NEW MG MAXUS 9 MPVไฟฟ้า100% เดินทางไกลดี กินไฟเอาเรื่อง Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

NEW MG MAXUS 9 MPVไฟฟ้า100% เดินทางไกลดี กินไฟเอาเรื่อง

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 02 June 2566

NEW MG MAXUS 9 ลักชัวรี MPV พลังงานไฟฟ้า 100% 7 ที่นั่ง รถครอบครัวตัวจริงที่ทำยอดขายได้แบบน่าสนใจ จองตอนนี้รอรถสองเดือน


MG MAXUS 9  

MG MAXUS 9  เรียกเสียงฮือฮาได้มากตั้งแต่เปิดตัวถือเป็นเจ้าแรกๆที่เปิดตัวรถ MPV ไฟฟ้าในประเทศไทยซึ่่งเชื่อว่าหลายท่านรอคอยกันอยู่ ต้องยอมรับว่ารถในกลุ่มนี้มีกำลังซื้อที่สูงมากและเชื่อว่าส่วนใหญ่จะมี toyota alphard กันที่บ้านอยู่แล้วแน่นอน หรือบางท่านก็ต้องการรถครอบครัวที่เป็นแบบไฟฟ้า 

MG MAXUS 9 เปิดตัวมาด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2.499 ล้านบาท รุ่น X และ รุ่น V ในราคา 2.699 ล้านบาท ยอดจองหลักพันคัน ตอนนี้ก็ยังคงรอการส่งมอบอยู่ และถ้าใครตัดสินใจจองตอนนี้ก็ต้องรอประมาณ 2 เดือน เรียกว่าได้รับความนิยมแบบไม่ขาดสาย

 

เพื่อให้รู้ไปเลยว่า MG MAXUS 9 มีดีแค่หน้าตาหรือเปล่าขับขี่เป็นอย่างไร กินไฟฟ้าไหมก็ต้องทดสอบดู ทาง MG ประเทศไทย จึงได้จัดทำการทดสอบ โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาใหญ่ 190 กิโลเมตรได้ เพื่อให้เห็นการใช้งานจริงสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางในระยะไกลเป็นอย่างไรบ้าง

ขุมพลังกับ E- PERFORMANCE: ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 245 แรงม้า ด้วยแบตเตอรี่ขนาดความจุ 90 kWh พร้อมระบบระบายความร้อน

  • ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร
  • แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion จัดวางแบบ Cell To Pack ขนาดความจุ 90 kWh สามารถวิ่งในระยะทางสูงสุด 540 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC 


NEW MG MAXUS 9 รองรับระบบการชาร์จ 2 รูปแบบทั้งแบบ Quick Charge และ Normal Charge ให้ผู้ใช้งานสามารถเดินทางสะดวกสบายได้ทั่วประเทศ ด้วยความพร้อมของสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี MG Super Charge ที่พร้อมให้บริการแล้วกว่า 129 แห่งทั่วประเทศ

  • ชาร์จแบบเร็ว DC Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 30% - 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที* ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh
  • ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 5% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที* รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh

*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า

  • แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น
  • ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย 
  • ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
  • ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง
  • ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์

การทดสอบ

ด้านหน้าตาหลายท่านคงเห็นกันแล้วส่วนใหญ่ก็มองว่าสวยเรียบง่าย ตัวรถดูไม่ใหญ่จนเกินไปที่สำคัญคือเข้าออกง่าย ถ้าเทียบการเข้าออกตัวรถ MAXUS 9 มีความสูงจากพื้นไม่มากบันไดขั้นเดียว เป็นส่วนสำคัญเพราะถ้ามองถึงการขึ้นลงรถโดยเป็น เด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ ก็ต้องบอกว่าขึ้นลงง่ายกว่า alphard แน่นอน 

  • มิติตัวถัง 5,270 x 2,000 x 1,840 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
  • ระยะความยาวฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร
  • ระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตร

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม้แรกทีมงานได้ขับก่อน เดินทางทั้งหมด 6 ท่าน เต็มจำนวนที่นั่ง น้ำหนักรถโดยประมาณ 2.9 ตัน เรียกว่าทดสอบแบบใช้งานจริงน้ำหนักเยอะ ตำแหน่งผู้ขับมองสบายเห็นได้ไกลด้วยกระจกบานหน้าขนาดใหญ่ยิ่งทำให้มองได้อย่างชัดเจน แต่ทำให้ไอร้อนจากแดดเข้ามาเยอะพอสมควรแม้ว่าจะติดฟีล์มแล้วก็ตาม วิ่งในเมืองคร่องตัวแบบไม่น่าเชื่อแม้ว่ารถจะใหญ่ก็ตาม เป็นเพราะมุมมองในการนั่งที่ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด อัตราเร่งจากมอเตอร์ไฟฟ้า กดคันเร่งรถออกตัวแบบทันใจไม่ต้องรอรอบแม้ว่ารถจะหนักก็ตามซึ่งถ้าเทียบกับรถใหญ่เครื่องสันดาบ อาจจะเทียบได้กับพวก V6 มีแรงม้าสูงกดเบาๆรถก็ออกตัวสบาย ซึ่งทำให้เวลาเราเปลี่ยนเลนในเมืองตัดสินใจได้ง่ายไม่ต้องลุ้น ระบบช่วยเหลือการขับขี่มีเพียบจนรู้สึกว่าต้องปิดบ้างเพราะเตือนเยอะเกินไป เพราะถนนเมืองไทยมอเตอร์ไซค์เยอะพอเข้าใกล้หน่อย รถก็ตกใจตลอด

ขึ้นทางด่วนวิ่งออกนอกเมือง เรื่องความแรงไม่ต้องส่งใสเลย มอเตอร์ไฟฟ้าสร้างพลัง 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร พาตัวรถหนักเกือบ3ตัน วิ่งแซงแบบสบายๆเหมือนคุณขับรถคันเล็ก ช่วงขึ้นเขาอันนี้เป็นสิ่งที่ดีมากเพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้าเครื่องเล็กไม่มีแรงจะวัดกันได้ตอนขึ้นเขาสำหรับ MAXUS 9 เร่งแซงรถบรรทุกเวลาขึ้นเขาได้แบบสบายๆพาตัวรถเกือบ3ตัน ขึ้นได้แบบไม่ต้องลุ้นกันเลย  เทียบได้กับเครื่องยนต์ก็ระดับV6 คุณกดคันเร่งเบาๆรถวิ่งไปที่ความเร็ว 120km แบบไม่รู้ตัวเลย อีกปัจจัยคือความเงียบที่ตัวรถที่เป็นแบบไฟฟ้าเงียบมากทำให้คุณอาจจะลืมมองความเร็ว ประกอบกับการเก็บเสียงสำหรับ MAXUS 9 ถือว่าผ่าน ทำได้ดีแม้ว่ารถจะดูใหญ่ต้านลมก็ตามแต่ก็ยังให้ความเงียบในเวลาขับขี่ความเร็วสูง 

ช่วงล่าง MAXUS 9 ออกแบบให้เน้นความนุ่มนวลจึงทำให้ในความเร็วสูงรถอาจจะรู้สึกย้วยๆด้านท้ายในเวลาเปลี่ยนเลน(รถยาวกว่า5เมตร) แต่ถ้าวิ่งเร็วในทางตรงตัวรถจะนิ่งมาก อาจเป็นเพราะน้ำหนักตัวที่เยอะ แต่ถ้าคุณขับขี่ไปแบบเรื่อยๆรถก็จะให้ความนุ่มในเวลาขับขี่ และสำหรับผู้นั่งแถวที่สามในการทดสอบก็ต้องบอกว่านั่งทางไกลได้สบายไม่เวียนหัว 

และสำหรับผู้นั่งแถวสองเบาะVIPต้องบอกเลยว่าเป็นเบาะที่สบายที่สุดในการเดินทาง เปิดระบบนวดหลังพร้อมนอนสำหรับการเดินทางไกล

ถึงที่หมายเขาใหญ่ ระยะทางที่วิ่งได้จริงในการหาค่าเฉลียจากขนาดความจุ 90 kWh

ตัวเลขจากโรงงานสามารถวิ่งในระยะทางสูงสุด 540 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC 

วิ่งจริง ค่าเฉลี่ยที่หน้าจอรถอยู่ที่ 25.9 kwh/100km เอามาคำนวนแล้วได้ระยะทางจริงอยู่ที่่ 330 km (นั่งเต็ม6คน น้ำหนักประมาณ2.9ตัน เส้นทางขึ้นเขา) ในการทดสอบแสดงให้เห็นถึงตัวเลยจริง แต่ถ้าขับขี่แบบเรื่อยๆทางเรียบตัวเลขน่าจะทำได้ไม่เกิน 400km


Interior Design: 
พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมดีไซน์การตกแต่งให้หรูหรา แต่แฝงด้วยฟังก์ชันการใช้งานไว้รองรับอยู่รอบคัน สะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า เบาะนั่งแถวที่สองแบบ Captain Seat พร้อมระบบเอ็นเตอร์เทนเมนต์ และรองรับการเชื่อมต่อทุกรูปแบบ

  • ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Double Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger)
  • เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์ พร้อมการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบ SOFT TOUCH และไฟห้องโดยสาร Ambient Light ถึง 64 สี
  • เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง 
  • เบาะนั่งแถวที่สองในรุ่น V แบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่นและระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะพับและที่วางแก้ว
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์
  • หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว (Digital Interactive Multi-function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมลำโพง 12 จุด
  • ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB 9 จุด และช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V
  • รองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android
  • กระจกมองหลังผ่านกล้อง Streaming Media Rearview Mirror
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมิติ แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ              PM 2.5
  • ระบบกุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start 


SAFETY
NEW MG MAXUS 9 มาพร้อมระบบโครงสร้างนิรภัยปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) รวม 25 ระบบ ได้แก่

  • ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
  • ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
  • ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
  • กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
  • สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง

สรุป NEW MG MAXUS 9  

ต้องบอกว่าเป็นรถที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่นสำหรับกลุ่ม MPV ไฟฟ้า การแข่งขันมีเพียงแค่สองเจ้าในตลาดซึ่งเป็นรถจีนกับ BYD Denza D9 ซึ่งยังไม่ได้ทดสอบและยังไม่มีการส่งมอบจึงทำให้ความได้เปรียบตกอยู่ที่ MAXUS 9 มาก่อนขายก่อน 

หลังจากการทดสอบก็ต้องบอกว่าเป็นรถที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งาน ความสะดวกสบาย ขับขี่ง่ายออฟชั่นพร้อม คุณแม่หารถที่ต้องไปจอดรอลูกเปิดแอร์นอนได้อย่างสบายไม่ต้องกังวลเรื่องมลพิษ สามารถเดินทางไกลได้แต่ต้องวางแผนให้ดีในการชาร์จไฟ ไปกับเขาใหญ่เลยไม่ได้ต้อง ชาร์จไฟหนึ่งครั้งเพื่อความสบายใจ เรียกว่าเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง

NEW MG MAXUS 9 ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น X - LUXURY และรุ่น V - SUPER LUXURY              โดยรุ่น X มีสีตัวถังให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White) สีดำ (Black Knight) และในรุ่น V มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Pearl White) สีดำ (Black Knight) สีเทาหลังคาดำ Granite Grey / Black Top
 

อัปเดตข่าวรถยนต์ ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสอง ทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ