เช็คให้ชัวร์ ! 10 อย่างก่อนขับรถเดินทางไกล Share this

เช็คให้ชัวร์ ! 10 อย่างก่อนขับรถเดินทางไกล

Tadsaneeya
โดย Tadsaneeya
โพสต์เมื่อ 11 April 2560

ในช่วงก่อนหยุดยาว หลายต่อหลายคนมักจะเลือกการเดินทางกลับบ้านด้วยการขับรถยนต์ซึ่งเป็นวิธีการที่สะดวกที่สุด(ถึงแม้ว่าจะต้องแลกกับรถที่ติดขัดอย่างมหาศาล)


ด้วยระยะการเดินทางในช่วงหยุดยาว การดูแลและบำรุงรักษารถยนต์ก่อนการเดินทางไกล ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้การเดินทางเป็นไปด้วยความราบรื่นตลอดเส้นทางการเดินทางทั้งขาไปและกลับ Autospinn มีเทคนิคง่ายๆ เพียง 10 ขั้นตอนที่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเองดังนี้

1.เช็ครอบตัวรถ

เริ่มต้นจากการเดินดูสภาพรอบๆรถยนต์ดูก่อน ว่ามีส่วนไหนไม่สมบูรณ์บ้าง บางส่วนอาจยังไม่เป็นอันตรายหากต้องเดินทางไกล เช่น รอยขีดข่วน หรือรอยบุบต่างๆ แต่ถ้าหากรุนแรงถึงขนาดเริ่มหลุดออกจากตำแหน่งปกติแล้ว ไม่สมบูรณ์ ไม่ควรทนฝืนวิ่งต่อ อาทิ สเกิร์ตหลุดห้อยออกมา แผ่นรองใต้ห้องเครื่องขาดเพราะโดนกระแทกจนห้อยมาเกือบติดพื้น อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางได้หรือแม้กระทั่งกับเพื่อนร่วมทางได้ ควรได้รับการดูแลแก้ไขก่อนการเดินทางไกล

เช็ครอบตัวรถ1 เช็ครอบตัวรถ2 เช็ครอบตัวรถ3

2. เช็คล้อและยาง

ลองไล่ตรวจดูล้อและยางว่าปกติไหม เริ่มจากไล่ดูสภาพภายนอก ยางมีรั่วแบน หรือบวมหรือไม่ หากมีควรเปลี่ยนทันที หรือถ้าไม่สามารถเปลี่ยนก่อนเดินทางได้ ควรนำล้ออะไหล่มาเปลี่ยนแทน ต่อมาลองดูดอกยางว่าสึกลึกลงไปถึงระดับที่ควรเปลี่ยนแล้วหรือยัง (จะมีเครื่องหมายสามเหลี่ยมอยู่ด้านข้างดอกยาง) ดอกยางจะมีผลต่อเดินทางไกล ในการยึดเกาะถนนและการเบรกกระชั้นชิดมาก ยาง 1 ชุด สามารถวิ่งได้อย่างน้อยๆ 40,000 กิโลเมตรหรืออย่างต่ำ 2-3 ปี เมื่อเช็คสภาพภายนอกของยางเสร็จ อย่าลืมเช็คแรงดันลมยางตามสเป็คที่รถระบุ การขับรถทางไกลควรเติมลมยางให้แข็งกว่าปกติซัก 2-3 ปอนด์ นอกจากนี้ ท่านควรนำล้ออะไหล่มาเติมลมยางก่อนเดินทางไกลด้วย

ล้อและยาง

3.เช็คระบบหล่อเย็น

ระบบหล่อเย็นจะช่วยรักษาอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ในทุกสภาพการใช้งาน เมื่อเครื่องยนต์ทำงานและร้อนขึ้น ระบบหล่อเย็นจะดึงความร้อนออกไปส่วนหนึ่งทำให้เครื่องยนต์ไม่ทำงานในสภาพที่อุณหภูมิที่สูงเกินไปนั่นเอง

เราสามารถเช็คระบบหล่อเย็น หรือ coolant ได้ง่ายๆ โดยสามารถตรวจระดับน้ำยาหล่อเย็นได้โดยมองจากภายนอก ระดับน้ำหล่อเย็นควรอยู่ในระดับมากกว่า Min ขึ้นไป สามารถหาซื้อน้ำยาหล่อเย็นได้จากศูนย์บริการหรือจากอู่ซ่อมรถยนต์ที่อยู่ใกล้บ้าน

เช็คน้ำยาหล่อเย็น

4.เช็คน้ำมันเบรก

น้ำมันเบรกจะช่วยหล่อลื่นส่วนต่างๆ ในระบบเบรก เนื่องจากต้องมีการเสียดสีของส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบ ลูกยาง ภายในแม่ปั๊มเบรก ลูกปั๊มเบรก ถ้าหากน้ำมันเบรกรั่ว หรือไม่เพียงพอ จะเกิดการสึกหรอ จนกระทั่งไม่สามารถเบรกได้ หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า "เบรกแตก"

โดยมากกระบอกเก็บน้ำมันเครื่องจะอยู่บริเวณตอนหน้าของห้องเครื่อง เราสามารถสังเกตได้จากภายนอกว่าน้ำมันเบรกขาดหรือไม่ โดยควรให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า Min หากน้ำมันเบรกเริ่มน้อยลง มีความเป็นไปได้ถึงผ้าเบรกเริ่มสึกหรอลง ควรตรวจสอบว่าผ้าเบรกยังเหลือเพียงพอหรือไม่

เช็คน้ำมันเบรค

5.เช็คน้ำมันเครื่อง

ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งสำหรับเครื่องยนต์ นั่นคือ น้ำมันเครื่อง ถือเป็นส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก โดยให้ดึงก้านเช็คน้ำมันเครื่องในขณะที่ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเพื่อเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ระดับน้ำมันเครื่องควรอยู่ไม่ต่ำกว่าระดับที่ก้านระบุไว้ โดยสามารถเติมน้ำมันเครื่องเพิ่มลงไปได้หากน้อยกว่าที่ระบุ นอกจากนี้ น้ำมันเครื่อง ควรทำการเปลี่ยนถ่ายทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตร เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และถนอมส่วนประกอบต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นลูกสูบ เสื้อสูบ ข้อต่อต่างๆ

เช็คน้ำมันเครื่อง

6.เช็คระบบปรับอากาศ

สภาพอากาศในเมืองไทย อากาศร้อนถึงร้อนมากโดยส่วนใหญ่ การเตรียมความพร้อมให้ระบบปรับอากาศสามารถทำความเย็นได้ตามปกติถือเป็นสิ่งที่ควรดูแลเป็นอย่างมาก โดยมากระบบปรับอากาศจะเริ่มอุดตันจากการไม่ได้ดูแลเรื่องกรองแอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถมีกลิ่นและไม่เย็นอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนกรองแอร์ทุกๆ 1 หมื่นกิโลเมตรเช่นกัน จะทำให้แอร์เย็นและอากาศในรถสดชื่นยิ่งขึ้น ทั่้งนี้ การเปิดกระจกขณะขับรถ มีส่วนทำให้กรองแอร์ตันและสกปรกเร็วยิ่งขึ้น

เช็คกรองแอร์

เช็คระบบปรับอากาศ

7.เช็คระบบไฟฟ้า ไฟหน้าและไฟเบรก

หลังสตาร์ทรถ ลองเช็คดูหน้าปัดรถว่ามีไฟเตือนอะไรขึ้นปกติหรือเปล่า โดยปกติ เมื่อบิดกุญแจไปที่ Ignition mode จะมีไฟเตือนระบบต่างๆขึ้น และเมื่อสตาร์ทรถเรียบร้อยไฟเตือนเหล่านี้จะดับไปเอง

สัญญาณไฟหลักๆที่จะเตือน

- ไฟเตือนแบตเตอรี่

- ไฟเตือนถุงลม ABS

- ไฟเตือนน้ำมันเครื่อง

หากรถท่านมีอาการไฟดังกล่าวขึ้น อย่าได้นิ่งนอนใจควรรีบเข้าศูนย์บริการใกล้บ้าน เพราะหากเกิดรถขัดข้องกลางทางจะทำให้เสียเวลามากกว่าเดิมอย่างแน่นอน แถมยังมีสิทธิ์เกิดอันตรายทั้งคนขับและรถยนต์มากยิ่งขึ้น

เช็คไฟหน้าปัดรถยนต์

เช็คไฟเบรค เช็คไฟรถ

8.เช็คเส้นทาง และเตรียมแผนที่ให้พร้อม

เส้นทางที่ดี จะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางและทำให้วางแผนการเดินทางได้ถูกต้อง รวมถึงอาจต้องคอยตรวจสอบข่าวสารเส้นทางจาก จส.100 เผื่อไว้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ณ เส้นทางที่เดินทางจะได้ตัดสินใจวางแผนการเดินทางได้ใหม่

9.เช็คความพร้อมของคนขับ

เรื่องสำคัญสุดท้าย คือการตรวจสอบสภาพของตัวผู้ขับเองก่อนการขับเองทุกครั้งก่อนการเดินทาง หากเกิดอาการง่วงในขณะขับ ควรแวะหาที่พักตามปั้มเพื่อแวะพัก หรือถ้าหากไม่สามารถหาปั้มแวะพักได้ ควรพกน้ำดื่มหรือกาแฟจิบระหว่างเดินทางเพื่อบรรเทาความง่วง รวมถึงหากสามารถเปลี่ยนคนขับรถได้ ก็จะช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าจากการเดินทางระยะไกลได้เป็นอย่างดี

10.เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินไว้เสมอ

ติดเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินไว้ในรถเสมอเมื่อต้องเดินทางไกล ท่านสามารถตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินได้ที่นี่

สุดท้ายแล้ว 10 ขั้นตอนง่ายๆนี้ สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง แต่ที่สำคัญที่สุด ขับรถต้องใจเย็น มีสติ และมีน้ำใจให้เพื่อนร่วมทาง เพียงเท่านี้ การเดินทางไกลก็จะปลอดภัยถึงที่หมายด้วยความสุขใจของคนที่รออย่างแน่นอน :)

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ