หลายๆ คนล้วนแต่มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่ต้องแบตใหญ่ วิ่งได้ไกล และชาร์จได้เร็ว แต่อีกเหตุผลทำให้รถวิ่งได้ไกลนั่นคือรถที่ประหยัดไฟฟ้า ซึ่งเรื่องสำคัญมากๆ ต่อระยะทางขับคือ "ยาง"
ยางรถยนต์ไฟฟ้า ต้องเป็นแบบไหน
ยาง เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับรถทุกชนิด เพราะเป็นชิ้นส่วนเดียวของรถที่สัมผัสกับพื้นถนน โดยยางสำหรับใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้า ควรเป็นยางที่มีคุณสมบัติการยึดเกาะถนนที่ดี เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีแรงบิดที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับรถสันดาป เนื่องจากสามารถสร้างแรงบิดได้สูงมากทันทีแม้รถกำลังจะออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ทำให้จำเป็นต้องใช้ยางที่มีคุณสมบัติการยึดเกาะที่ดี
ส่วนถ้าคุณต้องการให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ไกลมากยิ่งขึ้น ประหยัดไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญต่อระยะทางขับขี่นั่นคือค่า "แรงต้านการหมุนของยาง" หรือ Rolling Resistance นั่นเอง แล้วมันคืออะไรล่ะ?
Rolling Resistance คืออะไร
Rolling Resistance หรือที่ภาษาไทยเรียกว่า “ความต้านทานการหมุนของยาง” คือแรงต้านที่เกิดขึ้นเมื่อยางรถยนต์สัมผัสและกลิ้งไปบนพื้นถนน ทุกครั้งที่ยางหมุน มันจะเกิดการบิดงอ เสียดสี และสูญเสียพลังงานออกมาในรูปของความร้อน พลังงานที่สูญเสียไปนี้เองคือสาเหตุให้รถต้องใช้พลังงานมากขึ้น
ความสำคัญของ Rolling Resistance
-
สิ้นเปลืองพลังงานน้อยลง
หากยางมีค่า Rolling Resistance ต่ำ รถยนต์จะใช้พลังงานในการขับเคลื่อนน้อยลง ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงในรถน้ำมัน และเพิ่มระยะทางวิ่งต่อการชาร์จในรถยนต์ไฟฟ้า -
ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว
รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ยางที่มี Rolling Resistance ต่ำ จะช่วยให้คุณชาร์จน้อยครั้งลง และลดค่าไฟฟ้าลงได้จริง -
ช่วยลดการปล่อยคาร์บอน
การใช้พลังงานน้อยลง หมายถึงการช่วยลดมลพิษและก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับการใช้ EV เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
Rolling Resistance เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างไร
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มี ข้อจำกัดด้านระยะทางต่อการชาร์จ ดังนั้น Rolling Resistance จึงมีบทบาทสำคัญมาก ยางที่มีค่าความต้านทานการหมุนต่ำ สามารถเพิ่มระยะทางวิ่งได้ตั้งแต่ 5–10% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่แตกต่างชัดเจนต่อผู้ใช้ EV
การวัดและการจัดเกรดยาง
ปัจจุบัน ยางรถยนต์มักใช้การจัดเกรดตาม EU Tyre Label โดยแบ่งระดับ A ถึง E
-
เกรด A: Rolling Resistance ต่ำที่สุด → ประหยัดพลังงานมากที่สุด
-
เกรด B–C: อยู่ในระดับมาตรฐาน เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป
-
เกรด D–E: Rolling Resistance สูงกว่า → สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น
วิธีเลือกยางที่มี Rolling Resistance เหมาะสม
-
ตรวจสอบ EU Label ก่อนซื้อยางทุกครั้ง
-
เลือกให้ตรงกับการใช้งาน หากคุณใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก ควรเน้นยางที่ Rolling Resistance ต่ำที่สุดที่หาได้
-
คำนึงถึงสมดุล เพราะนอกจากประหยัดพลังงานแล้ว คุณยังต้องพิจารณาเรื่องการยึดเกาะ ความนุ่มนวล และอายุการใช้งานของยางด้วย
Rolling Resistance สำคัญขนาดไหน?
Rolling Resistance คือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อ ประสิทธิภาพพลังงานและระยะทางการวิ่งของรถยนต์ไฟฟ้า การเลือกยางที่มีค่าความต้านทานการหมุนต่ำ ไม่เพียงช่วยให้รถ EV วิ่งได้ไกลขึ้น แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น