10 อันดับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ที่มียอดจดทะเบียนสูงสุดในไทย ปี 2024
เจาะลึกตลาด EV ไทย อะไรทำให้แบรนด์เหล่านี้ขึ้นแท่นขายดีที่สุดในปี 2024?
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปี 2024 ยังคงเป็นสนามรบที่ดุเดือด แม้ภาพรวมยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) จะลดลงเล็กน้อยที่ 8.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ตัวเลขรวมกว่า 70,137 คัน ก็สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่ยังคงอยู่ โดยเฉพาะการผงาดขึ้นของแบรนด์จีนที่เข้ามาเขย่าบัลลังก์เจ้าตลาดดั้งเดิมอย่างน่าจับตา มาดูกันว่าอะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จของ 10 แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนสูงสุดในปี 2024 นี้กันค่ะ
10 อันดับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ที่มียอดจดทะเบียนสูงสุดในไทย ปี 2024
อันดับ | แบรนด์ | ยอดจดทะเบียน (คัน) | ส่วนแบ่งตลาด (%) |
1 | BYD | 27,005 | 38.5 |
2 | MG | 9,081 | 12.9 |
3 | NETA | 7,969 | 11.4 |
4 | Changan | 5,912 | 8.4 |
5 | AION | 5,185 | 7.4 |
6 | TESLA | 4,121 | 5.9 |
7 | GWM | 3,231 | 4.6 |
8 | Volvo | 2,563 | 3.7 |
9 | BMW | 1,483 | 2.1 |
10 | Wuling | 711 | 1.0 |
หมายเหตุ:
- ข้อมูลนี้เป็นยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ตลอดทั้งปี 2024
- ยอดขายรวมของรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในประเทศไทยปี 2024 อยู่ที่ 70,137 คัน ซึ่งลดลง 8.1% จากปีที่แล้ว
จากข้อมูลตามตาราง ซึ่งเป็นข้อมูลสรุปยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ในประเทศไทยตลอดทั้งปี 2024 ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า BYD ครองแชมป์มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีแบรนด์จีนหลายรายเข้ามาติดอันดับต้นๆ ด้วยนโยบายสนับสนุนและราคาที่แข่งขันได้
เบื้องหลังความสำเร็จของ 10 แบรนด์ดัง
มาดูกันว่าอะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จของ 10 แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนสูงสุดในปี 2024 นี้ ซึ่งปัจจัยหลักๆ แบ่งออกเป็นหลายด้าน อาทิ กลยุทธ์การตลาด, รุ่นรถที่จำหน่าย, นโยบายราคา, เครือข่ายการบริการ, และการรับรู้แบรนด์ของผู้บริโภคในประเทศไทย
อันดับ 1 : BYD
BYD ครองอันดับ 1 อย่างแข็งแกร่งด้วยยอดจดทะเบียนกว่า 27,005 คัน คิดเป็น 38.5% ของส่วนแบ่งตลาด ความสำเร็จนี้มาจากหลายปัจจัยหลัก
- คุ้มค่าเกินราคา: รุ่นยอดนิยมอย่าง BYD Dolphin และ ATTO 3 นำเสนอคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา ทำให้เข้าถึงง่าย
- ลงทุนในไทย: การตัดสินใจสร้างโรงงานผลิตในประเทศไทยเป็นการส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นในตลาดระยะยาว ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นเรื่องบริการหลังการขายและอะไหล่
- การตลาดเชิงรุก: BYD ทำการตลาดอย่างหนักและขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างรวดเร็ว ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง
- Blade Battery: เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เป็นจุดแข็งด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
อันดับ 2 : MG
MG ยังคงรักษาอันดับ 2 ไว้ได้ด้วยยอด 9,081 คัน คิดเป็น 12.9% ของตลาด ด้วยการเป็นหนึ่งในแบรนด์แรกๆ ที่นำรถ EV เข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังในไทย ทำให้มีฐานลูกค้าและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิก นอกจากนี้ MG ZS EV และ MG EP รวมถึง MG4 ทั้งสามรุ่นนี้ยังคงตอบโจทย์ผู้ที่มองหารถ EV ที่ต้องการความคุ้มค่า
อันดับ 3 : NETA
NETA กระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับ 3 ด้วยยอด 7,969 คัน หรือ 11.4% ของตลาด โดยมี NETA V เป็นตัวชูโรงที่เข้ามาทำตลาดด้วย ราคาที่เข้าถึงง่ายมาก (เริ่มต้น 549,000 บาท) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้บริโภคจำนวนมากให้ตัดสินใจลองใช้รถ EV ครั้งแรก แต่สำหรับในปี 2025 นี้ หลังจากที่มีข่าวว่าบริษัทแม่กำลังระส่ำระส่าย เราคงต้องจับตามองกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้ว NETA เค้าจะรอดหรือไม่รอด
อันดับ 4 : Changan
Changan ผู้เล่นหน้าใหม่แต่ไม่ธรรมดา คว้าอันดับ 4 ไปครองด้วยยอด 5,912 คัน หรือ 8.4% ของตลาด การมาของ Deepal S07 และ L07 ที่มีดีไซน์ล้ำสมัยและเทคโนโลยีที่น่าสนใจสร้างกระแสตอบรับอย่างดี นอกจากนี้ การลงทุนสร้างโรงงานผลิตในไทยและแผนการเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่อีก 12 รุ่นใน 3 ปีข้างหน้า ก็ตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์นี้
อันดับ 5 : AION
AION เข้ามาติดอันดับ 5 ด้วยยอด 5,185 คัน หรือ 7.4% ของตลาด โดยมี AION Y Plus เป็นตัวหลักที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยขนาดที่ใหญ่ ฟังก์ชันครบครัน และราคาที่แข่งขันได้ ทำให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถ EV สำหรับครอบครัว หรือต้องการพื้นที่ใช้สอย และสำหรับในปี 2025 นี้ ยังได้ AION V และ UT มาเสริมกำลังทัพ แถมยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก รอดูกระแสของปีนี้ก่อนเถอะ เลดี้ว่าอาจจะแซงหลายๆ ค่ายได้เลยล่ะ
อันดับ 6 : TESLA
แม้ราคาจะสูงกว่าคู่แข่งจีน แต่ TESLA ยังคงรักษาอันดับ 6 ไว้ได้ด้วยยอด 4,121 คัน หรือ 5.9% ของตลาด ด้วยภาพลักษณ์แบรนด์ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี EV และความล้ำสมัย พร้อมด้วย Ecosystem ที่สมบูรณ์อย่าง Supercharger Network ทำให้มีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ยอมรับในราคาที่สูงกว่า
อันดับ 7 : GWM
GWM อยู่ในอันดับ 7 ด้วยยอด 3,231 คัน หรือ 4.6% ของตลาด จุดแข็งสำคัญคือดีไซน์ของ ORA Good Cat ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รูปทรงย้อนยุคที่น่ารัก ทำให้ดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถ EV ที่มีสไตล์ไม่เหมือนใคร และการเริ่มประกอบในประเทศก็ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
อันดับ 8 : Volvo
Volvo จบที่อันดับ 8 ด้วยยอด 2,563 คัน หรือ 3.7% ของตลาด แสดงให้เห็นว่าแบรนด์พรีเมียมที่เน้นเรื่องความปลอดภัยและความยั่งยืนยังคงมีฐานลูกค้าที่ภักดี การเปิดตัวรุ่นใหม่อย่าง EX30 ที่มีราคาเข้าถึงง่ายขึ้น ก็ช่วยกระตุ้นยอดขาย EV ของ Volvo ได้อย่างดี
อันดับ 9 : BMW
BMW ยังคงติดอันดับ 9 ด้วยยอด 1,483 คัน หรือ 2.1% ของตลาด ในฐานะผู้นำในกลุ่มรถยนต์พรีเมียม BMW มีรถ EV ให้เลือกหลากหลายรุ่น ทั้ง iX, i4, i5, i7 ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดลักชัวรี ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีขนาดเล็กกว่า
อันดับ 10 : Wuling
Wuling ปิดท้ายอันดับ 10 ด้วยยอด 711 คัน หรือ 1.0% ของตลาด โดยมี Wuling Air EV เป็นตัวแทนที่เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด เน้นการใช้งานในเมือง และราคาที่เข้าถึงง่าย
สรุปภาพรวมการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าไทยในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนของแบรนด์จากประเทศจีน ที่เข้ามาพร้อมกับราคาที่แข่งขันได้ เทคโนโลยีที่น่าสนใจ การลงทุนในประเทศ และกลยุทธ์การตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภค ในขณะที่แบรนด์พรีเมียมยังคงรักษาฐานลูกค้าในกลุ่มเฉพาะของตนไว้ได้ ทำให้ตลาด EV ในไทยยังคงมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง คุณคิดว่าจะมีเทรนด์ใหม่ๆ อะไรบ้างที่เกิดขึ้นในปี 2025 - 2026 มาแชร์กันได้นะคะ
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น