เคล็ดการขับขี่อย่างปลอดภัยที่หลายคนอาจไม่รู้

อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่เราสามารถป้องกันไว้ก่อนได้ด้วยการปฏิบัติตามกฎหมายจราจรและมีสมาธิอยู่กับการขับขี่อยู่ตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน ยังมีอีกหลายเคล็ด (ไม่) ลับในการขับขี่ที่ช่วยให้การใช้รถใช้ถนนของผู้อ่านมีความปลอดภัยมากขึ้น วันนี้ ออโต้สปินน์ขอนำ 5 ข้อมาฝากกัน

1. ปรับกระจกมองข้างให้เหมาะสม

เชื่อว่าผู้ขับขี่บางคนยังปรับกระจกมองข้างไม่ถูกต้อง การปรับกระจกมองข้างให้มองเห็นตัวถังด้านข้างของรถถือว่าไม่จำเป็นแม้แต่น้อย วิธีการปรับที่เหมาะสมคือการมองเห็นด้านหลังทั้งหมดโดยไม่ต้องมองเห็นตัวถังของรถที่เรากำลังขับขี่เพราะจะช่วยลด “มุมอับสายตา” ลงได้ ป้องกันการเฉี่ยวชนมอเตอร์ไซค์ที่อาจขี่เทียบอยู่ด้านข้างตัวรถของเรา

2. อย่าเชื่อในสัญญาณจราจรเสมอไป

การขับขี่ผ่านทางแยกที่มีสัญญาณไฟจราจรควรมองซ้ายมองขวาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ไฟเขียวไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยเต็ม 100% เพราะอาจมีการฝ่าไฟแดงมาจากช่องทางจราจรด้านอื่น โดยเฉพาะเมื่อไฟเพิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียว ดังนั้น เมื่อจะออกตัวข้ามทางแยก ควรมองซ้ายหรือขวาให้รอบคอบ หรือถ้าวิ่งมาด้วยความเร็วก่อนข้ามทางแยกก็ควรจะชะลอรถลงเพื่อเหลือบมองซ้ายขวาว่าไม่มีจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ที่มักง่ายฝ่าไฟแดงออกมา

3. ไม่ควรฟังเพลงดังเกินไป

การฟังเพลงที่มีเสียงดังและจังหวะเร่งเร้าขณะขับรถทำให้สมาธิลดลง ผลสำรวจของหน่วยงานคมนาคมแห่งอิสราเอลพบว่า ผู้ขับขี่ที่ฟังเพลงเสียงดังจะมีชีพจรที่คงที่ ขณะผู้ขับขี่ที่ไม่ฟังเพลงจะมีชีพจรขึ้นและลงตามสภาพจราจร ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องดี แต่แท้จริงแล้ว ชีพจรคงที่หมายถึงการขาดสมาธิในการขับขี่บนท้องถนนเนื่องจากกำลังเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงมากเกินไป ขณะเดียวกัน เสียงเพลงที่ดังเกินไปยังทำให้ไม่ได้ยินเสียงสภาพจราจรรอบข้างอีกด้วย

4. ใช้เบรกมือเป็นประจำ

ข้อนี้ใช้ได้ทั้งกับรถเกียร์อัตโนมัติและเกียร์ธรรมดา เบรกมือเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในการควบคุมตัวรถให้หยุดนิ่งซึ่งจำเป็นต้องใช้เป็นประจำเพื่อรักษาสภาพของสายเคเบิลและกลไกการทำงานต่างๆ ให้สมบูรณ์ที่สุด การจอดรถทั้งบนทางราบและเนินควรใช้เบรกมือเพื่อป้องกันรถไหล

5. ไม่เหยียบเบรกเมื่อยางแตก

เมื่อเกิดเหตุยางแตก สัญชาตญาณแรกของผู้ขับขี่ทุกคนคือการยกคันเร่งและเหยียบเบรกกะทันหันเพราะตัวรถทำท่าจะสูญเสียการควบคุม แต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่ควรทำคือเลี้ยงคันเร่งต่อไปและควบคุมพวงมาลัยจนกว่าตัวรถจะอยู่ภายใต้การควบคุม ก่อนที่จะค่อยๆ ถอนคันเร่งและประคองรถเข้าจอดไหล่ทางเพื่อความปลอดภัย