[Video] Mercedes-Benz เปิดตัว E-Class โฉมใหม่ประกอบไทย ค่าตัวถูกลงกว่าครึ่งล้าน

เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดตัวอี-คลาส เจนเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศไทย โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นอันล้ำสมัย และมีราคาจำหน่ายย่อมเยาลงกว่าเดิม 6-8 แสนบาท

อี-คลาสแบ่งเป็น 3 รุ่น 3 ราคาได้แก่

อี220 ดี Avantgarde ราคา 3,390,000 บาท

อี-คลาสใหม่มาพร้อมตัวถังและฐานล้อที่ยาวและกว้างขึ้น รูปลักษณ์ด้านหลังของตัวรถได้รับการออกแบบให้ซุ้มล้อหลังดูกว้างกว่าซุ้มล้อหน้า เพื่อแสดงเอกลักษณ์ของสมาชิกใหม่ในกลุ่มรถซาลูนของเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมติดตั้งโคมไฟท้ายแบบชิ้นเดียว รุ่นอี220 ดี Avantgarde มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performance

สำหรับรุ่นอี220 ดี Exclusive และอี220 ดี AMG Dynamic มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (ILS – Intelligent Light System) ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System) ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light), ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) หลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า กันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ตแบบเอเอ็มจี ดิสก์เบรกหน้าแบบมีช่องระบายความร้อน

ห้องโดยสารของอี-คลาสใหม่เน้นมอบความรู้สึกสะดวกสบายขณะขับขี่และโดยสาร เบาะที่นั่งจึงถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของรถตระกูลนี้ โดยเบาะตอนหลังสามารถพับลงแบบ 1/3 และ 2/3 เพื่อความสะดวกในการบรรจุสัมภาระ ภายในได้รับการตกแต่งสไตล์หรูหรา มาพร้อมกับเบาะนั่งหุ้มหนังอาร์ทิโก (ARTICO) พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังแนปปา (nappa) มีชุดหน้าจอความละเอียดสูงและหน้าจอดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้วจำนวน 2 จอ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในห้องโดยสารโดยหน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือ แผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอกว้างเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจน และอีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์

นอกจากนี้ยังมีระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย (Wireless Charging) ขณะที่รุ่นอี220 ดี AMG Dynamic ที่ประกอบในประเทศไทยจะมาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up Display)

ระบบความปลอดภัยถือว่าครบครันด้วยแพ็คเกจ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE system, ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่าผู้ขับขี่ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง

ส่วนระบบอิเลกทรอนิกมีทั้งระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program - ESP) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS  (Anti-lock braking system) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-start Assist ไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light)    ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับรถ (ATTENTION ASSIST), ระบบรักษาความเร็ว         (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator) และระบบเตือนแรงดันยาง (tyre pressure loss warning system) เป็นต้น

เครื่องยนต์ของทุกรุ่นย่อยเป็นบล็อกดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พละกำลัง 194 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่รอบต่ำ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 7.3 วินาที อัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 25.6 กม.ต่อลิตร ปล่อยมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 102 กรัมต่อกม. ซึ่งถือว่าต่ำมาก

ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่

ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่