[TEST DRIVE] Toyota Innova Crysta หรูหรา นั่งสบาย สมรรถนะไว้ใจได้

รีวิวทดสอบการขับขี่ โตโยต้า (Toyota) อินโนว่า คริสต้า รถยนต์อเนกประสงค์ เอ็มพีวี รุ่นใหม่ล่าสุดหลังจากที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้าในช่วงเดือน กันยายน โดยรุ่นใหม่มาพร้อมรูปแบบที่หรูหรามากยิ่งขึ้น พร้อมสมรรถนะที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางสูงสุด

กับมาพบกันอีกครั้งตามที่สัญญากันไว้ เกี่ยวกับรีวิวทดสอบการขับขี่ รถยนต์อเนกประสงค์ เอ็มพีวี รุ่นใหม่จากค่าย โตโยต้า กับ โตโยต้า อินโนวา คริสต้า โดยรุ่นใหม่นี้มาพร้อมคอนเซปต์การอัพเกรดความพรีเมี่ยม หรูหรา และความสะดวกสบายมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน

โดยในครั้งนี้ ทีมงาน ออโต้สปินน์ ได้เข้าร่วมการทดสอบ อินโนวา คริสต้า บนเส้นทางระหว่าง กรุงเทพฯ - เขาใหญ่ ด้วยระยะทางรวมเกือบ 300 กิโลเมตร พร้อมการขับขี่ท่ามกลางสายฝน ทั้งช่วงขึ้นเขา และลงเขา บวกกับการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ภายใน ศูนย์ทดสอบการขับขี่ โตโยต้า ไดร์ฟวิ่ง เอ็กซ์พรีเรียน บริเวณบางนา กม.3 ทำให้ทราบสมรรถนะโดยรวมว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ภายนอกดีไซน์ใหม่บนคอนเซปต์ความหรูหรา พร้อมออพชั่นจัดเต็ม

โตโยต้า อินโนวา คริสต้า มีการออกแบบใหม่บนพื้นฐานคอนเซปต์ที่เน้นความสวยงามและหรูหรา โดยจะเน้นการจับกลุ่มความเป็น พรีเมี่ยม เอ็มพีวี มากยิ่งขึ้น ด้านหน้ามีการออกแบบใหม่ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ สีดำ พร้อมการตกแต่งด้วยเส้นสายโครเมี่ยม โดดเด่นมาแต่ไกล

ชุดโคมไฟหน้าแบบ LED Projector พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ และชุดไฟตัดหมอกล่าง ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ทั้งหมดเน้นความหรูและแตกต่างด้วยชุดโคมรูปตัวแอล และเอกลักษณ์ของรถยนต์โตโยต้ายุคใหม่กับ แอร์โรไดนามิก ฟิน บริเวณหลังคา กรอบไฟเลี้ยว และบริเวณด้านข้างชุดโคมไฟท้ายเสริมความโดดเด่น ในส่วนล้อมาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์ใหม่พิเศษที่เน้นความสวยงาม

โดยรวมความสวยงาม ล้วนแล้วแต่คนมองและมุมมองของแต่ละท่าน ในมุมมองส่วนตัวของผม ด้านหน้ารถยนต์ทำมาได้ค่อนข้างตรงคอนเซปต์แล้ว กับความโดดเด่นและหรูหราบริเวณกลางกระจังหน้าขนาดใหญ่ แต่ในส่วนท้ายหากขับรถยนต์ตามหรือมองไกลๆ ยังให้ความรู้สึกโย่งๆ ไปบ้าง

ภายในดีไซน์ใหม่ฉีกไปจากรุ่นเดิม การใช้หยิบจับปุ่มต่างๆ ใช้งานง่าย แต่มุมการจัดองศาแผงมาตรวัดและพวงมาลัย ยังแปลกๆ ไปนิด

ทางด้านภายใน อินโนวา คริสต้า มีการดีไซน์ใหม่ฉีกไปจากรุ่นก่อนหน้าที่ยังมีความใกล้เคียงเพื่อนร่วมดีไซน์อย่าง โตโยต้า วีโก้ มากจนแทบจะยกมาทั้งแผง แต่สำหรับ อินโนว่า คริสต้า ใหม่มาพร้อมการดีไซน์ใหม่ ที่ให้ความรู้สึกแตกต่าง และหรูหรามากขึ้น

แผงคอนโซลถูกตกแต่งด้วยลายไม้เสริมความหรูหรา บริเวณคอนโซลกลางมาพร้อม จอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ที่อันนี้ต้องขอชมเชยว่า ติดนิ้วมาก ความไหลลื่นและการกดใช้งานต่างๆ ไม่ค่อยมีความหน่วงให้เห็นเหมือนรถยนต์รุ่นอื่นๆ จากโตโยต้า ที่ยังพอมีอยู่บ้าง แต่สำหรับ อินโนวา คริสต้า ทำมาได้ค่อนข้างดีที่เดียว ปุ่มควบคุมต่างๆ ใช้งานง่ายมุมองศาช่วยให้ไม่ต้องละสายตาจากท้องถนนมากนัก

ชุดมาตรวัดเรืองแสง พร้อมจอ MID ตรงกลางยังคงคุ้นหน้าคุ้นตารูปแบบนี้ พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นรูปทรงที่คุ้นเคยในโตโยต้ารุ่นใหม่ๆ เช่นกัน แต่สิ่งที่แตกต่างและรู้สึกหลังเข้ามานั่งบริเวณเบาะคนขับคือ มุมองศาการจัดวาง ชุดมาตรวัด และพวงมาลัย ที่มีระดับความเงยมากกว่ารถรุ่นปรกติ หรือแม้แต่ อินโนว่า รุ่นเก่า ค่อนข้างมากจนรู้สึกแปลกมือแปลกตาไป

เพราะการดีไซน์สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ที่มุมเบาะนั่งและคอนโซลต่างๆ ค่อนข้างสูงการจัดมุมมาตรวัดและพวงมาลัย จึงต้องเงยขึ้นกว่ารถปรกติ ซึ่งจะช่วยลดอาการเมื่อยล้าจากผู้ขับขี่ได้ ซึงจากการทดสอบช่วงแรกๆ ที่ได้สัมผัสอาจไม่ค่อยชิน แต่ขับไปสักกระยะเมื่อเข้าไม้เข้ามือก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไร

เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร กับการเซตใหม่ เรี่ยวแรงมีแต่ไม่ถึงขั้นจี๊ดจ๊าด

สำหรับ โตโยต้า อินโนวา คริสต้า มีการเปิดตัวมาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบ ทั้งดีเซล 2.8 ลิตร และ เบนซิน 2.0 ลิตร แต่ทริปการทดสอบ มีเพียงรุ่น เครื่องยนตืดีเซล 2.8 ลิตรให้ได้ทดสอบกันเท่านั้น ต้องขออภัยเพื่อนๆ ที่อยากทราบสมรรถนะตัวเบนซิน 2.0 ลิตร ด้วย

เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร พร้อม GD Efficient Boost ให้กำลังแรงม้าที่ 174 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 360 นิวตันเมตร ที่ 1,200-3,400 รอบต่อนาที สังเกตุถึงความแตกต่างระหว่างรอบเครื่องยนต์ แม้จะเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับ รีโว่ แต่ช่วงการใช้งาน อินโนวา จะมีเรนจ์ที่กว้างกว่า โดยตัว รีโว จะอยู่ที่ช่วงประมาณ 2,000-3,000 เท่านั้น เนื่องจากจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกัน แถมการเซตแบบนี้จะทำให้อัตราความสิ้นเปลืองตัว อินโนวา ดูดีกว่า ด้วยตัวเลขเครมจากโตโยต้าอยู่ที่ 14 กิโลเมตร ต่อลิตร เลยทีเดียว

การขับขี่ อัตราการเร่ง ด้วยการนั่ง 2 คน พร้อมสัมภาระ การขับขี่มีทั้งแบบโหมด ECO และ Power Mode เริ่มต้นที่โหมด ECO ตามสไตล์การขับขี่ที่เน้นความประหยัดสูงสุดเป็นพื้นฐาน ทำให้นิสัยการทำงานไม่ทันใจเท่าไหร่นัก ซึ่งเหมาะกับการขับขี่อบบครอบครัวและเรื่อยๆ แบบจริงๆ หากต้องการเร่งเพื่อแซงอาจต้องเหนื่อยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อนั่งเต็มครบทุกที่นั่ง

แต่เมื่อสลับมา PWR Mode หรือ Power Mode การตอบสนองตามเท้ามากยิ่งขึ้น การเร่งแซงไว้ใจได้ เครื่องยนต์แสดงสมรรถนะออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยรูปทรงรถยนต์ที่ค่อนข้างสูง และรูปแบบโครงสร้างทำให้ไม่จี๊ดจ๊าดเท่าที่ควร หากต้องการความสนุกจากการขับขี่อาจต้องเหนื่อยหน่อย แต่ด้วยรูปแบบรถยนต์ที่เน้นความเป็นครอบครัวและเพื่อการโดยสาร

เรื่องอัตราการประหยัดน้ำมัน นั่งโดยสาร 2 คน พร้อมสัมภาระประมาณ 4 ใบ ซึงเฉลี่ยเป็นน้ำหนักมนุษย์น่าจะรวมได้ราวๆ 4 คน การขับขี่มีทั้งขึ้นเขา ลงเขา สภาพอากาศปรกติ และฝนตก รวมไปถึงเปิดการใช้งานแบบ Power Mode ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 120-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีบางช่วงที่ทดสอบความเร็วสูงสุดอยู่บ้างซึ่งคันนี้สามารถทำได้ถึง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียว อัตราการบริโภคน้ำมันอยู่ราวๆ 10.1 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งถือว่าใช้ได้ด้วยการขับขี่แบบรีดสมรรถนะเต็มที่

การขับขี่โดดเด่นที่ความนุ่มนวล สะดวกสบาย ช่วงล่างโยนไปบ้างตามสไตล์รถยกสูง การเซตน้ำหนักพวงมาลัยจะแปลกๆ ไปแต่ไม่เป็นปัญหา

สิ่งที่ค่อนข้างประทับใจสำหรับ โตโยต้า อินโนวา คริสต้า ซึ่งก็เป็นจุดชูโรงที่ทางโตโยต้า เปิดเผยเช่นกันคือ การเซตระบบช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวล ความสะดวกสบายสูงสุดในการโดยสาร ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว ซึ่งแลกมากับความกระชับของช่วงล่าง ซึ่งถ้าไม่ขับรถเร็วตลอดเวลา ปาดซ้าย ปาดขวา ก็คงจะไม่เป็นปัญหาเท่าไรนักเพราะ การขับขี่แบบปรกติสมรรถนะตัวรถก็สามารถเอาอยู่

การทดสอบขับขี่ด้วยความเร็วสูงพร้อมเปลี่ยนเลนกระทันหัน และการเข้าโค้งด้วยความเร็วเช่นกัน ด้วยการเซตที่เน้นความนุ่มนวล บวกกับตัวถังรถที่ยกสูง ทำให้พบอาการโยนอยู่บ้าง การเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ก็มีอาการเหวอๆ บ้างบางจังหวะเมื่อเจอพื้นถนนขรุขระระหว่างเลี้ยว

น้ำหนักพวงมาลัยที่ค่อนข้างแปลกไปนิดคือ ระหว่างการขับขี่ด้วยความเร็วต่ำยังรู้สึกถึงความหนักและหนืดกว่าที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกันเมื่อขับด้วยความเร็วสูงก็รู้สึกว่ามันเบาไปนิด หากมีการปรับปรุงในส่วนนี้น่าจะทำให้การขับขี่มั่นใจและสนุกยิ่งขึ้น

เบาะนั่งโดยสารออกแบบและทำมาได้ค่อนข้างดีเยี่ยม ในทุกตำแหน่งการนั่ง ด้วยการสัมผัสที่ไม่แข็งและไม่อ่อนมากเกินไป น่าจะถูกอกถูกใจผู้โดยสารและคนขับ บวกกับการเซตช่วงล่างที่นุ่มนวล ตอบโจทย์การเดินทางกันแบบครอบครัวและโดยสารทางไกลแน่นอน

การขับขี่แม้อัตราเร่งเครื่องยนต์จะไม่จี๊ดจ๊าดแต่ถามว่าเรี่ยวแรงมีมาให้หรือเปล่าต้องบอกว่าเหลือๆ แต่จะมาเรื่อยๆ ไม่หวือหวาประมาณนั้น การขับขึ้น-ลง เขาใหญ่ เพียงสลับมาโหมด Power Mode ก็สามารถแซงได้โดยไม่ต้องลุ้นมาก การใช้เอนจิ้นเบรคตัวรถทำการดึงได้ค่อนข้างดีไว้ใจได้เช่นกัน การตอบสนองของเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Sequential Shift ระยะรอยต่อช่วงปลี่ยนเกียร์ไม่มีปัญหา แต่ช่วงระยะเปลี่ยนเกียร์ 1 ไป 2 ยังออกอาการหน่วงๆ ให้เห็นเพียงเล็กๆ เท่านั้น

โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนา รถยนต์เอ็มพีวี ที่ดูดีมากขึ้นในทุกๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ สมรรถนะการขับขี่ ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ กับความพรีเมี่ยมที่มากยิ่งขึ้น กับราคาค่าตัวที่ 1.399 ล้านบาท (สำหรับตัวท็อป) ก็น่าสนใจ

หรือหากใครต้องการรถอเนกประสงค์ที่เน้นการขนย้ายสัมภาระมากกว่าบุคคล การใช้งานที่เน้นลุย ระบบช่วงล่างที่หนึบมากกว่า แต่ก็แลกมากับความนุ่มนวลที่น้อยกว่าเช่นกัน โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจให้กับคุณ