Audi เปิดตัว รถ SUV e-tron รถพลังงานไฟฟ้า 100% โดยเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นคันแรกของค่าย asynchronousตั้งเป้าวางขายได้ในปีถัดไป
ผู้ผลิตรถจากประเทศเยอรมันกล่าวว่า e-tron เป็น SUV คันแรกของทางค่ายที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าทั้งคัน พร้อมท้าทายคู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz EQC และ Tesla Model X
Audi e-tron SUV ให้กำลังโดยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบอะซิงโครนัสมอเตอร์ซึ่งทำงานร่วมกันผ่านชุดแบตเตอรี่ซึ่งให้กำลัง 95 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ทางค่ายไม่ได้เปิดเผยกำลังแรงม้าและแรงบิดออกมา แต่สามารถ SUV พลังไฟฟ้าคันนี้สามารถเร่งจาก 0 - 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
มอเตอร์ไฟฟ้าของรถทั้งสองตัวยังเป็นนวัตกรรมใหม่เมื่อ Audi ได้พัฒนาระบบการฟื้นฟูซึ่งช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้าฟื้นพลังงานเมื่อผู้ขับรถปล่อยคันเร่งและเมื่อมีการเหยียบเบรก โดยเฉลี่ยแล้ว ระบบฟื้นฟูพลังงานดังกล่าว โดยเฉลี่ยแล้วระบบฟื้นฟูพลังงานนี้คิดเป็น 30 เปอร์เซนต์ของระยะทางที่ e-tron วิ่งได้เลยทีเดียว โดยเมื่อชาร์จไฟฟ้าหนึ่งครั้ง e-tron สามารถวิ่งได้ราวๆ 402 กิโลเมตร
Audi ยังใช้ระบบใหม่สำหรับการขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าทั้งสี่ล้อ ซึ่งระบบนี้ยังช่วยให้เกิดการยึดเกาะถนนที่เหมาะสมในทุกๆสภาวะและสามารถสร้างแรงบิดระหว่างเพลานอกจากนี้ e-tron ยังใช้ประโยชน์จากล้ำหน้าของการสร้างแรงบิดรวมถึงระบบแทรคชั่นคอนโทรลแบบใหม่ซึ่งช่วยควบคุมให้ล้อทำงานเป็นปกติในเสี้ยววินาที
โหมดการขับขี่ทั้ง 7 รูปแบบ ตั้งแต่โหมดขับขี่แบบสบายไปจนถึงสปอร์ตจนถึงที่สุด ระบบช่วงล่างที่สามารถปรับความสูงของตัวรถโดยขึ้นอยู่กับความเร็วถนนและรถถูกขับขี่แบบไหน โดยสามารถเพิ่มความสูงของตัวรถเพิ่มได้ถึง 76 มิลลิเมตร หรือราวๆ 3 นิ้ว ส่วนการขับทางไหล สามารถลดความสูงลงเพื่อช่วยเพิ่มการไหล่ของอากาศ
โดย e-tron ได้ใช้แบตเตอรี่กำลัง 95 กิโลวัตต์ต่อโมงซึ่งรองรับไฟฟ้ากระแสบสลับ DC แบบชาร์จเร่งด่วนถึง 150 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงในสถานีชาร์จเร็วสูง ซึ่งสามารถชาร์จเข้าถึง 80% ภายใน 30 นาที เจ้าของในประเทศสหรัฐอเมริกายังได้ประโยชน์จากกลุ่ม VW Group’s Electrify America สถานีชาร์จซึ่งครอบคลุมเกือบๆ 500 สถานีในประเทศภายในเดือนมิถุนายน 2019
มิติตัวถัง มีความยาว 4900 มิลลิเมตร กว้าง 1930 มิลลิเมตร และสูง 1666 มิลลิเมตร Audi กล่าวว่า e-tron รองรับผู้โดยสารผู้ใหญ่ 5 คนแบบนั่งสบายๆด้วยพื้นที่ในห้องโดยสารอันกว้างขวางพร้อมเทคโนโลยีข้างใน หนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นจุดเด่นนั้นคือ Virtual Mirrors ซึ่งเป็นใช้กล้องขนาดเล็กแทนที่กระจกมองข้างและจะแสดงผลที่ด้านข้างแผงประตูเป็นภาพขนาดเล็กแทน
ผู้ซื้อในประเทศสหรัฐจะสามารถเลือกได้สามแบบ ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นในชื่อ Premium Plus เริ่มต้นที่ราคา 2.4 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีนำเข้า) ส่วนรุ่นถัดไปอย่าง Prestige เริ่มต้นที่ราคา 2.66 ล้านบาท(ไม่รวมภาษีนำเข้า) พร้อมกับอุปกรณ์เพิ่มเติมอย่างเช่นระบบแสดงผลแบบ HUD แพคเกจ Driver Assistance กระจกบานหลังกรองแดด เบาะหนัง Valcona Leather และระบบบันทึกการตั้งค่าสำหรับเบาะผู้โดยสารตอนหน้า
และรุ่นท็อปสุดสำหรับ Audi e-tron ในชื่อ First Edition เริ่มต้นที่ราคา 2.82 ล้านบาท(ไม่รวมภาษีนำเข้า) ซึ่งมีอุปกรณ์แบบเดียวกันกับรุ่น Premium Plus และ Prestige แต่เพิ่มล้อขนาด 21 นิ้ว คาลิปเปอร์เบรค Dynamic สีส้ม ตกแต่งภายในด้วยลายไม้ในห้องโดยสาร Night Vision Assistant และอื่นๆอีก โดย First Edition จะขายในสหรัฐอเมริกาเพียง 999 คัน
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
มาร่วมแชร์ความเห็นของคุณบนเวบบอร์ด Autospinn คลิกที่นี่
LINE
เช็กวงเงินใน 3 นาที
ความคิดเห็น