ซาโตชิ อูชิดะ - อีก 2 ปีซูซูกิขอแชร์บิ๊กไบค์ 10%

ซูซูกิ ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์หลัก 1 ใน 4 รายของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และเคยสร้างยอดขายสูงสุดในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 12% มาแล้ว

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของตลาดในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อแผนการทำตลาดของซูซูกิอย่างต่อเนื่อง และทำให้ยอดจำหน่ายลดลงไปเหลือน้อยกว่า 4% ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้

ท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรง ซาโตชิ อูชิดะ ประธานบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ประเมินตัวเลขตลาดรวมที่ระดับ 2 ล้านคัน และประเมินว่ายอดจำหน่ายของบริษัทฯ ในปีนี้ ไม่น่าจะถึง 1 แสนคันตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะมีการเปิดตัวชูตเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าใหม่ล่าสุดของบริษัทฯ มาแล้วก็ตาม

ในงานประชุมผู้แทนจำหน่ายและเปิดตัวรถจักรยานยนต์ซูซูกิรุ่นใหม่ปี 2014 อูชิดะและผู้บริหารของซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ออกมายอมรับถึงความผิดพลาดในการวางแผนด้านผลิตภัณฑ์ในช่วงที่ผ่านมา และสัญญาว่าจะเดินหน้าทำตลาดด้วยสินค้าและการให้บริการที่ดีเยี่ยม โดยไม่ทอดทิ้งตลาดประเทศไทย

“เราจะเดินหน้าทำตลาดบิ๊กไบค์อย่างเต็มที่ และเราเชื่อมั่นว่าด้วยความแข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์บิ๊กไบค์ของซูซูกิ จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าทุกกลุ่ม รวมไปถึงตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กก็จะได้รับผลดีด้วยเช่นกัน”

ซูซูกิแถลงเปิดตัวรถจักรยานยนต์กลุ่มบิ๊กไบค์ถึง 5 รุ่น ไม่ว่าจะเป็นวี-สตรอม650, กลาเดียส, อินาซูมะ, เบิร์กแมน125 และ 200 เอบีเอส เพื่อเสริมไลน์รุ่นที่ทำตลาดอยู่แล้ว 2 รุ่นอย่างฮายาบุสะและอาร์1000 รวมไปถึงการเปิดตัวรถเพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดไม่ว่าจะเป็นแวนแวน125 และเรดเดอร์150 โดยเป็นการประกาศลุยตลาดรถบิ๊กไบค์อย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก

อูชิดะประกาศข่าวดีภายในงานแถลงข่าวว่าโรงงานที่คลอง 3 พร้อมแล้วที่จะเดินสายการผลิตรถบิ๊กไบค์ในประเทศไทย ด้วยเม็ดเงินลงทุนก้อนแรก 200 ล้านบาท โรงงานดังกล่าวจะเป็นฐานการผลิตสำหรับเบิร์กแมน125 โดยจะเริ่มต้นผลิตและส่งมอบในเดือนตุลาคม จากนั้นก็จะขยายไปผลิตรุ่น 200 เอบีเอส รวมถึงจะมีการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเปิดไลน์ผลิตอินาซูม่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2557

ทั้งนี้ เบิร์กแมนจะมีกำลังการผลิตที่ 1 หมื่นคันต่อปี โดยจะเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย 15% ที่เหลืออีก 85% จะเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก โดยมีตลาดส่งออกหลักอยู่ที่ยุโรป เช่น อิตาลี สเปน ฝรั่งเศสฯลฯ ซึ่งมีความต้องการสินค้าดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับตลาดในประเทศไทย ในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา ตลาดบิ๊กไบค์มีการเติบโตอย่างมาก โดยมียอดจำหน่ายรวมไปแล้วกว่า 1.5 หมื่นคัน มากกว่าในปีที่ผ่านมาที่มียอดจำหน่าย 1.2 หมื่นคัน โดยคาดว่าถึงสิ้นปีนี้น่าจะมียอดจำหน่ายที่ 2.8-2.9 หมื่นคัน

“ตลาดบิ๊กไบค์ในไทย เป็นสิ่งที่คนไทยอยากได้อยู่แล้ว พอมีรายได้สูงขึ้นพอที่จะซื้อหาได้ก็อยากจะใช้บิ๊กไบค์ การเติบโตของตลาดน่าจะมาจาก 2 ประเด็นนี้ ซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีลักษณะคล้ายกัน เริ่มจากการขายรถเล็ก ๆ ก่อน พอมีรายได้มากขึ้นก็เริ่มซื้อหารถที่มีขนาดใหญ่ขึ้น”

ทั้งนี้ ซูซูกิประเมินว่าในอนาคตหากมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น โรงงานแห่งนี้สามารถรองรับการขยายตลาดส่งออกไปในประเทศอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่นหรือแม้แต่ในตลาดอาเซียน อย่างไรก็ตาม ซูซูกิคาดการณ์เป้าหมายการจำหน่ายในประเทศไทยที่ไม่น้อยกว่า 10% ภายใน 2 ปีนับจากนี้

ในส่วนของการลงทุนเพื่อรองรับการให้บริการรถบิ๊กไบค์นั้น ในเบื้องต้นจะเปิดโชว์รูมสำหรับรถบิ๊กไบค์ 7 แห่งภายในปีหน้า โดยดีลเลอร์จะเป็นผู้ลงทุนและทางบริษัทฯ จะเป็นผู้สนับสนุนในด้านต่าง ๆ ซึ่งในปีนี้จะเริ่มทำดีลเลอร์ชั่วคราวและเปิดโชว์รูมเต็มรูปแบบในช่วงปีหน้า

“ผมอยากบอกว่าสินค้าของเรามีคุณภาพดีอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเราอาจจะออกสินค้าช้ากว่าคู่แข่งของเราไปบ้าง ต่อจากนี้เราจะเน้นการทำตลาดสินค้าที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเรดเดอร์หรือแวนแวน ซึ่งเชือว่าจะทำให้ซูซูกิมีความแข็งแกร่งมากขึ้น”

โดยมีเป้าหมาย 10% ที่จะต้องวิ่งตามให้ได้ในอนาคตอันใกล้นี้!!!