เรียนรู้วิธีควบคุมรถที่ถูกต้องเมื่อเกิดสถานการณ์ยางแตก หรือยางระเบิด รวมถึงข้อห้ามที่ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด
คุมสติให้มั่น! เมื่อยางรถยนต์แตก
หนึ่งในเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวที่สุดบนท้องถนนก็คือ ยางแตก หรือ ยางระเบิด ขณะที่คุณขับมาด้วยความเร็วสูง เสียงที่ดังสนั่นและการสูญเสียการควบคุมรถอย่างกะทันหันอาจทำให้หลายคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้หากคุณตอบสนองผิดพลาด วันนี้เลดี้จะพามาเรียนรู้วิธีควบคุมรถที่ถูกต้อง และการสร้างโอกาสในการนำรถเข้าจอดข้างทางได้อย่างปลอดภัย เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้กันค่ะ
อาการเตือนก่อนยางจะแตก
ให้คุณจับสังเกตอาการเตือนล่วงหน้า ก่อนที่ ยางจะระเบิด ออกมาจริงๆ อาจมีอาการพวงมาลัยสั่นผิดปกติโดยเฉพาะเมื่อขับด้วยความเร็วสูง และรถเริ่มบังคับยาก หน่วงๆ อืดๆ หรือต้องคอยขืนพวงมาลัยเพื่อรักษาทิศทาง และเมื่อยางแตกหรือระเบิดออกอย่างสมบูรณ์ สิ่งที่คุณจะเจอในทันทีคือ เสียงดังสนั่นออกมาจากล้อด้านที่แตก ตามมาด้วยการเสียการทรงตัวในทันที รถจะถูกดึง หรือ ปัดไปทางด้านที่ยางแตกอย่างรุนแรง
ยางหน้าแตก VS ยางหลังแตก อันไหนอันตรายกว่ากัน?
ถ้า ยางหน้าแตก อันตรายที่สุด เนื่องจากเป็นล้อที่ใช้บังคับทิศทาง พวงมาลัยจะถูกกระชากอย่างรุนแรงและตัวรถจะหันไปทางด้านที่ยางแตกทันที ทำให้ควบคุมได้ยากมาก ส่วนยางหลังอาการจะไม่รุนแรงเท่าล้อหน้า แต่จะรู้สึกว่าท้ายรถมีอาการส่ายหรือปัดไปมา แต่ยังพอสามารถควบคุมทิศทางจากพวงมาลัยได้ดีกว่า
ข้อห้ามเมื่อรถยางแตกหรือยางระเบิด
เมื่อยางแตก สติคือสิ่งที่สำคัญที่สุด และปฏิกิริยาตอบสนองที่ถูกต้องมักจะสวนทางกับสัญชาตญาณของเราโดยสิ้นเชิง ให้ท่องจำกฎเหล็กเหล่านี้ไว้ให้ขึ้นใจ
-
ห้ามกระทืบเบรกกะทันหัน นี่คือสิ่งที่อันตรายที่สุด เพราะการเบรกอย่างรุนแรงจะทำให้น้ำหนักถ่ายไปข้างหน้าและยิ่งทำให้รถเสียหลัก หมุน หรือพลิกคว่ำได้
-
ห้ามหักพวงมาลัยอย่างรุนแรง เพราะการพยายามหักพวงมาลัยสวนทางกับแรงดึงในทันที จะทำให้รถเสียการควบคุมยิ่งขึ้น
-
ห้ามดึงเบรกมือ การดึงเบรกมือจะทำให้ล้อล็อคและรถหมุนทันที
-
ห้ามเหยียบคลัตช์ หากรถยนต์ของคุณเป็นเกียร์กระปุก ห้ามเหยียบคลัตช์เพราะจะทำให้รถสูญเสียแรงบิดจากเครื่องยนต์ที่ช่วยในการชะลอความเร็ว และทำให้รถลอยตัวไม่เกาะถนน
ข้อควรปฏิบัติเมื่อรถยางแตก
- ตั้งสติและจับพวงมาลัยให้แน่น พยายามฝืนแรงดึงและประคองรถให้วิ่งตรงไปข้างหน้าให้ได้มากที่สุด
- ค่อยๆ ถอนคันเร่ง เพื่อให้รถค่อยๆ ลดความเร็วลงเองด้วยแรงต้านของเครื่องยนต์และอากาศ อย่าถอนคันเร่งแบบกระชาก
- ปล่อยให้รถชะลอความเร็วเอง พยายามประคองพวงมาลัยไปเรื่อยๆ และปล่อยให้รถลดความเร็วจนอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ (ต่ำกว่า 40-50 กม./ชม.)
- ค่อยๆ แตะเบรกอย่างแผ่วเบา แตะเป็นระยะๆ อย่างนุ่มนวลเพื่อชะลอรถให้หยุด
- มองหาที่ปลอดภัย ให้สัญญาณคันข้างๆ และข้างหลังโดยเปิดไฟเลี้ยวและค่อยๆ นำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัยริมทาง เช่น ไหล่ทาง
- เปิดไฟฉุกเฉิน เมื่อจอดรถสนิทแล้ว เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้รถคันอื่นทราบ หรือหาอะไรมาตั้งไว้บริเวณท้ายรถ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
การรับมือกับสถานการณ์ ยางแตก คือบททดสอบของสติและทักษะการขับขี่ การจดจำขั้นตอนเหล่านี้ไว้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากความตื่นตระหนก กลับมาควบคุมสถานการณ์หลังพวงมาลัยได้ และแน่นอนว่าคุณจะสามารถนำพารถของคุณรวมถึงตัวคุณเองให้ปลอดภัยได้ค่ะ
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น