วันนี้ Daimler บริษัทแม่ของ Mercedes-Benz และ Renault-Nissan Alliance ได้ร่วมลงนามอย่างเป็นการในการเป็นพันธมิตร ซึ่งการลงนามครั้งนี้ได้จัดขึ้นต่อหน้าสื่อมวลชนที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม โดยทั้งสองบริษัทได้ประกาศความร่วมมือในเชิงกลยุทธ์ซึ่งจะมีการถือหุ้นไขว้ โดย Renault-Nissan Alliance จะถือหุ้นจำนวน 3.1% ในบริษัท Daimler ในขณะที่ Daimler จะถือหุ้นในทั้ง Renault และ Nissan แห่งละ 3.1%
[singlepic id=20680 w=490 h=360 float=center]
นอกจากนั้นแล้วทั้งสองกลุ่มบริษัทได้ตกลงในการพัฒนาบางโครงการร่วมกันโดยจะมีการพัฒนาระบบขับเคลื่อนและแพลตฟอร์มรถยนต์ด้วยกันซึ่งจะมีผลในทันที โดยการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ที่ว่าจะเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์มของ Smart Fortwo, Smart รุ่น 4 ที่นั่งรุ่นใหม่ และ Renault Twingo เจนเนอเรชั่นต่อไป โดยทั้งสองบริษัทเปิดเผยว่า คุณลักษณะที่สำคัญของสถาปัตยกรรมที่จะพัฒนาร่วมกันนี้ก็คือ แนวคิดในการใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนั้นยังจะมีการพัฒนาระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าสำหรับรถรุ่นใหม่ๆในอนาคตอีกด้วย
Renault-Nissan Alliance จะจัดหาเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล 3 และ 4 สูบ ของตัวเองให้กับ Daimler ซึ่ง Daimler สามารถนำไปปรับแต่งพัฒนาหรือแก้ไขให้เข้ากับรุ่นรถของตัวเองได้ตามความเหมาะสม โดยเครื่องยนต์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้กับรถยนต์ขนาดเล็กภายใต้แบรนด์ Mercedes-Benz ในขณะเดียวกัน Daimler ก็จะจัดหาเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล 4 และ 6 สูบให้กับ Renault-Nissan Alliance เพื่อใช้กับแบรนด์หรูในสังกัดคือ Infiniti
[singlepic id=20679 w=490 h=360 float=center]
นอกจากนั้นแล้วทั้งสองบริษัทยังจะร่วมมือในการสร้างรถเชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก ซึ่งแผนกรถแวนของ Mercedes-Benz จะเพิ่มรุ่นรถยนต์ทางเลือกชนิดนี้ซึ่งจะเป็นแบบ Entry-Level ในปี 2012 โดยใช้พื้นฐานของรถจาก Renault และจะมีการผลิตที่โรงงานของ Renault ที่เมือง Maubeuge ประเทศฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน โดยในส่วนของรถแวนขนาดกลางก็มีความร่วมมือในการใช้อุปกรณ์บางส่วนร่วมกัน ซึ่งรวมถึงเครื่องยนต์เซลขนาดเล็กและระบบส่งกำลังที่ Daimler จะได้มาจาก Renault-Nissan Alliance ที่จะมีการใช้ใน Mercedes-Benz Vito
สุดท้ายทั้งสองบริษัทเพิ่มเติมอีกว่า ในอนาคตอาจจะมีความร่วมมือกันเพิ่มขึ้นในอีกหลายๆเรื่องรวมถึงการใช้อุปกรณ์ร่วมกันระหว่าง Infiniti และ Mercedes-Benz การร่วมมือในระดับภูมิภาค ในสหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับรถไฟฟ้าและแบตเตอรี่
ตอนนี้รถแต่ละรุ่นที่ใช้มีหลายสัญชาติจนแยกไม่ออกเลยว่า ตกลงเป็นรถญี่ปุ่นหรือยุโรปกันแน่ คงต้องใช้ชื่อยี่ห้อเป็นตัวแยกแยะซะแล้ว แต่อย่างน้อยก็ทำให้เราได้ใช้รถในมาตรฐานเดียวกับคนอื่นๆทั่วโลกแม้ว่าในรายละเอียดจะต่างกันก็ตาม!
[nggallery id=1317]
[smooth=id:1316;]
ที่มา: Daimler/Renault-Nissan
LINE
เช็กวงเงินใน 3 นาที
ความคิดเห็น