อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสล่า อิงค์ ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เขาพูดถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไว้อย่างน่าสนใจ
มัสก์ซึ่งยังเป็นซีอีโอของสเปซเอ็กซ์ บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีอวกาศเปิดเผยว่า มนุษย์จำเป็นต้องผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเทคโนโลยีหรือเครื่องจักรเพื่อเสริมศักยภาพของตนเองให้เหมือนเป็น “หุ่นยนต์” หรือ “ไซบอร์ก” ในอนาคตอันใกล้
“ในอนาคตอันใกล้ ผมคิดว่า เราจะได้เห็นการผสมผสานความสามารถของมนุษย์ (biological intelligence) เข้ากับประสิทธิภาพของระบบดิจิตอล (digital intelligence)” มัสก์กล่าวในการประชุมเวิลด์ซัมมิตของภาครัฐบาลในนครดูไบ ซึ่งเขาใช้โอกาสนี้เปิดตัวเทสล่าในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย “ปัจจัยหลักอยู่ทีช่องว่างตรงกลางระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักร และความรวดเร็วในการเชื่อมต่อระหว่างสมองของคุณกับระบบดิจิตอล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
ซีอีโอเทสล่าอธิบายว่า ระบบคอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารด้วยข้อมูลจำนวนมากมายมหาศาลในเวลาวินาทีเดียว ขณะที่มนุษย์สามารถสื่อสารกันผ่านนิ้วกดแป้นพิมพ์หรือหน้าจอด้วยจำนวนข้อมูลแค่เศษเสี้ยวของคอมพิวเตอร์เท่านั้น
ความสามารถของคอมพิวเตอร์ทำให้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เริ่มแพร่หลายมากขึ้นและถูกมองว่าเป็น “ภัยคุกคาม” ทำให้มนุษย์กลายเป็นสายพันธุ์ที่ไร้ประโยชน์ ดังนั้น มนุษย์จำเป็นต้องผสานกับเครื่องจักรให้ได้
“ช่องว่างระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรจะเป็นเหมือนความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตสองชนิดที่อยู่ร่วมกัน (symbiosis) ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรจะช่วยแก้ไขปัญหาการควบคุม และปัญหาต่างๆ เพื่อทำให้ประโยชน์เพิ่มเติมได้” มัสก์กล่าว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซีอีโอเทสล่าพูดถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ แต่เขากล่าวย้ำหลายครั้งบนเวทีการประชุมสัมมนาหลายเวทีว่า มนุษย์จำเป็นต้องปรับตัวและมีพัฒนาการท่ามกลางยุคปัญญาประดิษฐ์ที่ทำท่าว่าจะมีภัยคุกคาม
ระหว่างการประชุมเวิลด์ซัมมิตของภาครัฐบาลในนครดูไบ มัสก์เผยว่า เขาหวั่นเกรงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีการเรียนรู้ได้เอง (deep AI) หรือที่เขาเรียกว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (artificial general intelligence) เนื่องจากเทคโนโลยีดังกล่าวมีความฉลาดมากกว่ามนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลกเสียอีก และมองว่านี่คือ “สถานการณ์ที่เป็นอันตราย”
ถึงแม้เทคโนโลยีดังกล่าวจะยังอยู่ห่างไกลออกไปในอนาคต แต่หัวเรือใหญ่เทสล่าก็มองว่า ภัยคุกคามที่อยู่ใกล้ตัวเราก็คือ ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ แน่นอนว่าคนที่มีหน้าที่ขับรถจะตกงานในอีก 20 ปีข้างหน้า ขณะที่แรงงานทั่วโลก 12-15% จะต้องตกงานเพราะเอไอ
“ผลกระทบด้านบวกของเทคโนโลยีนี้ที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะใกล้ก็คือ การมีรถขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งพัฒนาการจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ และจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางอย่างมาก” มัสก์กล่าว
“แต่ก็มีผลกระทบด้านลบเพราะการขับรถจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ตำแหน่งงานหลายอย่างจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากให้เกิด แต่เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคต” มัสก์ยืนยัน
ขณะเดียวกัน มัสก์ระบุว่า เทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะช่วยลดค่าครองชีพลงได้มาก เนื่องจากการผลิตสินค้าและบริการจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนถึงภาวะล้นเหลือ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างจะมีราคาถูกลง
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
LINE
เช็กวงเงินใน 3 นาที
ความคิดเห็น