รีวิว Hyundai IONIQ 5 ขับดีเกินคาด แต่ราคารุ่นท็อปแพงไปหน่อย Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว Hyundai IONIQ 5 ขับดีเกินคาด แต่ราคารุ่นท็อปแพงไปหน่อย

Champ Autospinn
โพสต์เมื่อ 24 February 2567

ลองขับครั้งแรก Hyundai IONIQ 5 รถพลังงานไฟฟ้าที่มีดีไซน์สวยงามสะดุดตา และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน


Hyundai IONIQ 5 มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย

  • Premium ราคา 1.699 ล้านบาท
  • Exclusive ราคา 1.899 ล้านบาท
  • First Edition ราคา 2.399 ล้านบาท

รับชมรีวิว Hyundai IONIQ 5 รูปแบบวีดีโอ ได้ที่นี่

ขุมพลัง และขนาดแบตเตอรี่ Hyundai IONIQ 5

รุ่น Premium มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 8.5 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 185 กม./ชม.

รุ่น Exclusive และ รุ่น First Edition มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 7.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 185 กม./ชม.

ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

  • รุ่น Premium ขนาดแบต 58 kWh วิ่งได้ 384 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)
  • รุ่น Exclusive  ขนาดแบต 72.6 kWh วิ่งได้ 481 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)
  • รุ่น First Edition ขนาดแบต 72.6 kWh วิ่งได้ 451 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP)

ระยะเวลาในการชาร์จไฟ

ไฟ AC รองรับ 10.5 kW

  • รุ่น Premium ชาร์จ 0-100% ใช้เวลา 4.59 ชม.
  • รุ่น Exclusive ชาร์จ 0-100% ใช้เวลา 6.09 ชม.
  • รุ่น First Edition ชาร์จ 0-100% ใช้เวลา 6.09 ชม.

ไฟ DC รองรับ 350 kW ชาร์จ 10-80% ใช้เวลา 17.16 นาที

สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย จัดขึ้น ขับจาก จ.กรงเทพฯ - จ.พระนครศรีอยุธยา รวมระยะทางไปกลับประมาณ 200 กม. โดยรุ่นย่อยที่ขับทดสอบนั้น คือรุ่น First Edition ราคา 2.399 ล้านบาท มีโอกาสทดสอบทั้งในเรื่องพละกำลัง ระบบช่วงล่าง ฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงระบบความปลอดภัยต่าง ๆ จึงอยากใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อเล่าสู่กันฟังครับ

ดีไซน์ภายนอก Hyundai IONIQ 5

Hyundai IONIQ 5 โดดเด่นด้วยลายเส้นที่ดูล้ำสมัย มีเหลี่ยมสันที่ชัดเจน ดึงดูดสายตาผู้คนบนท้องถนน ชุดไฟด้านหน้า และด้านหลังเป็นแบบ Parametric Pixel กันชนหน้ารูปตัววี ฝากระโปรงแบบ Clamshell มีกล้องที่อยู่ด้านบนของกระจกหน้า ทำหน้าที่ในการตรวจจับให้กับระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ของรถคันนี้ และยังมาพร้อมกล้องที่ติดตั้งอยู่รอบคัน รวมถึงยังมีเซนเซอร์ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง

มือเปิดประตูแบบพับเก็บได้ เรียบเนียนไปกับพื้นผิวประตู และเมื่อเราปลดล็อครถก็จะกางยื่นออกมา

ในรุ่นท็อปสุด (First Edition) จะได้เป็นล้อขนาด 20 นิ้ว ข้อดีคือมันดูสวยงาม ใหญ่เต็มซุ้มล้อ ดูแล้วลงตัวมากครับ แต่ข้อเสียก็คือ ทำให้ระยะทางในการวิ่งลดลงไป 30 กม. เมื่อเทียบกับรุ่นรองท็อป (Exclusive)

หลังคา Vision Roof เพิ่มความโปร่งสบายด้วยแผงกระจกขนาดใหญ่แผ่นเดียวไม่มีสิ่งใดปิดกั้น ซึ่งจะมีในเฉพาะรุ่นท็อปเท่านั้น

ดีไซน์ภายใน Hyundai IONIQ 5

ภายในมาพร้อมการออกแบบที่ทันสมัย มีไฟ Ambient Mood Light 64 เฉดสี ,ที่ชาร์จไฟแบบ USB 4 port ,ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย

เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า มีที่ดันหลังพร้อมระบบปรับเบาะอุ่น/เย็น ส่วนเบาะคนขับสามารถปรับเอนนอนแบบ Zero Gravity ด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบบันทึกตำแหน่งเบาะผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน (ปรับอิสระแยกซ้าย,ขวา)

แผงหน้าปัดขนาด 12.3 นิ้ว สำหรับแสดงข้อมูลการขับขี่ เมื่อเปิดไฟเลี้ยว กล้องด้านข้างจะแสดงภาพมาที่หน้าจอ

พวงมาลัยดีไซน์ล้ำสมัยแบบสองก้านหุ้มหนัง มีปุ่มมัลติฟังก์ชั่นสำหรับควบคุมจอเครื่องเล่นตรงกลาง และจอเรือนไมล์ รวมถึงยังมีปุ่มสำหรับตั้งค่าระบบ Adaptive Cruise Control ,ปุ่มตั้งระยะห่างระหว่างรถเรากับคันหน้า และปุ่มสำหรับรักษาตัวรถให้อยู่ในเลน ส่วนปุ่มที่อยู่ด้านล่าง สำหรับปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ Eco, Normal, Sport

ที่ด้านหลังของพวงมาลัยมีแป้น Paddle Shifters ซึ่งแป้นตัวนี้เอาไว้หน่วงความเร็ว สามารถหน่วงได้ 3 ระดับ พร้อมระบบ i-Pedal

ก้านเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย

เบาะหลังสามารถพับได้เรียบ แยกออกเป็น 60:40 จากการทดลองนั่ง ถือว่านั่งได้สบายมากครับ พนักพิงสามารถปรับเอนได้เยอะ และฐานเบาะนั่งยาวกำลังดี นั่งได้เต็มก้น มีแอร์ด้านหลังให้ 2 จุดคือฝั่งซ้ายและฝั่งขวา

ทดสอบการขับขี่ Hyundai IONIQ 5

การขับทดสอบในครั้งนี้แม้จะเป็นทริปสั้น ๆ ระยะทางไปกลับประมาณ 200 กม. แต่ก็ทำให้ได้เห็นประสิทธิภาพหลายด้านของเจ้าคันนี้ เริ่มกันตั้งแต่จังหวะของการขับออกตัว ตามสไตล์ของรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อใส่เกียร์ D พอยกเท้าออกจากเบรก ตัวรถก็เคลื่อนที่ลื่นไหลได้ดีแบบไร้แรงหน่วง ช่วงแรกของการทดสอบเราวิ่งเส้นสุขุมวิท รถค่อนข้างติด จึงถือโอกาสนี้ทดสอบระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น ระบบ Adaptive Cruise Control จากการทดสอบถือว่าระบบนี้ทำงานได้สมูทมากครับ เมื่อเราล็อคความเร็วเอาไว้ รถก็จะวิ่งไม่เกินความเร็วที่เรากำหนด และถ้ารถคันหน้าขับช้ากว่า รถเราก็จะใช้ความเร็วเท่ากับรถคันหน้า เมื่อคันหน้าเบรก รถเราก็จะเบรกตามแบบไม่หัวทิ่ม พอคันหน้าเคลื่อนที่ รถเราก็จะเคลื่อนที่ตามแบบไม่กระชาก ซึ่งสามารถตั้งระยะห่างได้ 4 ระดับ

นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาตัวรถให้อยู่กึ่งกลางเลน เมื่อเราขับออกนอกเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว พวงมาลัยจะดึงกลับให้เข้ามาอยู่ในเลนเหมือนเดิม เป็นการดึงกลับที่สมูทใช้ได้เลยล่ะครับ และเจ้าคันนี้ยังสามารถใช้แป้น Paddle ที่อยู่หลังพวงมาลัยหน่วงความเร็วได้ 3 ระดับ และเมื่อกดไปอีกครั้งจะเข้าสู่โหมด i-Pedal ช่วงที่ตัวรถหน่วงมอเตอร์จะปั่นไฟกลับมาเก็บในแบตเตอรี่ได้มากขึ้น ถือเป็นไฟฟรีที่เราไม่ต้องไปเสียเงินชาร์จ และทำให้การขับตอนรถติดสะดวกขึ้น เพราะรถจะหน่วงจนถึงจุดหยุดนิ่ง ทำให้เราไม่ต้องสลับเท้าไปเหยียบเบรก

ช่วงที่เป็นทางโล่ง ได้ลองทดสอบในโหมด Eco เพียงแค่เติมคันเร่งเบา ๆ อัตราเร่งแรงใช้ได้เลยทีเดียว จังหวะที่ต้องเร่งแซงแม้จะอยู่ในโหมด Eco ก็เร่งแซงได้อย่างสบายใจหายห่วงแบบไม่ต้องลุ้นครับ

ต่อด้วยการทดสอบในโหมด Normol ความรู้สึกในโหมดนี้ คันเร่งตอบสนองเท้าได้ดีมากครับ เหยียบคันเร่งในน้ำหนักเท่ากันแต่ได้ความพุ่งที่มากกว่าโหมด Eco

ในส่วนของโหมด Sport เป็นโหมดที่แรงที่สุดของรถคันนี้ เพียงแค่เหยียบคันเร่งเบา ๆ ตัวรถพุ่งให้เลยครับ ซึ่งจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนถ้าเราใช้โหมดนี้เหยียบแบบคิกดาวน์ตั้งแต่ออกตัว ซึ่งทั้ง 3 โหมดที่กล่าวมา เราสามารถขับได้ไปจนถึงความเร็วท็อปสปีด 185 กม./ชม. ครับ

Hyundai Ioniq 5 เป็นรถที่เซ็ตระบบช่วงล่างได้ลงตัวมากครับ ได้ความรู้สึกนุ่มนวลกำลังดี ไม่นุ่มย้วย ไม่แข็งกระด้าง แต่ความรู้สึกนี้จะรองรับการใช้ความเร็วไม่เกิน 130 กม./ชม. หากคุณใช้ความเร็วมากกว่านี้ช่วงท้ายจะเริ่มรู้สึกร่อนขึ้นมาทันที

ในเรื่องของการเก็บเสียง ผมว่าทำออกมาได้ลงตัวเช่นเดียวกันครับ หากใช้ความเร็วไม่เกิน 130 กม./ชม. จะเก็บเสียงได้ดี แต่ถ้าใช้ความเร็วมากกว่านั้นก็อาจได้ยินเสียงลมเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารให้ได้ยินบ้าง

โดยรวมถือว่ารุ่นนี้เป็นรถที่ขับดีมากครับ สำหรับอัตราสิ้นเปลืองพลังงาน ผมทำได้อยู่ที่ 17.9 kW/100 กม. หรือไฟ 1 หน่วย สามารถวิ่งได้ 5.5 กม. นั่นเองครับ

การทดสอบในครั้งนี้ ทีมงานได้ชาร์จไฟเต็ม 100% ระยะทางการขับทดสอบ 204 กม. เมื่อถึงที่หมายเหลือไฟอยู่ 48% นั่นเท่ากับว่าถ้าผมขับจนไฟหมด จะได้ระยะทางประมาณ 390-400 กม. ครับ (ผมเน้นใช้งานจริง ไม่ได้เน้นขับประหยัด ใช้ความเร็วเฉี่ย 130-140 กม./ชม.) หากเท้าเบากว่านี้ก็จะได้ระยะทางที่เพิ่มขึ้นอีก

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ