เดสโม่ ไรด์ ห่างหายกันไปพักหนึ่งล่าสุดดูคาติก็ได้เพิ่งได้จัดกิจกรรมรวมพลชาว เดสโม่ ในไทยขึ้นอีกครั้งด้วยคาราวานชาวดูคาติกว่าร้อยค้นและรถอีกเกือบร้อยคัน เราจะพาทุกท่านเดินทางออกจาก กทม.ไปยังน่านและเชียงใหม่ พิชิตทางหลวงลอยฟ้าหมายเลข 1148 ในตำนานกัน
ในครั้งนี้ดูคาติได้จับมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง เชลล์ แอดแวนซ์ เพื่ออำนวยความแรงเต็มสมรรถนะตลอดการเดินทาง พร้อมด้วยทีมมาแชลและเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกกันตลอดทั้งสองวันของการเดินทาง
เป้าหมายในวันแรกคือการเดินทางจากกรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรไปยังจังหวัดน่านเป็นระยะทางรวม 677 กม. แม้จะเป็นเส้นทางอันยาวไกลจนหลายคนอาจร้องหารถแอดเวนเจอร์นั่งสบายแต่ก็ไม่ได้มีแค่ ดูคาติ มัลทิสตราด้าเท่านั้น ชาวเดสโม่มากันครบแทบจะทุกรุ่นตั้งแต่ จีที1000 ยัน 1299พานิกาเล่กันเลย
ทางตรงยาวๆ จากกรุงเทพฯ ผ่านหลายต่อหลายจังหวัดเป็นช่วงเวลาที่น่าอิจฉาบรรดาชาวเดสโม่ที่ใช้มัลทิสตราด้ารุ่นใหม่ที่มีระบบครูซคอนโทรลอย่างยิ่ง นั่งหลังตรงสบายๆ บิดคันเร่งไปตามอารมณ์เล่นเอาผมที่อยู่บนมอนสเตอร์1200 ต้องรีบหมอบหลบลมตามหลังให้ไวโชคดีที่มีรถมันส์ๆ อยู่ในมือเลยพอแก้ง่วงไปได้บ้างเหมือนกัน
จุดสนุกพร้อมปลุกทุกท่านให้ตื่นมาอยู่ในช่วงบ่ายบนเส้นทางที่เราจะมุ่งหน้าจาก อุตรดิสไปยังจังหวัดน่าน หลังจากที่เราแวะพักที่ปั๊มน้ำมันสุดท้ายเราก็มุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางที่โฉบผ่านไปตามภูเขาพอมีทางโค้งให้ชาวเดสโม่ได้ขยับร่างกายก่อนจะเข้าสู่เส้นทางตัดผ่านเขาที่ต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นเนื่องจากพื้นผิวที่ค่อนข้างลื่นทีเดียว
ไม่นานนักเราก็เดินทางมาถึงตัวเมืองน่านเข้าพักที่ น่านตรึงใจ อาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคลที่สะสมมาตลอดทั้งวันและตรวจเช็คสภาพความพร้อมของรถกับทีมช่างของดูคาติที่ตามมาคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยของรถให้กับผู้ร่วมทริป
อาจมีคนสงสัยว่าคาราวานเกือบรอยคันดูคาติจะจัดการเรื่องความปลอดภัยอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางของวันที่สองที่เป็นโค้งบนเขาที่อาจทำให้เกิดอันตรายในการขับขี่ได้ ทางดูคาติได้เเบ่งคาราวานออกเป็น 3 กลุ่ม โดยแบ่งตามประสบการณ์การขับขี่เพื่อให้ทั้งกลุ่มไปได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นเราที่อยู่ในกลุ่มสีแดงจึงได้โอกาสในการสัมผัสบรรยากาศการขับขี่สุดฟินก่อนใครเพื่อน เพียงแค่ออกจากโณงแรมมาไม่ถึง 500 เมตรโค้งขวาแรกก็รอเราอยู่พร้อมกับไอหมอกตลอดสองข้างทางและทุกครั้งที่เส้นทางผ่านหุบเขาก็จะเล่นเอาหมวกกันน็อคเป็นฝ้ากันไปหมด
โชคดีที่หมวกกันน็อคของเราติดพินล็อกกันฝ้ามาจึงขี่ต่อไปได้แบบชิลล์ๆ ไม่ต้องมาคอยเปิดหน้าหมวกหรือปาดน้ำออกให้รำคาญใจ กับเส้นทาง 409 กม.สู่เชียงใหม่และไฮไลท์ที่ทางหลวง 1148
อากาศเย็นๆ ในเดือนมกราคมบนภูเขาทำให้เราขี่รถกันได้อย่างสบายอารมณ์สุดๆ มาแชลมีการควบคุมความเร็วไม่ให้เร็วมากเกินไปแต่ก็ไม่ได้ช้าจนทำให้บรรดามือโปรหมดสนุก ภาพการเรียงแถวตามไลน์กันเข้าโค้งต่อเนื่องมีให้เห็นจนชินตาและจังหวะที่เรากำลังจะเหลือบสายตาไปมองข้างทางรถก็มาถึงจุดที่เราต้องเบรกและพับรถเสียแล้ว แหม..หลุดไม่ได้เลยจริงๆ
จนมาถึงจุดพักที่จุดชมวิวบนทางหลวงหมายเลข 1148 ซึ่งจุดนี้เป็นจุดแรกที่เราได้ชมความสวยงามได้อย่างเต็มๆ ตา ทิวเขาเบื้องล่างไกลสุดลูกตาคลอไปกับเสียงเครื่องยนต์ที่เร่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ อากาศเย็นสบาย แสงแดดอ่อนๆ เป็นอะไรที่ทำให้เราผ่อนคลายสุดๆ หลังจากที่มองแต่ถนนมายาวนาน
เราแวะเติมพลังมื้อกลางวันกันที่กว๊านพะเยาก่อนจะออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเชียงใหม่ผ่านเส้นวังเหนือที่ตอนนี้เปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว
ช่วงสองปีก่อนมีโอกาสได้มาขี่รถทำงานบนเส้นทางนี้ในช่วงเวลาที่ห่างกันสักประมาณหนึ่งอาทิตย์ ตอนนั้นอากาศยังหนาวเย็นจนเราต้องใส่เสื้อกันหนาวไว้ข้างในเสื้อการ์ดอีกทีตลอดการขี่บนเส้นทางจากเชียงใหม่ไปพะเยาและแม้กระทั้งช่วงปลายคล่อยจากพะเยามาเชียงใหม่ อากาศก็ยังคงหนาวเห็นจนฝ้าขึ้นชิลด์หมวกกันน็อคแต่ตอนนี้ร้อนจนแทบจะถอดเสื้อขี่เลย
ช่วงต้นจากพะเยาไปเชียงใหม่มีทำถนนเป็นบางช่วงและมีถนนเบี่ยงเป็นบางจังหวะซึ่งอาจทำให้พื้นผิวถนนนั้นลื่นและอันตรายอยู่บ้าง ทำให้ช่วงนี้อาจใช้ความเร็วสูงไม่ได้และต้องมาเช็คการยึดเกาะของยางกันก่อนที่จะหวดผ่านเส้นทางที่เหลือ
แน่นอนว่าเราแทบจะไม่ได้ชมบรรยากาศข้างทางอันสวยงามมากเท่าไรนัก แต่ก็ถือว่าขับขี่กันได้อย่างปลอดภัยและสนุกสนานจนลืมอากาศร้อนระอุก่อนที่ลมหนาวจะพัดมาระรอกใหญ่ในช่วงเดือนมกราคม แหม ทำไมไม่มาช่วงที่เราไปขี่กันก็ไม่รู้
หลังจากผ่านเส้นทางยาวไกลนับพันกิโลเมตร ล่อนผ่านโค้งนับพันโค้งจาก กรุงเทพฯ-น่าน-เชียงใหม่ ผ่าอากาศอันร้อนระอุและแสงแดดเผดเผาที่มิอาจทำอะไรชาวเดสโม่ได้ ในที่สุดเราก็จังหวัดเชียงใหม่เพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ที่พักที่วิรันดา รีสอร์ท เชียงใหม่ เพื่อพักผ่อนตาม อัธยาศัยก่อนพบกับปาร์ตี้และเซอร์ไพรส์สุดเด็ดในช่วงค่ำ
นอกจากอากาศสุดชิลล์แล้วไฮไลท์สุดเซอร์ไพรส์ที่ทางดูคาติประเทศไทยได้เตรียมเอาไว้ต้อนรับชาวเดสโม่ก็คือการเผยโฉม ดูคาติ เอ็กซ์แดเวล และ ดูคาติ มัลทิสตราด้า1200 ไพค์พีค เป็นครั้งแรกในไทยก่อนงาน มอเตอร์โชว์2016 เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ได้เป็นอย่างดีเผลอๆ มีใบจองปลิวกันในงานคืนนั้นอย่างแน่นอน
เราตื่นเช้ามารับบรรยากาศชุดชิลล์ชายดอย ก่อนจะเดินทางด้วยเที่ยวบินสุดพิเศษกลับมายังกรุงเทพฯ โดยมีรถบรรทุกมารับดูคาติคันเก่งเดินทางตามหลังกลับบ้านปิดทริปด้วยความสวัสดิภาพ พกรอยยิ้มและประสบการณ์สุดประทับใจกลับบ้านโดยทั่วกัน
อ่านรีวิว ดูคาติ มัลทิสตราด้า1200 คลิกที่นี่
อ่านข่าววงการมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด คลิกที่นี่
มองหาแหล่งซื้อรถยนต์มือสองที่ไว้ใจได้ คลิกที่นี่
LINE
เช็กวงเงินใน 3 นาที
ความคิดเห็น