BMW i5 eDrive40 M Sport /M60 xDrive ครั้งแรกกับตัวแรงไฟฟ้าซีดาน Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

BMW i5 eDrive40 M Sport /M60 xDrive ครั้งแรกกับตัวแรงไฟฟ้าซีดาน

วรัญญู ยอดพรหม
โพสต์เมื่อ 06 November 2566

ตัวแรงล่าสุด ซีดานไฟฟ้า BMW i5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมราคา กับสมรรถนะที่เหนือกว่า พร้อมกัน 2 รุ่น eDrive40 M Sport /M60 xDrive


BMW i5 

หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ก็ได้จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถไฟฟ้า 100% ในงาน BMW Beyond Electric ครั้งที่สอง นำโดยซีดานหรูรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ และสุดยอดยนตรกรรมไฟฟ้าอีกหลายรุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive35 M Sport, บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive40 Sport, บีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive50 Sport และบีเอ็มดับเบิลยู i7 xDrive60 M Sport โดยการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามแข่งรถปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้สื่อมวลชนได้เรียนรู้เทคโนโลยีการขับขี่ เทคนิคการขับขี่และการชาร์จไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมได้ทดลองระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัยในสถานีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย การทดสอบสมรรถนะรถยนต์ด้วยเทคนิคการขับแบบสลาลม (Slalom) การควบคุมรถขณะเข้าโค้ง (Oversteer) และฝึกการใช้งานระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และทดสอบประสิทธิภาพระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering) เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่

สำหรับงาน BMW Beyond Electric Chapter II จะเปิดให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไปได้ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู ‘i’ หลากหลายรุ่น ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ระหว่างวันที่ 3 ถึง 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 พร้อมเรียนรู้เทคโนโลยีการขับขี่ เทคนิคการขับขี่และการชาร์จไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ การทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าและทดลองระบบช่วยเหลือ แต่ไฮไลท์ในการทดสอบคือ 

บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport 
ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard 
นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)

บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive
ราคาจำหน่าย: 5,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard 
นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)  

BMW i5 รถซีดานหรูระดับตำนานจากตระกูลซีรีส์ 5 เดินหน้าสู่ยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยที่ยังรักษาความลงตัวจากการผสมผสานสมรรถนะสุดสปอร์ตเข้ากับความหรูหราระดับผู้บริหาร 
การออกแบบส่วนหน้ารถที่ ยังคงเป็นกระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยรูปทรงที่ยื่นออกมาเด่นชัดมากขึ้นจากด้านหน้า ล้อมด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อน และตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow บริเวณกรอบ ส่วนไฟหน้าทั้งสองดวง มีหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้งเพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน ส่วนด้านข้างของตัวรถ ดูโฉบเฉี่ยวและทรงพลังด้วยแนวเส้นสายที่สูงเด่น เสริมรายละเอียดด้วยลูกเล่นอย่างสเกิร์ตข้างสีดำ มือจับประตูที่เรียบสนิทไปกับพื้นผิวของประตูรถ และเลข 5 ที่ประดับอยู่บนเสา C พร้อมด้วยหลังคากระจกแบบพาโนรามา ขณะที่ส่วนท้ายรถก็เตะตาไม่แพ้กันด้วยไฟท้ายดีไซน์เรียบหรู


บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ตที่เติมความเข้มในสไตล์ M แบบรอบคัน ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หลังดีไซน์ M สีเดียวกับบอดี้ สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport และสปอยเลอร์สีดำเงาแบบ high-gloss สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive เบรกคาลิเปอร์ (สีน้ำเงินเข้ม dark blue metallic สำหรับรุ่น i5 eDrive40 M Sport และสีแดง red high-gloss สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive) และพิเศษสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive กับชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line ส่วนล้อแม็กมาในสองขนาดและสองสไตล์ ได้แก่ล้ออัลลอย BMW Individual aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive และล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม Black Grey แบบสลับสี


ในด้านสมรรถนะ ตัวท็อปอย่างบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive พร้อมมอบความแรงถึงขีดสุดด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพลังงานไฟฟ้า BMW xDrive Electric กับชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังขับถึง 442 กิโลวัตต์ / 601 แรงม้า และแรงบิด 795 นิวตันเมตร หรือสูงสุดกว่า 820 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control ทั้งหมดนี้ ทำให้

บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ทั้งเร็วและแรงเต็มพิกัดในสไตล์ M ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยพลังจากชุดแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังรถ ความจุพลังงานสุทธิ 81.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มีระยะการขับขี่ถึง 455-516 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 466 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC


ส่วนในรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport ก็แรงไม่น้อยด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้พละกำลัง 250 กิโลวัตต์ / 340 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร และสามารถส่งแรงบิดได้สูงสุดถึง 430 นิวตันเมตรเมื่อเปิดใช้งานระบบ Sport Boost หรือ Launch Control และแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงชุดเดียวกับรุ่น i5 M60 xDrive จึงมอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 6 วินาที และมีระยะการขับขี่อยู่ที่ 497-582 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 501 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC
บีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพสูงสุด ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ จะช่วยให้เจ้าของสามารถชาร์จไฟให้แก่แบตเตอรี่บีเอ็มดับเบิลยู i5 จาก 10% ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 30 นาที  


ยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i5 พลังงานไฟฟ้ายังคงรักษาสมดุลระหว่างความสปอร์ตสุดเร้าใจและความสะดวกสบายสำหรับทุกการเดินทางไว้ เช่นเดียวกับซีรีส์ 5 รุ่นก่อน ๆ ด้วยความกว้างของตัวรถที่มากขึ้น การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่แทบจะสมบูรณ์แบบที่อัตราส่วน 50:50 และโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งในทุกส่วน ส่วนช่วงล่างของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ทั้งสองรุ่น มาพร้อมกับระบบ Adaptive Suspension Professional ที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมด้วยระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering) 


ความสปอร์ตในสไตล์ M ยังเห็นได้เด่นชัดในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ ด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M ตกแต่งด้วย CraftedClarity ที่ทำจากแก้วคริสตัล และเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Comfort พร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า ขณะที่ระบบไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารที่เบาะหลัง และชุดอุปกรณ์ Travel & Comfort ก็เสริมความหรูหราและสะดวกสบายให้ทุกการเดินทาง โดยห้องโดยสารด้านในของบีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport จะมาพร้อมกับสี Dark Silver M ประดับด้วยขอบ Aluminium Rhombicle ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive จะมาพร้อมสี Dark Silver M accent ที่ผสมผสานเข้ากับวัสดุ Carbon Fibre และขอบสีเงิน high-gloss silver นอกจากนี้ ทั้งคนขับ ผู้โดยสารด้านหน้า และผู้โดยสารที่เบาะหลังทั้ง 2 ด้าน ยังจะได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยระบบการปรับอุณหภูมิ ความแรงลม และการระบายอากาศแบบแยกโซน รวมไปถึงระบบการตั้งโปรแกรมเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ 5 ระดับ เซ็นเซอร์แสงอาทิตย์ที่ด้านหลัง และระบบกรองฝุ่นละอองระดับนาโนพาร์ทิเคิล (nano particulate filters) พร้อมจะส่งมอบทั้งประสบการณ์การใช้งานอันแสนจะง่ายไปพร้อมกับสภาพอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดระยะเวลาการเดินทาง


สำหรับที่นั่งคนขับด้านหน้า ยังคงมุ่งเน้นไปที่ความสบายและมั่นใจของผู้ขับขี่ ด้วยระบบหน้าจอโค้ง BMW Curved Display ที่แบ่งออกเป็นจอ Information Display ขนาด 12.3 นิ้ว และจอแสดงระบบควบคุม Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว บนระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ที่มาพร้อมฟีเจอร์ QuickSelect ทำให้ผู้ขับขี่บีเอ็มดับเบิลยู i5 สามารถใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่านไอคอนที่จัดเรียงมาในรูปแบบแถวแนวตั้งด้านข้างคนขับ ช่วยลดระยะเวลาในการใช้งานเมนูย่อยก่อนการเปิดใช้ฟีเจอร์นั้น ๆ นอกจากนี้ หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง BMW Curved Display ยังทำงานควบคู่ไปกับระบบ BMW iDrive เพื่อส่งมอบการควบคุมที่ง่ายดายผ่านระบบหน้าจอสัมผัส ปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัย และอุปกรณ์ควบคุม BMW iDrive Controller ที่บริเวณกลางคอนโซล นอกจากนี้ แพ็คเกจ BMW Live Cockpit Professional ยังมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล BMW Head-Up Display และมุมมองแบบ Augmented View ซึ่งผู้ขับขี่สามารถใช้งานเป็นหน้าจอสำหรับควบคุมการใช้งานด้านต่าง ๆ หรือจะใช้เป็นเป็นหน้าจอเสริมแบบ instrument cluster ก็ได้     
อีกหนึ่งฟีเจอร์ไฮไลท์ภายในห้องโดยสารก็คือแถบ BMW Interaction Bar ที่ประดับด้วยขอบคริสตัลที่ครอบคลุมทั้งแถบไปจนถึงบานประตู ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานได้ผ่านหน้าจอสัมผัส ทั้งยังส่งมอบบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 6 แบบตามรสนิยมเจ้าของ ได้แก่ Personal, Efficient, Sport และ Sport+, Expressive และ Relax

นอกเหนือไปจากระบบการควบคุมที่ได้รับการปรับแต่งมาเป็นอย่างดีและที่สุดของความสะดวกสบายด้านการใช้งาน บีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังมุ่งส่งมอบประสบการณ์ด้านความบันเทิงที่เหนือชั้นให้แก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive ใช้ระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์ระดับโลก Bowers & Wilkins ซึ่งถือเป็นการปราฏตัวครั้งแรกบนบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 5 เพื่อมอบสุนทรียะทางเสียงให้แก่ผู้ใช้จากลำโพงทั้งหมด 17 ตัว มีกำลังขับรวมถึง 655 วัตต์ ตัวปรับรูปแบบเสียง 7 แบนด์ และลำโพงสำหรับมอบเสียงเบสโดยเฉพาะที่ติดตั้งไว้ภายใต้ขอบโลหะบริเวณประตูรถ ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive สามารถมอบขุมพลังและความยืดหยุ่นทางเสียงให้คุณได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู i5 eDrive40 M Sport พร้อมส่งมอบความบันเทิงอย่างเต็มที่ ด้วยระบบเสียง hi-fi จากแบรนด์ Harman Kardon ที่ใช้ลำโพงถึง 12 ตัวและแอมป์ดิจิตอล มีกำลังขับรวม 205 วัตต์ รวมทั้งยังสามารถปรับแต่งรูปแบบเสียงได้ตามต้องการ      
นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ของบีเอ็มดับเบิลยู i5 ยังร่วมส่งมอบความสนุกไปอีกขั้นด้วยการให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนท์ดิจิทัลได้หลากหลายรูปแบบยิ่งกว่าทุกครั้ง ครอบคลุมทั้งข้อมูลสำคัญและเนื้อหาด้านความบันเทิง รวมทั้งยังมีการอัพเดทที่รวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าเดิม โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือแพลตฟอร์ม AirConsole ที่ให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม  
 

ในขณะขับขี่บนท้องถนน บีเอ็มดับเบิลยู i5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบ Driving Assistant Professional ที่รวมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน (Steering and Lane Change Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go function) ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตร/

 

การทดสอบ

ได้ทดสอบ ณ สนามสทุปสปีดเวย์ เป็นสนามเล็กๆเพื่อให้เห็นประสิทธิภาพของตัวรถได้เล็กน้อย สำหรับการทดสอบเน้นกับ i5 ใหม่ซึ่งความแตกต่างของทั้งสองรุ่นชัดเจนแน่นอน เปิดหัวด้วยรุ่นเล็กกับ  i5 eDrive40 M Sport ซึ่งเป็นมอเตอร์เดียวแรงม้ามีพอประมาณ ภายนอกที่หลายคนอาจจะชอบบางคนก็รู้สึกว่าไม่สวย นานาจิตตังความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆสำหรับทีมงานคือสวยในแบบรถไฟฟ้าที่ดูมีความล้ำสมัยแบบรถอนาคต ซึ่งแตกต่างจาก ซีรีย์5 เดิมอย่างชัดเจน 

ภายในห้องโดยสารก็เป็นแบบรถไฟฟ้ายุคใหม่เช่นเดียวกัน มีความล้ำสมัยประกอบกับระบบปฎิบัติการใหม่ os 8.5 ที่ใช้งานได้ง่ายขึ้นทำให้การใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น สำหรับการขับขี่เริ่มต้นกับ  eDrive40 M Sport กดคันเร่งออกตัวเข้าโค้งต่างๆทุกอย่างตอบสนองดีแบบรถไฟฟ้าทั่งไปแต่จุดที่โดดเด่นคือ การเข้าโค้งทรงตัวดีด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำทำให้การขับขี่ในแต่ละโค้งง่าย

ครบหนึ่งรอบเปลี่ยนรถเป็นรุ่น M60 xDrive การตกแต่งต่างกันเล็กน้อยกดคันเร่งอืมมมมม นี้คือรถที่สาย M ต้องการออกตัวเหมือนโดนถีบออกทุกครั้ง ทดสอบเปลี่ยนโหมดเป็น sport ช่วงล่างแข็งขึ้นทำให้การเข้าโค้งดีขึ้นแต่ด้วยน้ำหนักตัวที่เยอะก็จะมีอาการเหวี่ยงอยู่บ้างแต่เมื่อกดคันเร่งออกจากโค้งทุกอย่างตอนสนองอย่างรวดเร็วจนทำให้ต้องคอยระวังในการขับขี่ วนมาทดสอบ 0-100 ในโหมดsport เหยียบเบรคสุดกดคันเร่งสุด และเมื่อปล่อยเบรครถออกตัวอย่างรวดเร็วภายใน 3.8 วินาที อย่างง่ายดายจะทำกี่ครั้งก็เท่าเดิม 

สรุป

เรียกว่าสมรรถนะกับความเร่งนั้นไม่ต้องสงสัย ถ้าเทียบกับ M แท้ๆเครื่องยนต์สันดาปก็ต้องบอกว่า M60 xDrive แรงกว่าในช่วงออกตัวแต่สิ่งที่ขาดหายไปเพียงอย่างเดียวคือ เสียงที่ดังโวยวายเพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่านี้คือ M หายไป 

ถ้ามองในเรื่องราคาก็ต้องบอกว่าราคาดีสำหรับผู้ที่ต้องการรถแรงแบบ M ในราคาที่ไม่แพงมากเพราะโดยปกติรถตระกูล M นั้นต้องมีค่าตัวเริ่มต้นก็เกือบจะ10ล้านกันแล้วแต่คันนี้ยังไม่ถึง 6 ล้านแต่ความแรงนั้นเพียงพอแล้วก็ถือว่าทำราคาออกมาได้ดี

 

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

 

 

 

 

 

 

 

 


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ