สวิทช์สตาร์ทเครื่องยนต์หรือฟังก์ชั่น “คีย์เลส” ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย แต่ล่าสุดมีรายงานว่าค่ายรถยักษ์ใหญ่ 10 รายในสหรัฐอเมริกากำลังถูกฟ้องร้องเมื่อพบความเสี่ยงว่าสวิทช์ดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้งานถึงแก่ชีวิตจากพิษของแก๊สคาร์บอนมอน็อกไซด์
คดีความดังกล่าวกำลังถูกดำเนินการฟ้องร้องในนครลอสแองเจลิส ซึ่งครอบคลุมรถกว่า 5 ล้านคันในสหรัฐอเมริกาที่ติดตั้งฟังก์ชั่นคีย์เลส สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ามีโจทย์ร่วมฟ้องร้องจำนวนทั้งหมด 28 รายซึ่งอ้างว่ามีผู้เสียชีวิตจากกรณีนี้ไปแล้ว 13 ราย
กรณีการฟ้องร้องครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากผู้ขับขี่ส่วนใหญ่เดินลงจากรถและถือกุญแจไว้กับตัวโดยไม่ได้ดับเครื่องยนต์เพราะเชื่อว่าเครื่องยนต์จะหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อเครื่องยนต์ยังทำงานอยู่ก็อาจนำไปสู่การบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการสูดดมแก๊สที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น โดยเฉพาะเมื่อตัวรถจอดอยู่ในโรงจอดรถที่ติดกับตัวบ้าน
จำเลยในคดีนี้ครอบคลุมค่ายรถยักษ์ใหญ่เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยู เมอร์เซเดส-เบนซ์ เฟียต/ไครสเลอร์ ฟอร์ด เจนเนอรัล มอเตอร์ส ฮอนด้า ฮุนได/เกีย นิสสัน/อินฟินิตี้ โตโยต้า/เลกซัสและโฟล์คสวาเกน
โจทย์ยังชี้ให้เห็นว่าค่ายรถทั้ง 10 รายตระหนักถึงข้อบกพร่องและความเสี่ยงของกุญแจคีย์เลสมานานแล้ว แต่เลือกที่จะเพิกเฉยและยังยืนยันว่ารถมีความปลอดภัยโดยไม่มีการให้ความรู้-ความเข้าใจในการใช้งานแก่ลูกค้ารายใหม่
โจทย์ระบุด้วยว่าบริษัทรถยนต์ดังกล่าวสามารถป้องกันการเสียชีวิตทั้ง 13 รายได้ด้วยการติดตั้งระบบคีย์เลสที่มีระบบดับการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ซึ่งรอยเตอร์รายงานว่า จีเอ็มและฟอร์ดได้จดสิทธิบัตรระบบดังกล่าวไว้แล้วด้วย
ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริการะบุว่า ผู้เสียชีวิตจากการสูดดมคาร์บอนมอน็อกไซด์โดยไม่ตั้งใจมีถึง 430 รายต่อปี
จนถึงเวลานี้ มีเพียงฟอร์ดที่ออกมาให้ความเห็นถึงการฟ้องร้องดังกล่าวว่า “ฟอร์ดให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับความปลอดภัยของลูกค้าและยืนยันว่าระบบคีย์เลสได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยและเชื่อถือได้”
การฟ้องร้องแบบรวมกลุ่มดังกล่าวมุ่งเรียกร้องให้บริษัทรถยนต์ติดตั้งระบบดับการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติในรถที่ใช้ระบบคีย์เลสที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันและอนาคต พร้อมกับเรียกร้องเงินชดเชยและค่าเสียหายด้วย
LINE
เช็กวงเงินใน 3 นาที
ความคิดเห็น