เมื่อครั้งที่รถต้นแบบ “ปอร์เช่ มิชชั่น อี” เปิดตัวสู่สาธารณชนครั้งแรกที่งานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ปีที่แล้ว หนึ่งในความโดดเด่นคือระบบชาร์จไฟเร่งด่วนที่ว่ากันว่าทันสมัยที่สุดในเวลานี้
ระบบดังกล่าวมีชื่อว่าปอร์เช่ เทอร์โบ ชาร์จจิ้ง (Porsche Turbo Charging) ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้มีพละไฟฟ้าได้ถึง 80% และทำให้ตัวรถมิชชั่น อี สามารถขับเคลื่อนได้ไกลถึง 400 กม. โดยปอร์เช่ให้คำมั่นว่าจะพัฒนารถโปรดักชั่นให้มีสเปกใกล้เคียงกับรถต้นแบบ รวมถึงการมีระบบชาร์จเร่งด่วนดังกล่าว
ปอร์เช่ไม่เพียงวางแผนให้ค่ายรถในเครือโฟล์คสวาเกน กรุ๊ปใช้ระบบชาร์จไฟเร่งด่วนในรถพลังไฟฟ้าที่จะจัดจำหน่ายในอนาคตเท่านั้น แต่ยังต้องการให้ค่ายรถรายอื่นใช้ด้วย เนื่องจากระบบนี้มีความยืดหยุ่นเพียงพอสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงรถของแบรนด์เทสล่าด้วย
ทางด้านดีเตอร์ เซตช์ ประธานกรรมการ เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้กล่าวยอมรับว่า บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับปอร์เช่เพื่อพัฒนาระบบชาร์จพลังไฟฟ้ารูปแบบใหม่ที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ พร้อมกับปรึกษากันว่าควรจะสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้าร่วมกันหรือไม่
โอลิเวอร์ บลูม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของปอร์เช่เน้นย้ำว่า รถโปรดักชั่นที่พัฒนาจากมิชชั่น อี จะมีทั้งสมรรถนะและสเปกใกล้เคียงกับรถต้นแบบ นั่นหมายถึงการเร่งจาก 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 3 วินาที และเร่งจาก 0-200 กม.ต่อชม. ได้ในเวลาเพียง 12 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กม.ต่อชม. สามารถโลดแล่นได้ไกล 482 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง
มิชชั่น อี มีรหัสเรียกขานในองค์กรว่า J1 พัฒนาบนแพลทฟอร์มที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ คาดว่ามีพละกำลังกว่า 600 แรงม้าหรือ 440 กิโลวัตต์จากมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ปั่นกำลังลงพื้นทั้งสี่ล้อ
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
LINE
เช็กวงเงินใน 3 นาที
ความคิดเห็น