[รีวิว] Ducati Scrambler 1100 รถบิ๊กไบค์สไตล์คลาสสิก กลิ่นอายยุค 60

ขับทดสอบ Ducati Scrambler 1100 รถบิ๊กไบค์สไตล์คลาสสิก สัญชาติอิตาเลี่ยน กลิ่นอายยุค 60 พร้อมเปิดรายละเอียดสเปค และราคา

รีวิว Ducati Scrambler 1100

เมื่อพูดถึง Ducati Scrambler 1100 แล้ว ใครๆ ก็จะนึกถึงรถบิ๊กไบค์สัญชาติอิตาเลี่ยนที่มีเสียงของเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หลายคนอาจคิดว่า Ducati อาจทำแต่รถ Naked หรือรถ Sport แต่แท้จริงแล้ว แรกเริ่มเดิมที ตระกูลที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Ducati เป็นอย่างมากอีกรุ่นหนึ่ง นั่นคือตระกูล Scrambler

Ducati Scrambler รถจักรยานยนต์สไตล์คลาสสิกเรโทรตระกูลนี้ เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกในปีพ.ศ. 2557 ที่ลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิล สร้างความฮือฮาให้กับไบเกอร์ชาวไทยในยุคนั้นเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์แบบคลาสสิกซึ่งโดนใจไบเกอร์สายคลาสสิกเป็นอย่างมาก

มาพร้อมเครื่องยนต์ L-Twin ขนาด 800 cc สุดแรง ให้พละกำลังแรงม้าและแรงบิดที่มหาศาล แต่กลับสามารถควบคุมได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังเปิดตัวมาในราคาที่เรียกได้ว่า จับต้องได้ง่ายมาก ทำให้เกิดกระแสฮือฮาเป็นอย่างมาก

รีวิว Ducati Scrambler 1100

เวลาล่วงเลยผ่านมาถึงปี พ.ศ. 2561 Ducati ถือโอกาสจัดหนักความร้อนแรงของเจ้า Scrambler ไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหม่ 1,100 ซีซี มาในชื่อ Ducati Scrambler 1100

โดยใช้เครื่องยนต์ Desmodromic แบบ 2 สูบ L-Twin ขนาด 1,079 cc ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้พละกำลังแรงม้าสูงสุด 86 ตัวที่ 7,500 รอบ แรงบิดสูงสุด 88 นิวตันเมตร ที่ 4,750 รอบ มาพร้อมคันเร่งไฟฟ้า ท่อไอเสียคู่ออกท้าย

นอกจากนี้เจ้า Ducati Scrambler 1100 ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยจัดเต็มมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโหมดขับขี่ 3 รูปแบบ, Cornering ABS, Traction Control, คันเร่งไฟฟ้า มาพร้อมไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเลี้ยว LED มาพร้อมหน้าจอเรือนไมล์แบบ Digital แสนทันสมัย นอกจากนี้ตัวบอดี้ของรถยังใช้ชิ้นส่วนโลหะทั้งหมด โดยมีชิ้นส่วนเป็นพลาสติกน้อยมากเพียง 3 ชิ้นเท่านั้น

ทดลองขับ Ducati Scrambler 1100

การขับขี่ Ducati Scrambler 1100

สำหรับการทดสอบเจ้า Ducati Scrambler 1100 นี้ ทาง Ducati ได้จัดเส้นทางขับขี่ในกรุงเทพชั้นใน ผ่านลานพระรูปทรงม้า, ถนนราชดำเนิน, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย, สนามหลวง และข้างกระทรงกลาโหม

โดยผมได้ทำการทดสอบ 2 โมเดลได้แก่ Scrambler 1100 ตัวพื้นฐาน และ Scrambler 1100 Sport ซึ่งเป็นตัวท็อปสุดของตระกูลนี้ โดยมีการเพิ่มเติมในส่วนของโช๊คอัพหน้าและหลังจาก Ohlins มาพร้อมกับการเดินเส้นสายแบบดำ-เหลือง สไตล์รถมัสเคิลคาร์แบบอเมริกัน ให้ความดุดันมากยิ่งขึ้น

Ducati Scrambler 1100

เครื่องยนต์ Ducati Scrambler 1100

พละกำลังเครื่องยนต์ของเจ้า Ducati Scrambler 1100คันนี้บอกเลยว่า "เหลือเฝือ" เนื่องด้วยเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1,079 cc ประกอบกับตัวรถที่มีน้ำหนักเบามากเพียง 200 กิโลกรัม ทำให้การอยู่บนเจ้า Scrambler 1100 นี้เหมือนเราขี่ม้าที่มีพละกำลังมหาศาล เมื่อได้ลองเปิดคันเร่งไฟฟ้าเพียงเบาๆ รถก็พาเราพุ่งทะยานพาเราไปได้ดั่งใจนึก โดยเฉพาะพละกำลังแรงบิดซึ่งมีมาเยอะมาก เรียกได้ว่ากระแทกคันเร่งทีมีหน้าหงายเลยทีเดียว

และด้วยพลังของเครื่องยนต์ขนาด 1,079 ซีซี 2 สูบ L-Twin นี่แหละ ทำให้เสียงท่อของมันช่าง "เร้าใจ" เป็นอย่างมาก ด้วยเอกลักษณ์ของเครื่อง L-Twin ที่ให้เสียงไม่เหมือนใคร ประกอบกับซีซีที่มหาศาล ทำให้ได้เสียงเร้าใจมาก แม้จะเป็นท่อเดิม โดยส่วนตัวของผู้ทดสอบชื่นชอบจุดนี้มากๆ ครับ

Ducati Scrambler

ท่าทางการนั่งของเจ้า Ducati Scrambler 1100 ถือว่าวางตำแหน่งมาได้ดี ตำแหน่งแฮนบาร์ที่สามารถควบคุมรถได้ง่าย ถังน้ำมันและพักเท้าที่ออกแบบมาได้อย่างกระชับผู้ขับขี่ ทำให้การโยกย้ายตัวเราไปมาบนเบาะขณะเข้าโค้งถือว่าทำได้ง่าย

อีกจุดนึงที่ผมชอบมากคือเสียงของเครื่องยนต์ L-Twin และท่อไอเสียคู่ที่ "ลั่น" สะใจ บอกเลยว่าทาง Ducati นำรถเดิมๆ มาให้ทดสอบ แต่เสียงของท่อนั้นเร้าใจมากๆ เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องใส่ท่อแต่งเสียงก็เพราะมากแล้ว ข้อสังเกตเดียวที่พบก็เป็นเรื่องของความร้อนจากเครื่องยนต์ที่แผขึ้นมาโดนตัวผู้ขับขี่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนจนขี่ไม่ไหว

Ducati

ข้อสรุป

โดยสรุปแล้วเจ้า Ducati Scrambler 1100 คันนี้ เป็นรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่น่าขี่มากอีกคันหนึ่ง เนื่องด้วยพละกำลังที่มหาศาล แต่กลับควมคุมรถได้ง่ายมาก ความสูงที่ไม่มากจนเกินไป ทำให้ผู้ขับขี่ที่สัดส่วนอาจไม่สูงมากนักไม่ต้องเป็นกังวลมากเกินไป

ราคา Ducati Scrambler 1100

Ducati Scrambler 1100 เป็นรถที่เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่ที่มีประสบการณ์ขับขี่รถจักรยานยนต์มาบ้างแล้ว และมือเก๋าที่ต้องการความสวยงามแบบคลาสสิก แต่ยังคงต้องการความแรงสั่งได้ดังใจ โดยทาง Ducati ได้ปล่อยรถมาในตลาดบ้านเราทั้งหมด 3 โมเดลได้แก่