[Test Drive]Honda HR-V 2018 รุ่น EL ราคาดีออฟชั่นครบ Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

[Test Drive]Honda HR-V 2018 รุ่น EL ราคาดีออฟชั่นครบ

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 12 November 2561

 Honda เปิดตัว HR-V Minorchange มาตั้งแต่กลางปีนี้ ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดอย่างต่อเนืองด้วยกระแสความแรงของกลุ่มรถ อเนกประสงค์ หรือที่เรียก Crossover ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากส่งผลทำให้ตลาด รถเก๋งยกสูงนั้นนิยมขึ้นอย่างชัดเจน

                ดังนั้นทีมงาน Autospinn จึงได้ทำการทดสอบ Honda HR-Vรุ่น EL ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นกลางในราคาที่แตะล้านต้น 1,059,000 บาท กับออฟชั่นที่เทียบเท่าตัวท๊อปต่างกันนิดหน่อย ว่าจะดีหรือไม่ดีควรจ่ายเพิ่มหรือตัวกลางก็เพียงพอแล้วแต่ที่แน่ๆ เครื่องยนต์มีขนาดเดียวทั้ง 3 รุ่น เบนซิน 4 สูบ SOHC ขนาด 1.8 ลิตร i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT 7สปีด

ภายนอก กระจังหน้าคาดด้วยแถบโครเมี่ยมรมดำ ส่วนตัวกระจังเป็นลายรังผึ้ง (เฉพาะรุ่น RS) สำหรับรุ่น E และ EL กระจังเป็นซี่แนวนอน มาพร้อมไฟหน้าแบบ Full LED (รุ่น E ไฟหน้าโปรเจคเตอร์) และไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ทุกรุ่นย่อย บริเวณชายกันชนซ้าย-ขวามีการติดตั้งไฟตัดหมอกแบบ LED ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า รองลงมาในรุ่นกลาง EL เป็นไฟตัดหมอกแบบฮาโลเจน ส่วนรุ่น E ไม่มีไฟตัดหมอก  ที่กระจกมองข้างมีฝังไฟเลี้ยวในตัวทุกรุ่นย่อย แต่รุ่น RS เป็นสีดำตัดกับตัวรถ ส่วนรุ่น E และ EL เป็นแบบสีเดียวกับตัวรถ เช่นเดียวกับมือจับประตูในรุ่นท็อปเป็นโครเมี่ยมรมดำ รุ่นกลางโครเมี่ยม และรุ่นเริ่มต้นเป็นแบบสีเดียวกับตัวรถ สำหรับล้อแม็กในรุ่น RS ดีไซน์ใหม่แบบ 5 ก้านทูโทนขนาด 17 นิ้ว ส่วนรุ่น E และ EL มีขนาดเท่ากันแต่ต่างกันที่ลวดลายสีดำขอบเงิน ส่วนด้านหลังไฟท้ายเป็นแบบ Tube LED (เฉพาะรุ่น RS และ EL) ขณะที่สปอยเลอร์หลังก็มีทุกรุ่นย่อย แต่ในรุ่นท็อปนั้นมีสัญลักษณ์ RS บนฝากระโปรงท้าย

ภายในห้องโดยสาร เพิ่มความสปอร์ตด้วยเบาะนั่งดีไซน์ใหม่ ซึ่งไม่เฉพาะแค่การดีไซน์เท่านั้น แต่ตัวเบาะยังได้ออกแบบให้โค้งกระชับกับใต้ท้องขามากยิ่งขึ้นและปีกกระชับตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงวัสดุซับเสียงในห้องโดยสารใหม่ เพื่อลดเสียงที่เล็ดรอดเข้ามาจากภายนอก และระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ Walk Away Auto Lock ส่วนในรุ่น RS มีเพิ่มเข้ามาอีก 1 ระบบ คือ เตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ City Brake Active System ซึ่งทำงานที่ช่วงความเร็ว 5-30 กม./ชม เสริมในด้านความปลอดภัยมากขึ้น(แต่ในรุ่นทดสอบ ELจะไม่มี)  ภายในกว้างขวางสะดวกสบายมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ มาพร้อมเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่สามารถปรับพับได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Utility Mode, Tall Mode และ Long Mode รองรับการขนย้ายสัมภาระที่หลากหลายในทุกรูปแบบ จุดเด่นของ HR-V เบาะนั่งสามารถปรับราบเรียบไปกับตัวรถได้ทำให้เพิ่มพื้นที่ในการขนของได้มากขึ้น

 

เริ่มการทดสอบ HR-V ขับขี่ในเมืองได้อย่างค่องตัวด้วยรูปแบบรถ ครอสโอเวอร์ ที่ให้มุมมองที่ดีตัวรถทีมีขนาดพอดีกับการใช้งานในเมือง บวกกับระบบที่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยกับระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองเป็นอย่างมาก ปลอดภัยมากขึ้น ช่วยให้เห็นจุดอับสายตาหรือช่วยให้เห็นมอเตอร์ไซค์ในการเปลี่ยนเลน เส้นทางออกเมืองทางทีมงานใช้เส้นทางทางด่วนวงแหวนตะวันออกในการขับขี่ด้วยความเร็ว HR-V ใหม่นี้มีการเก็บเสียงที่ดีขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มวัสดุในการซับเสียงใหม่หลายๆ จุด จึงทำให้สามารถลดเสียงที่รอดผ่านใต้ท้องรถและแรงสั่นสะเทือนจากปั๊มลดน้อยลง ช่วยให้ผู้ขับและผู้โดยสารได้รับความสบายมากกว่าเดิมในการเดินทาง ในช่วงเส้นทางการทดสอบ สามารถเพิ่มความเร็วได้ในบางช่วง  การทรงตัวที่ดีทำให้มั่นใจในการขับขึ่ การเร่งแซงตอบสนองได้อย่างทันใจ เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 141 แรงม้า ซึ่งทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบแปรผัน CVT สามารถถ่ายทอดออกมาให้ใช้งานอย่างสนุก ในการเดินทางไกลสามารถตั้ง ล็อกความเร็วอัตโนมัติ ทำให้เพิ่มความสดวกสบายในการขับขี่ ยังรองรับพลังงานทางเลือก E85

สุดท้ายสำหรับตัวเลือก อย่าง HR-V ซึ่งถือว่าแข็งแกร่งในด้านยอดขายแม้ว่าในตลาดจะมีผู้เล่นอีกหลายเจ้าทำมาได้ดีเหมือนกันแต่อย่างไร HONDA ก็ยังคงความเป็นเจ้าตลาดและก็ยังสามารถครองใจผู้ใช้งานได้อย่างดี ถ้าถามว่าในรุ่น EL ดีอย่างไรก็ตอบได้ว่าถูกกว่ารุ่นท๊อป การขับขี่เหมือนกันต่างกันที่ของที่ให้เท่านั้น แต่ถ้าให้สวยๆราคาไม่ข้าม ล้านจะดีกว่านี้

Honda HR-V 2018 รุ่น RS ราคาเพิ่มเติมจากรุ่น EL (+60,000 บาท)

- หลังคา Panoramic Sunroof
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า LEDด
- กระจกมองข้างสีดำ
- ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ลายเฉพาะรุ่น
- พวงมาลัยแบบสปอร์ต
- ไฟอ่านแผนที่แบบ LED
- ไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED
- ระบบ City Brake Active System

ราคาในแต่ละรุ่น

รุ่น E ราคา 949,000 บาท

รุ่นกลาง EL ราคา 1,059,000 บาท

และรุ่นท็อป RS ราคา 1,119,000 บาท (เดิม S, E และ EL)

มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี โดยมีสีใหม่ คือแดงแพสชั่น (มุก) และอีก 4 สี ได้แก่ ขาวออร์คิด (มุก) ดำคริสตัล (มุก) เงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และเทารูสแบล็ค (เมทัลลิก)

 

เช็คราคารถใหม่ และโปรโมชั่น ได้ที่นี่ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่

 

 


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ