บิ๊กไบค์ได้ต้องอายุ 30 ปีขึ้นไป และต้องมีเหตุผลประกอบอื่นๆ ด้วย" ว่าแต่เหตุผลประกอบอื่นๆ และการต้องมีอายุ 30 ปีขึ้นไปนี่ใช้อะไรเป็นมาตรฐานกัน นั่นคือสิ่งที่กลุ่มคนบนโลกโซเชียลต่างสงสัย

โดยท่าน รอง ผบ.จร. ได้ให้สัมภาษณ์ว่าทางตำรวจก็ได้ใช้กฎหมายทุกอย่างกับผู้ใช้บิ๊กไบค์ไม่ได้ต่างไปจากผู้ใช้คนใช้ถนนกลุ่มอื่นๆ ไม่ได้ให้สิทธิ์พิเศษ ใช้ช่องทางพิเศษไม่ได้ ไม่ว่ารถจะแรงแค่ไหนก็เท่าเทียมกันหมด และต้องขับตามความเร็วที่กฎหมายกำหนดคือไม่เกิน 90 กม./ชม. (หากยังไม่ทราบเรื่องการกำหนดความเร็วที่ 90กม./ชม. นั้นมีใช้มานานแล้ว)

ข้อกฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ผู้ที่เริ่มทำใบขับขี่ได้ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันจะเห็นว่ามีกลุ่มเด็กมัธยมใช้รถบิ๊กไบค์กันมากขึ้น จึงอาจต้องมีการแบ่งประเภทผู้ใช้รถออกตามช่วงอายุให้ชัดเจน โดยยึดตามปริมาณกระบอกสูบหรือซีซี ตามอย่างต่างชาติ

พร้อมกันดีทาง รอง ผบ.จร. ยังได้อ้างถึงการตั้งด่านจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตำรวจมีข้อจำกัดเรื่องขนาดซีซีของรถที่เจ้าหน้าที่ใช้งานที่ไม่สู้รถบิ๊กไบค์ จึงต้องใช้วิธีตั้งด่านสกัดจับเพราะตำรวจไล่ไม่ทันและยังเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ด้วย

ยืนยันว่าไม่ว่ารวยหรือจนก็จับหมด ไม่งั้นจะกลายเป็นสองมาตรฐาน ส่วนเรื่องเครื่องมือวัดเดซิเบลที่มีน้อยและไม่พอกับการใช้งานแล้วใช้หูวัดเอาว่าดังเกินกำหนดนั้น ทาง รอง ผบ.จร กล่าวว่า "เราไม่ได้ทำงานแบบผักชีโรยหน้า แต่ขาดแคลนอุปกรณ์จริงๆ"

แหม่ ก็ไม่รู้ว่าขาดแคลนอุปกรณ์หรือขาดแคลนในส่วนไหนกันแน่ แต่ประเด็นเรื่องการเอาหูวัดความดังท่อไอเสียนี่ก็เป็นประเด็นมาหลายทีแล้ว ถึงทางเจ้าหน้าที่จะยืนยันว่าไม่สองมาตรฐาน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ แต่ทำไมประชาชนยังส่ายหน้า อันนี้ก็ลองไปพิจารณากันดูเองแล้วกัน