มิตซูบิชิ ปลื้ม ยอดจอง XForce HEV ทะลักกว่า 3,000 คัน 70% จองรุ่นท็อป พร้อมเริ่มทยอยส่งมอบลูกค้าเเล้ว
Mitsubishi XForce HEV
นายยอดชาย ซื่อวัฒนากุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักสื่อสารการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดตัว Mitsubishi XForce HEV เมื่อวันที่ 20 เดือนมีนาคม 2568 ซึ่งเป็นรถยนต์แบบ SUV ไฮบริด (HEV) เป็นรถรุ่นที่สองของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ถัดจากรุ่น Mitsubishi xpander โดยได้รับกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดจากลูกค้าชาวไทย และประสบความสำเร็จด้วยยอดจองกว่า 1,800 คันในเวลาเเค่เพียง 3 สัปดาห์หลังจากเปิดตัว
ราคา Mitsubishi XForce HEV รุ่นย่อยมีทั้งหมด 3 รุ่น
- XForce HEV Ignite : 899,000 บาท
- XForce HEV Ultimate : 1,039,000 บาท
- XForce HEV Ultimate X : 1,089,000 บาท
สำหรับออล-นิว มิตซูบิชิ เอ็กซ์ฟอร์ส เอชอีวี ได้รับการพัฒนาร่วมกับทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาวไทยและมีฐานการผลิตที่โรงงานมิตซูบิชิ มอเตอร์ส แหลมฉบัง จ.ชลบุรี มั่นใจได้ในคุณภาพรถยนต์และบริการหลังการขายที่ครบครัน แบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อย ได้แก่ อิกไนท์ (Ignite) อัลทิเมท (Ultimate) และรุ่นท็อป อัลทิเมท เอ็กซ์ (Ultimate X) พร้อมสะกดทุกสายตาด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น ภายใต้แนวคิด ซิลก์กี แอนด์ โซลิด (Silky & Solid) สะท้อนความเรียบหรูแต่ทรงพลังในทุกมิติอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกกว่าในทุกการเดินทาง ผสานการทำงานของ 3 สุดยอดเทคโนโลยี ในแบบ MITSUBISHI e:MOTION ที่เหนือระดับไปอีกขั้น ด้วยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด Generation ใหม่ ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยม แต่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 24.4 กิโลเมตร/ลิตร มาพร้อมกับ โหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ หรือ 7 Drive Mode ให้ความปลอดภัย ลุยได้ในทุกสภาพถนน และระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) เพื่อการขับขี่ที่มั่นใจสูงสุดขณะเข้าโค้ง พร้อมช่วงล่างและระบบกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ให้เหมาะกับทุกสภาพถนนในประเทศไทย จากการทดสอบจริงบนถนนของเมืองไทยกว่า 100,000 กิโลเมตร
เครื่องยนต์ Mitsubishi xForce HEV
เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 4A92 ขนาด 1.6 ลิตร 1,590 ซีซี. MIVEC พละกำลังสูงสุด 107 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังสูงสุด 116 แรงม้า 255 นิวตันเมตร Full Hybrid แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 1.1 kWh จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 2-Speed Transaxale ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด E20 เคลมอัตราสิ้นเปลือง 24.4 km/l
เพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์ 12 แรงม้า จาก 95 เป็น 107 แรงม้า เมื่อเทียบกับ Xpander HEV
แล้วทำไม่ Mitsubishi xForce HEV จึงขายดี
สิ่งแรกต้องยอมรับว่าหน้าตาเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ Mitsubishi XForce มีหน้าตาที่หลายท่านถูกใจ แม้ว่าอีกหลายคนที่บ่นว่าราคาแพงแต่สุดท้ายหน้าตาก็ถือเป็นแรงดึงดูดได้เป็นอย่างดี
ภายในที่ได้รับการออกแบบที่ถูกใจหลายๆท่านทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็น suv ที่ให้ทั้งความหรูหราและความลุยไปในตัวพร้อมๆกันไปเลย
มาถึงจุดเด่นที่สำคัญคือสมรรถนะ ที่ต้องบอกเลยว่าเหนือกว่าคู่แข่งแบบเห็นได้ชัดเจน การผลิตรถที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายนั้นก็อาจจะมีไม่กียี่ห้อก็ว่าได้ แต่สำหรับ Mitsubishi XForce นั้นเป็นรถขนาดกลาง SUV แท้ๆเลยก็ไม่ใช่เพราะไม่ได้เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ว่าดันสามารถลุยแบบรถขับเคลื่อน 4 ล้อได้ อันนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
ในการทดสอบครั้งนี้ทาง Mitsubishi ได้ชวนให้นักข่าวมาทดสอบถึง ภูเก็ต ในเส้นทางทดสอบ ภูเก็ต - พังงา เรียกได้ว่าทดสอบในทุกสถานะการแบบใช้งจริง ในวันแรกกับการทดสอบแบบวิ่งยาวๆ ต้องบอกเลยว่าประทับใจตั้งแต่แรกก็ว่าได้กับช่วงล่างที่ปรับมาแบบกลางๆ อาจจะมีแข็งๆบ้างกับผิวถนนที่ไม่ค่อยดีแต่โดยรวมถือว่าผ่าน ในการขับขี่ความเร็วสูงก็ถือว่าเอาอยู่ เข้าโค้งแรงๆระบบ AYC เข้ามาช่วยแบบเนียนๆรู้สึกมั่นใจขึ้นมาก
อัตราเร่งต่างๆนั้นถือว่าเป็นรถที่เน้นใช้งานไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่สิ่งที่โดดเด่นคืออัตราการกินน้ำมันที่น่าประทับใจมากเพราะใน Xpander HEV เทียบอัตราการกินน้ำมันที่ทำได้ไม่ค่อยดี แต่สำหรับ XForce นั้นทำได้ดีกว่ามาก ขับขี่ไปกลับบนเส้นทางไฮเวย์แบบไม่เน้นประหยัด สามารถทำได้ 15.6km/L ถือเป็นตัวเลขที่ดีมากๆ
ในส่วนความโดดเด่นในส่วนอื่นคือ เครื่องเสียงจาก Dynamic Sound Yamaha Premium อันนี้บอกเลยว่าของดีไม่ใช้แค่นำโลโก้มาติด การเก็บเสียงภายในรถถือว่าดีกว่าคู่แข่ง
เดินทางทดสอบต่อในวันที่สอง เป็นการวิ่งในเมืองเพื่อหาอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดแบบแข็งขันกันเองกับกลุ่มนักข่าว ทางทีมงานได้ที่โหล่ทำตัวเลขออกมาได้ 27 km/L ที่หนึ่งทำได้ 57 km/L ใช้ครับประหยัดกว่ามอเตอร์ไซร์เสียอีก อันนี้เป็นตัวเลขจริงในการทดสอบก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับผู้ขับขี่ นั้นแสดงให้เห็นว่าตัวเลขจากโรงงาน 24.4 km/L นั้นสามารถทำได้จริง
และแล้วการทดสอบที่รอคอยกับการขับขี่ในรูปแบบที่รถในกลุ่มเดียวกันไม่สามารถทำได้คือการขับในแบบ ออฟโรด กับสนามจำลองที่ทางทีมงานได้สร้างขึ้นเพื่อการทดสอบ
กดคันเร่งเต็มที่กับผิวถนนแบบลูกรังต้องบอกว่านุ่มนวลกว่าที่คิดการเก็บอาการของช่วงล่างส่งผ่านมาถึงพวงมาลัยสามารถทำได้ดีมาก วนมาทดสอบ AYC หมุนเป็นวงกลมระบบเข้ามาช่วยให้การควบคุมรถให้เลี้ยวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ต่องมากับเนินสลับ เปิดระบบ Mud ระบบจะจัดการทุกอย่างเอง มาถึงถนนโครนลื่นๆ ก็ยังสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ต้องบอกว่าให้อารมณ์เหมือนรถขับเคลื่อนสี่ล้อเลย เพราะทุกอย่างดูง่าย
บอกเลยว่าของดี หลายท่านอาจจะมองว่าราคาสูงไปแต่สิงที่ได้ก็ต้องยอมรับว่าอันนี้คือราคาที่พอดี แล้วทำไมคนส่วนใหญ่เลือกตัวท๊อป ก็ต้องบอกว่าเมื่อได้ว่านั่งฟังเครื่องเสียงก็ต้องยอมรับว่าอันนี้และที่ถูกต้อง
แต่มีดีก็ต้องมีเสีย อุปกรณ์ตกแต่งภายในเช่นตรงคอนโซนเกียร์ใช้วัสดุที่ดูราคาไม่แพงควรจะหุ้มหนังไปเลยมากกว่าใช้พลาสติก
การซื้อรถควรได้ทดลองขับขี่ก่อนแต่ในทางลูกรังแบบออฟโรดทางทีมงานทดสอบให้แล้วบอกเลยว่าของดีผ่าน
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
LINE
ความคิดเห็น