เช่าซื้อ กรรมสิทธิ์อยู่ที่ใคร? ต่างจากการ เช่า และ ซื้อ ยังไง Share this
Lifestyle
โหมดการอ่าน

เช่าซื้อ กรรมสิทธิ์อยู่ที่ใคร? ต่างจากการ เช่า และ ซื้อ ยังไง

Sunuttinee Phumbanyen
โดย Sunuttinee Phumbanyen
โพสต์เมื่อ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คู่มือการเป็นเจ้าของรถอย่างถูกต้องตามกฏหมาย เข้าใจศัพท์ทางการเงิน เช่าซื้อ-ซื้อ-เช่า ให้เคลียร์ก่อนจะเซ็นสัญญา


อย่าสับสน! เช่าซื้อ-ซื้อ-เช่า เคลียร์ให้ชัดก่อนเซ็นสัญญา 

เวลาจะออกรถใหม่สักคัน เซลส์มักจะโยนคำศัพท์ทางการเงินใส่เราเต็มไปหมด อย่างเช่น การเช่าซื้อ, การเช่า และการซื้อ ซึ่งเป็นคำที่เกี่ยวกับการเงินและการครอบครองทรัพย์สินที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ และทั้ง 3 คำนี้มีความหมายและผลทางกฎหมายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง วันนี้เลดี้จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจทั้ง 3 รูปแบบ ก่อนไปเซ็นสัญญาค่ะ

ซื้อรถเงินสด

การซื้อ จบในหมัดเดียว เป็นเจ้าของ 100%

วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือการ กำเงินก้อนไปจ่ายเพื่อแลกกับรถ กรรมสิทธิ์จะถูกโอนมาเป็นชื่อคุณ 100% ตั้งแต่วินาทีที่ "การซื้อ" และขายเสร็จสมบูรณ์ ไม่ว่าคุณจะจ่ายด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ตาม คุณจะมีสิทธิ์เต็มที่ในการนำรถไปทำอะไรต่อก็ได้

ตัวอย่าง :  คุณมีเงินก้อน 300,000 บาท ไปซื้อรถมือสองที่เต้นท์ จ่ายเงินครบ รับรถกลับบ้านได้เลย ซึ่งในทางกฎหมายคุณคือเจ้าของรถคันนั้น 100% ทันที

เหมาะกับใคร? : คนที่มีเงินสดพร้อม หรือคนที่ขอสินเชื่อส่วนบุคคลมาซื้อ เพื่อต้องการเป็นเจ้าของแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

การเช่ารถขับ

การเช่า ขับเท่ๆ ชั่วคราว ไม่ผูกมัด

คือการที่คุณจ่ายเงินเป็นงวดๆ ทั้งแบบรายวัน หรือรายเดือน เพื่อขอสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์นั้นชั่วคราวตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ เสมือนการสมัครสมาชิกเพื่อใช้งานนั้นแหละ คุณจะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จนกว่าจะครบกำหนดสัญญา เมื่อครบสัญญาคุณต้องส่งคืนทรัพย์สินในสภาพที่ตกลงกันไว้ ดังนั้นเงินที่จ่ายไปทั้งหมดคือ "ค่าเช่า" เท่านั้น ไม่ได้เป็นเจ้าของ ข้อดีก็คือคุณไม่ต้องมานั่งปวดหัวเรื่องราคาขายต่อที่ลดลงแบบฮวบฮาบ

ตัวอย่าง : คุณไปเช่ารถยนต์เพื่อขับเที่ยวเชียงใหม่ 3 วัน คุณจ่ายค่าเช่ารายวัน เมื่อใช้เสร็จก็นำรถไปคืน คุณไม่ได้เป็นเจ้าของรถคันนั้น

เหมาะกับใคร? : คนที่อยากเปลี่ยนรถบ่อยๆ, คนที่ใช้งานรถแค่ช่วงสั้นๆ, หรือบริษัทที่ต้องการรถสำหรับผู้บริหารโดยไม่ต้องแบกรับภาระการเป็นเจ้าของ

การเช่าซื้อ ผ่อนไปใช้ไป ครบเมื่อไหร่ค่อยเป็นเจ้าของ

การเช่าซื้อ ผ่อนไปใช้ไป ครบเมื่อไหร่ค่อยเป็นเจ้าของ

วิธีที่คนไทยคุ้นเคยที่สุด คือการ "เช่าซื้อ" อธิบายง่ายๆ ก็คือเช่าเพื่อที่จะซื้อในตอนท้าย เป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถเป็นเจ้าของรถได้โดยไม่ต้องมีเงินก้อนใหญ่ โดยในระหว่างที่คุณกำลังผ่อน รถจะยังไม่ใช่ของคุณ 100% กรรมสิทธิ์ยังคงเป็นของบริษัทไฟแนนซ์อยู่ สถานะของคุณคือผู้เช่าซื้อ ที่มีสิทธิ์ใช้งานรถเท่านั้น กรรมสิทธิ์จะถูกโอนมาเป็นของคุณก็ต่อเมื่อคุณจ่ายค่างวดเดือนสุดท้ายครบถ้วนตามสัญญาแล้วเท่านั้น

ตัวอย่าง : คุณต้องการซื้อรถยนต์ราคา 800,000 บาท แต่ไม่มีเงินก้อน คุณจึงวางเงินดาวน์ 100,000 บาท และทำสัญญา "เช่าซื้อ" กับบริษัทไฟแนนซ์เพื่อผ่อนส่วนที่เหลือ 700,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี คุณสามารถนำรถไปขับได้ทันที แต่ชื่อเจ้าของรถในเล่มทะเบียนยังเป็นของไฟแนนซ์อยู่ จนกว่าคุณจะผ่อนครบ 60 งวด ชื่อจึงจะถูกโอนมาเป็นของคุณ

เหมาะกับใคร? : คนที่อยากเป็นเจ้าของรถ แต่ต้องการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ข้อดีคือไม่ต้องกำเงินก้อนไปจ่าย แต่ข้อเสียคือคุณต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับบริษัทไฟแนนซ์ด้วย

เช่าซื้อ กรรมสิทธิ์อยู่ที่ใคร? ต่างจากการ เช่า และ ซื้อ ยังไง

สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ถ้าอยากเป็นเจ้าของเลย และมีเงินก้อน แนะนำ "ซื้อค่ะ" อยากใช้ชั่วคราว ชอบเปลี่ยนคันเรื่อยๆ ไม่อยากผูกมัด แนะนำ "เช่าค่ะ" ส่วนใครที่อยากเป็นเจ้าของแต่ไม่มีเงินก้อน แนะนำ "เช่าซื้อค่ะ" และที่สำคัญที่สุดก็คืออ่านสัญญาก่อนเซ็นเสมอ จะได้เข้าใจสิทธิ์และหน้าที่ของตัวเอง เป็นเจ้าของรถอย่างถูกต้องตามกฏหมายค่ะ

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ