พวงมาลัยหนัก สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้สาเหตุ Share this
Lifestyle
โหมดการอ่าน

พวงมาลัยหนัก สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้สาเหตุ

Sunuttinee Phumbanyen
โดย Sunuttinee Phumbanyen
โพสต์เมื่อ 1 วันที่ผ่านมา

มาหาสาเหตุว่าทำไม? พวงมาลัยถึงเกิดอาการหนักมากเวลาเลี้ยว จะแก้ไขได้อย่างไร รวมถึงข้อควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติโดยเด็ดขาด


พวงมาลัยหนัก สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้สาเหตุ

จู่ๆ เวลาเลี้ยวต้องออกแรงมากกว่าปกติ พวงมาลัยที่เคยเบากลับหนักอึ้งขึ้นมาซะอย่างนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ที่จะมองข้ามได้เลยค่ะ เพราะในรถยนต์สมัยใหม่ที่ส่วนใหญ่เป็นระบบ พวงมาลัยเพาเวอร์ (Power Steering) การที่พวงมาลัยหนักขึ้นมา ย่อมเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติบางอย่าง ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัยในการขับขี่

พวงมาลัยหนัก สัญญาณอันตรายที่คุณต้องรู้สาเหตุ

ทำไมพวงมาลัยถึงหนัก? 

อาการพวงมาลัยหนักเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ขึ้นอยู่กับประเภทของพวงมาลัยในรถของคุณ รวมถึงปัจจัยภายนอกอื่นๆ ดังต่อไปนี้

1. พวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิก (รถรุ่นเก่า) การทำงานของพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฮดรอลิกจะใช้น้ำมันและแรงดันในการผ่อนแรงเลี้ยว หากเกิดเหตุการณ์ดังต่อไปนี้ จะทำให้พวงมาลัยของคุณหนักขึ้นในทันที

  • น้ำมันพาวเวอร์ต่ำ/รั่วซึม: นี่คือสาเหตุอันดับหนึ่ง น้ำมันพาวเวอร์ช่วยหล่อลื่นและส่งแรงดัน หากขาดหรือรั่วออกไป ปั๊มจะทำงานหนักขึ้นและสร้างแรงดันได้ไม่พอ คุณอาจได้ยิน เสียงหอนดัง เวลาเลี้ยว หรือเห็น รอยน้ำมันหยด ใต้ท้องรถ
  • น้ำมันพาวเวอร์เสื่อมสภาพ/สกปรก: ใช้นานๆ เข้า น้ำมันก็เสื่อม ความหนืดเปลี่ยน การหล่อลื่นและการส่งแรงดันก็แย่ลง
  • ปั๊มพาวเวอร์เสีย: หัวใจสำคัญในการสร้างแรงดัน หากปั๊มชำรุดหรือลูกปืนแตก จะไม่สามารถผ่อนแรงได้ตามปกติ พวงมาลัยจึงหนักสุดๆ และอาจมี เสียงหอน ดังขึ้นเวลาสตาร์ทเครื่อง
  • สายพานหน้าเครื่องหย่อน/สึกหรอ/ขาด: สายพานเส้นนี้มีหน้าที่ขับเคลื่อนปั๊มพาวเวอร์ ถ้ามันหย่อนหรือชำรุด ปั๊มก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ พวงมาลัยเลยหนักเป็นบางจังหวะหรือตลอดเวลา
  • ท่อทางเดินน้ำมันพาวเวอร์รั่ว/อุดตัน: การรั่วทำให้น้ำมันขาด การอุดตันขัดขวางการไหลเวียน ทั้งหมดล้วนส่งผลให้ระบบรวน

2. พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (EPS - Electric Power Steering) ระบบนี้จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการผ่อนแรงเลี้ยว หากเกิดปัญหากับพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ให้สังเกตุตามจุดเหล่านี้

  • มอเตอร์พวงมาลัยไฟฟ้าเสีย: หากมอเตอร์ไม่ทำงานหรือเสียหาย พวงมาลัยจะหนักมาก เหมือนไม่มีระบบเพาเวอร์เลย
  • กล่องควบคุม (ECU/EPS Control Module) เสีย: กล่องนี้ทำหน้าที่สั่งการมอเตอร์ ถ้าเสีย ระบบก็ไม่ทำงาน พวงมาลัยก็หนักตามระเบียบ
  • ฟิวส์ขาด/ระบบไฟฟ้ามีปัญหา: หากฟิวส์ที่เกี่ยวข้องกับระบบ EPS ขาด หรือมีปัญหาเรื่องสายไฟ มอเตอร์ก็จะไม่มีไฟไปเลี้ยง ทำให้พวงมาลัยหนัก

น้ำมันพาวเวอร์ต่ำ / รั่วซึม

3. ปัญหาจากส่วนประกอบอื่นๆ ของช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว บางครั้งอาการหนักไม่ได้มาจากระบบเพาเวอร์โดยตรง แต่อาจเกิดจากส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

  • ลูกหมากต่างๆ สึกหรอ/ฝืด: ไม่ว่าจะเป็น ลูกหมากปีกนก หรือ ลูกหมากคันชัก-คันส่ง หากสึกหรอหรือเกิดสนิม จะทำให้การหมุนพวงมาลัยฝืดและต้องออกแรงมากขึ้น
  • ลูกปืนเบ้าโช้คเสื่อม: หากลูกปืนเบ้าโช้คที่อยู่ด้านบนของโช้คอัพเสื่อม จะทำให้การหมุนพวงมาลัยติดขัดและหนักขึ้นได้
  • เฟืองพวงมาลัยเสีย/ขาดสารหล่อลื่น: ชุดเฟืองที่เชื่อมระหว่างพวงมาลัยกับล้อ หากสึกหรอหรือขาดการหล่อลื่น ก็จะทำให้การเลี้ยวหนัก
  • ลมยางอ่อนเกินไป: สาเหตุที่พบบ่อยและแก้ไขง่ายที่สุด ลมยางที่อ่อนจะทำให้ยางมีพื้นที่สัมผัสถนนมากขึ้น เกิดแรงเสียดทานสูงขึ้น ทำให้พวงมาลัยหนักตามไปด้วย
  • ยางสึกหรอผิดปกติ/ดอกยางหมด: ยางที่สึกหรอไม่เท่ากัน หรือดอกยางที่หมดสภาพ ก็ส่งผลต่อการควบคุมทิศทาง ทำให้รู้สึกว่าพวงมาลัยหนักได้เช่นกัน
  • การตั้งศูนย์ล้อไม่ถูกต้อง: แม้จะไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้หนักทันที แต่ก็อาจทำให้รถกินซ้าย/ขวา และคุณต้องออกแรงพยุงพวงมาลัยมากขึ้น

ลูกปืนเบ้าโช้คเสื่อม

พวงมาลัยหนักแก้ได้ไหม? และต้องทำอย่างไร?

เมื่อพบว่าพวงมาลัยหนัก ไม่ควรปล่อยปะละเลย เพราะทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของความปลอดภัย ดังนั้นควรหาที่มาของปัญหาและแก้ไขโดยเร็วที่สุด

1. ตรวจสอบเบื้องต้นด้วยตัวเองง่ายๆ ทำได้ทันที

  • เช็คลมยาง: นี่คือข้อแรกที่คุณควรทำ ตรวจสอบแรงดันลมยางทุกล้อ โดยเฉพาะล้อหน้า ให้แน่ใจว่าอยู่ในระดับที่ผู้ผลิตกำหนด หากอ่อน ให้เติมลมยางให้ถูกต้อง แค่นี้อาการก็อาจหายไปได้เลย
  • เช็คน้ำมันพาวเวอร์ (สำหรับรถระบบไฮดรอลิก): เปิดฝากระโปรงรถ มองหากระปุกน้ำมันพาวเวอร์ (มักมีสัญลักษณ์รูปพวงมาลัย) ตรวจสอบระดับน้ำมันให้อยู่ระหว่างขีด MIN และ MAX หากต่ำกว่าขีด ให้เติมเพิ่มด้วยน้ำมันพาวเวอร์ที่ตรงสเปกของรถ ถ้าเห็นน้ำมันคล้ำมาก ควรพิจารณาเปลี่ยนถ่าย

2. เมื่อปัญหาซับซ้อน: เข้าศูนย์บริการหรืออู่ที่เชี่ยวชาญทันที หากเช็คเบื้องต้นแล้วไม่พบสาเหตุ หรือแก้ไขแล้วอาการไม่หาย ต้องนำรถเข้าอู่ซ่อมที่เชื่อถือได้ทันที ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยและแก้ไข เพราะบางปัญหาต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทางและความรู้เฉพาะทาง เช่น

  • ปัญหาปั๊มพาวเวอร์/ท่อรั่ว/สายพาน: ช่างจะตรวจหารอยรั่ว ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนอะไหล่ที่เสียหาย
  • ปัญหาลูกหมาก/เฟืองพวงมาลัย: ช่างจะตรวจสอบการสึกหรอและเปลี่ยนอะไหล่ที่จำเป็น
  • ปัญหาระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS): ช่างจะใช้คอมพิวเตอร์ (Scanner) ตรวจสอบโค้ดข้อผิดพลาด เพื่อระบุว่ามอเตอร์ กล่องควบคุม หรือระบบไฟฟ้ามีปัญหาที่จุดใด การซ่อมระบบ EPS อาจซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าระบบไฮดรอลิก

เข้าศูนย์บริการหรืออู่ที่เชี่ยวชาญ

เมื่อมีอาการพวงมาลัยหนัก ห้ามทำสิ่งนี้!

  • อย่าขับต่อหากพวงมาลัยหนักมาก: หากหนักจนควบคุมรถได้ยากลำบาก อย่าพยายามขับต่อเด็ดขาด! เสี่ยงอุบัติเหตุสูงมาก ควรเรียกรถลาก หรือติดต่อช่างให้มาตรวจสอบ ณ จุดเกิดเหตุ
  • อย่าใช้ผลิตภัณฑ์เสริมที่ไม่ได้มาตรฐาน: หลีกเลี่ยงน้ำยาหรือสารเคมีที่อ้างว่าช่วยแก้ปัญหาพวงมาลัยหนัก เพราะอาจไม่ช่วยอะไร แถมยังทำให้เกิดความเสียหายกับระบบมากขึ้นได้

การดูแลรักษาระบบพวงมาลัยและช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอตามระยะทางที่กำหนด จะช่วยยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนต่างๆ และป้องกันไม่ให้เกิดอาการพวงมาลัยหนักได้ค่ะ อย่าลืมหมั่นสังเกตความผิดปกติของรถ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของตัวคุณเองและคนที่คุณรักด้วยนะคะ

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ