อีกหนึ่งคู่เทียบ ในงบ 1.4 ล้านบาท กับรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง คันนึงเป็นน้องใหม่ ส่วนอีกคันเป็นเจ้าตลาด
ในบทความนี้ เราได้หยิบยกรถยนต์สองรุ่นมาเปรียบเทียบกันเหมือนเช่นเคย โดยรุ่นแรกจากฝั่งของจีน GWM Tank 500 Diesel (รุ่นย่อย PRO) ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ กับอีกคันคือทางฝั่งของญี่ปุ่น Toyota Fortuner Leader (รุ่นย่อย G) ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่มีราคาจำหน่ายต่างกันแค่ 1 พันบาท
ราคาจำหน่าย
- GWM TANK 500 DIESEL 2.4 รุ่น PRO 2WD ราคา 1,399,000 บาท
- TOYOTA FORTUNER Leader 2.4 รุ่น G 2WD ราคา 1,400,000 บาท
มิติตัวถัง
Tank 500 Diesel (รุ่นย่อย PRO)
- กว้าง 1,934 มม.
- ยาว 4,886 มม.
- สูง 1,905 มม.
- ฐานล้อ 2,850 มม.
- ความสูงใต้ท้องรถ 224 มม.
Fortuner Leader (รุ่นย่อย G)
- กว้าง 1,855 มม.
- ยาว 4,795 มม.
- สูง 1,835 มม.
- ฐานล้อ 2,750 มม.
- ความสูงใต้ท้องรถ 193 มม.
ดีไซน์ ภายนอก ภายใน
Tank 500 Diesel (รุ่นย่อย PRO)
ดีไซน์ภายนอก Tank 500 Diesel รุ่นย่อย Pro แม้จะเป็นรุ่นย่อยเริ่มต้น แต่ก็ได้ออปชั่นที่เยอะพอสมควรตามสไตล์ของรถจากทางฝั่งจีน โดยมีจุดเด่นหลัก ๆ ดังนี้
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
- ฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่องยนต์
- ระบบปรับไฟสูง-ไฟต่ำอัตโนมัติ
- ระบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (DRL)
- ระบบไฟท้ายแบบ LED
- ระบบไฟตัดหมอกด้านหน้าและหลัง แบบ LED
- กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
- ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าและหลัง
- เสาอากาศแบบครีบฉลาม
- บันไดข้าง
สำหรับภายใน แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นแต่มาพร้อมการตกแต่งที่คุ้มค่ากับราคา เน้นการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่หรูหรา โดยมีจุดเด่นหลัก ๆ ดังนี้
- หน้าจอคู่ ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล TFT (TFT Digital Driving Display) ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้ว ในรุ่น 2.4T PRO รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน การเล่นเพลง แสดงผลแบบแยกหน้าจอได้ และรองรับ Apple CarPlay / Android
- ระบบชาร์จไร้สาย 50W พร้อมพอร์ต Type-A/C ด้านหน้า และ Type-A ด้านหลัง
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองอากาศ N95
- พื้นที่เก็บสัมภาระแบบยืดหยุ่น เบาะหลังพับได้แบบ 50:50 รองรับปริมาณสัมภาระสูงสุด 795 ลิตร
- แพดเดิลชิฟต์บนพวงมาลัย
Fortuner Leader (รุ่นย่อย G)
หน้าตาที่คุ้นเคย แม้โฉมนี้จะเปิดตัวมานาน แต่ดีไซน์แบบนี้ยังหล่อไปอีกยาว ออพชั่นที่ให้มานั้นถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน โดยมีจุดเด่นหลัก ๆ ดังนี้
- ไฟหน้า Projector Lens แบบ Bi-Beam LED
- ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
- ระบบไฟหน้า Follow-me-home
- ระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า แบบ LED
- ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding
- ไฟตัดหมอกด้านหลัง
- ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- ไฟเลี้ยว ด้านหน้า-ด้านหลัง LED
- กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ปรับและพับ ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
- บันไดข้าง
ภายในอาจไม่ทันสมัยเท่ากับ Tank 500 แต่ก็ให้ออพชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดี
- หน้าจอแสดงข้อมูล MID แบบสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว
- กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา แผ่นกรองอากาศ PM 2.5
- ช่องชาร์จไฟ 12V 2 ตำแหน่ง
- ช่องชาร์จไฟ AC 220V 1 ตำแหน่ง
- หน้าจอเครื่องเสียง ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบ Apple CarPlay / Android Auto
- ระบบ T-Connect Telematics
เครื่องยนต์
Tank 500 Diesel (รุ่นย่อย Pro)
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VCT) เกียร์อัตโนมัติ 9 สปิด (9AT) ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมัน 14 กม. / ลิตร (อ้างอิงจาก ECO Sticker) มีโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ECO ,NORMAL ,SPORT
Fortuner Leader (รุ่นย่อย G)
เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.4 ลิตร VN Turbo เกียร์อัตโนมัติ 6 สปิด (6AT) ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 2,000 รอบต่อนาที ประหยัดน้ำมัน 14.28 กม. / ลิตร (อ้างอิงจาก ECO Sticker) มีโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ECO ,NORMAL ,POWER
ระบบช่วงล่าง
Tank 500 Diesel (รุ่นย่อย Pro)
- ระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่
- ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์
Toyota Leader (รุ่นย่อย G)
- ระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่
- ระบบกันสะเทือนหลังแบบโฟร์ลิงค์
ระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือ
Tank 500 Diesel (รุ่นย่อย Pro)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินบนทางตรงและทางแยก
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง
- ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน และลงทางลาดชัน
- ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง
- ระบบช่วยเตือนสัญลักษณ์จราจร และการแจ้งเตือนการขับรถเร็วเกินกำหนด
- ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน
- ถุงลมนิรภัย 6 ใบ คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง
Fortuner Leader (รุ่นย่อย G)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ
- ระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนลมยาง
- เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ทุกตำแหน่ง
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
- ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชั้น
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
- ระบบควบคุมเฟืองท้าย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- โครงสร้างนิรภัย
- คานเหล็กนิรภัยด้านข้าง
- ถุงลมนิรภัย 7 ใบ คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง/ หัวเข่าด้านคนขับ
สรุปโดยรวม
ในเรื่องของการดีไซน์ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลยครับ เพราะสวยกันคนละแบบ Tank 500 Diesel เป็นรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในไทย มีดีไซน์แนวผู้ใหญ่วัยกลางคน แต่ภายในหรูหรา ในขณะที่ Fortuner โฉมนี้ แม้จะเปิดตัวมานานหลายปี แต่กระแสความนิยมไม่ได้ลดน้อยลงเลย เป็นเจ้าตลาดครองยอดขายยืนหนึ่งในรถกลุ่มนี้ และใช้ดีไซน์ที่เข้าได้กับทุกเพศทุกวัย
ในเรื่องของพละกำลัง หากดูจากสเปกเครื่องยนต์จะพบว่า Tank 500 Diesel ได้เปรียบมากกว่าเล็กน้อย แต่ผมว่าไม่ใช้สาระสำคัญสักเท่าไหร่ เพราะ Fortuner Leader แม้ตัวเลขแรงม้า แรงบิดจะน้อยกว่า แต่เป็นเครื่องยนต์ที่คุ้นมือช่าง เพียงแค่เอาไปจูนใหม่อีกนิด เพิ่มแรงม้าแรงบิดได้อีกเยอะ
ในส่วนของระบบส่งกำลัง Tank 500 Diesel ได้เกียร์แบบ 9 สปีด ทำให้จังหวะของการต่อเกียร์มีความสมูทไม่กระชาก หากใครชอบรถที่ต่อเกียร์เนียนๆ ผมว่า Tank 500 ตอบโจทย์กว่า แต่สำหรับ Fortuner จะได้เป็นเกียร์แบบ 6 สปีด การต่อเกียร์อาจไม่สมูทเท่า แต่ได้ความสนุกในการต่อเกียร์คล้ายกับเกียร์ MT ซึ่งถูกใจสายซิ่งมากกว่า เอาเป็นว่าทั้งสองรุ่นนี้มันมีข้อดีที่ต่างกัน อยู่ที่ว่าคุณชอบคาแรคเตอร์ของรถแบบไหนมากกว่า เท่านั้นเอง
ในเรื่องของออพชั่นต่างๆ Tank 500 Diesel (รุ่นย่อย Pro) ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น อาจไม่ได้ออพชั่นเยอะจนล้น แต่ก็ถือว่าได้ออพชั่นแบบครอบคลุมการใช้งานและคุ้มค่ากับราคา แต่ถ้าอยากได้ออพชั่นแบบจัดเต็มมากกว่านี้ก็ต้องข้ามสเต็ปไปรุ่นย่อย Ultra ซึ่งต้องเพิ่มเงินอีก 1 แสนบาท สำหรับ Fortuner Leader (รุ่นย่อย G) แม้ยังไม่ใช่รุ่นย่อยล่างสุด แต่ออพชั่นในภาพรวมยังน้อยกว่า Tank 500 Diesel Pro
อีกหนึ่งจุดที่ต้องพูดเลย คือเรื่องของการเก็บเสียงครับ ทั้งคู่ใช้เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเหมือนกัน แต่ Tank 500 Diesel เก็บเสียงของเครื่องยนต์ที่จะดังเข้าห้องโดยสารได้ดีมากๆ การเก็บเสียงนั้นเกือบเทียบเท่ากับรถยุโรปเลยทีเดียว ในขณะที่ Fortuner ยังคงได้ยินเสียงเครื่องยนต์เข้าห้องโดยสารชัดเจนกว่า
จุดขายของ Tank 500 Diesel นั่นคือการรับประกันเครื่องยนต์ดีเซล 1,000,000 กม. ซึ่งทาง GWM เค้ามั่นใจมาก ว่าเครื่องดีเซลของเค้าถึก อึด ทนไม่แพ้เจ้าตลาด และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเจ้าไหนที่กล้ารับประกันเครื่องยนต์ให้เท่านี้
ส่วนจุดขายของ Fortuner ก็คือเรื่องความถึก อึด ทน เช่นกันครับ แม้ว่า Fortuner จะรับประกันเครื่องยนต์ 150,000 กม. แต่เครื่องยนต์ดีเซลของโตโยต้าก็ผ่านบททดสอบจากผู้ใช้งานคนไทยแล้วว่าเป็นรถที่ทนมือ ทนเท้า และที่สำคัญก็คือเป็นรถที่ราคาแข็งมาก ขายต่อมือสองราคาไม่ตก เป็นที่ต้องการในตลาดรถมือสอง
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
LINE
ความคิดเห็น