ทดลองขับ Chery Tiggo Series แบบ Long Test Drive ด้วยระยะทาง 1,400 กิโลเมตร เดินทางกัน 3 วันเต็มๆ ที่ประเทศจีนค่ะ
พิสูจน์ความอึด! ขับ Tiggo Series 1,400 โล แบบ 3 วันเต็มๆ ณ ประเทศจีน
กลับมาเจอกันอีกครั้งนะคะ สำหรับ Episode นี้เลดี้ยังคงเป็น พส จีนอยู่ ยังไม่ไปไหนไกลค่ะ วันนี้เราอยู่กับ Chery Tiggo Series ในกิจกรรมรูปแบบ Long Test Drive ขับยาวๆ กันไปเลยในระยะทางกว่า 1,400 กิโลเมตร แบบ 3 วัน 2 คืน โดยเริ่มต้นขับจากเมือง Taiyuan - Wuhu ด้วยรถยนต์ Tiggo 7, Tiggo 8 และ Tiggo 9 ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นอย่างไร... สนุกสนานแค่ไหน ไปรับชมกันค่ะ
Day 1 : จากเมือง Taiyuan สู่ Luoyang ระยะทาง 478 กิโลเมตร
การเดินทางในวันแรก เลดี้ได้ขับตัว Chery Tiggo 8 ที่เลือกขับคันนี้เพราะเป็นคันที่เปิดตัวในไทยไปเมื่อไม่นานนี้ แต่ยังไม่เผยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เลยถือโอกาสทดสอบเพื่อเอามาฝากเพื่อนๆ ทุกคนกันค่ะ หลักๆ สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ เราได้ทำการแปะสติ๊กเกอร์เพื่อทำ Range Challence ว่าสามารถขับได้ไกลถึง 1,400 กิโลเมตร หรือไม่ และเลดี้เลยถือโอกาสทดสอบอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยด้วยเลยค่ะ
ก่อนอื่นมารีแคปสเปคตัวรถ Chery Tiggo 8 กันซักเล็กน้อย สำหรับที่ขายในไทยกับที่จีนจะไม่แตกต่างกันมากนัก อาทิ ล้อขนาด 18 นิ้ว, เบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง รวมถึงระบบฟังก์ชันเล็กๆ น้อยๆ ส่วนในไทยจะเป็นล้อขนาด 19 นิ้ว และเบาะโดยสารของเราจะเป็นแบบ 7 ที่นั่ง มาพร้อมรูปแบบขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ที่ใช่เทคโนโลยี CSH System หรือที่เรียกว่า ระบบ Chery Super Hybrid ซึ่งมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ก็คือในรุ่น Esteem ขับ 2 และ Elite ขับ 4
- Chery Tiggo 8 Esteem 2WD
- ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
- มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 1 ตัว ปั่นไฟ 1 ตัว
- แบตเตอรี่ขนาด 18.4 kWh.
- แรงม้ารวม 347 แรงม้า
- แรงบิดรวม 525 นิวตันเมตร
- ระยะทางขับเคลื่อนทั้งระบบ 1,200 กิโลเมตร
- 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 8.5 วินาที
- Chery Tiggo 8 Elite 4WD
- ขับเคลื่อน 4 ล้อ
- มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 2 ตัว ปั่นไฟ 1 ตัว
- แบตเตอรี่ขนาด 19.27 kWh.
- แรงม้ารวม 501 แรงม้า
- แรงบิดรวม 735 นิวตันเมตร
- ระยะทางขับเคลื่อนทั้งระบบ 1,200 กิโลเมตร
- 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 6.8 วินาที
หากเห็นสเปคแล้ว เลดี้เชื่อว่าหลายคนน่าจะอุทานเหมือนเลดี้ว่า "แรงไปไหนก่อน" เพราะจากที่เค้าเคลมไว้ว่าเป็นรถ SUV สำหรับครอบครัว ที่มีมิติตัวถังยาว 4,725 มม. กว้าง 1860 มม. สูง 1705 มม. ใหญ่กว่า Honda CR-V เล็กน้อย แต่ยังไม่ใหญ่เท่า Hyundai Santa-fe นะ
จากการทดสอบขับ Chery Tiggo 8 Esteem 2WD บน Highway รู้สึกได้ว่าช่วงล่างเค้าค่อนข้างดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย มีตึงตังบ้างเล็กน้อยตามสภาพถนน แต่ก็ต้องยอมรับว่าถนนประเทศจีนเค้าดีจริงๆ หากเทียบกับบ้านเรา แต่มีสิ่งที่เลดี้ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ก็คือในส่วนของพวงมาลัยที่ค่อยข้างไว หักนิดนึงนี่รถเป๋ไปแล้ว ตอนแรกลองเปลี่ยนโหมดการขับขี่ดูเพราะคิดว่าเป็นโหมด ECO หรือเปล่า แต่ก็ไม่เพราะว่าพอเปลี่ยนมาใช้โหมด Sport แล้วก็ยังรู้สึกว่าไวอยู่เหมือนเดิม ส่วนสิ่งที่ชอบที่สุดก็คืออัตราเร่ง แรงแม้กระทั่งในโหมด ECO เรียกว่าถ้ามาใช้งานในไทย โดยเน้นไปที่การขับขี่ในเมือง บอกเลยว่าพละกำลังเหลือเฟือ ความคิดเห็นส่วนตัวนะเลดี้คิดว่าแค่ตัวขับ 2 ก็โอเคแล้ว
จากการขับในวันแรกด้วยระยะทาง 478 กิโลเมตร จากเดิมที่ระยะทางคงเหลือก่อนออกเดินทาง 1,020 กิโลเมตร เพราะมีการใช้งานไปแล้วบ้าง ตอนนี้เหลืออยู่ที่ 566 กิโลเมตร ที่สามารถไปต่อได้ โดยเลดี้ทำอัตราสิ้นเปลืองพลังงานได้ที่ 23.25 กิโลเมตร/ลิตร โดยใช้ความเร็วคงที่ประมาณ 100-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง และจังหวะเร่งแซงอยู่ที่ 140-150 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับความจุถังน้ำมันคันนี้อยู่ที่ 60 ลิตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่โดยวิ่งได้ 95 กิโลเมตร/ชาร์จ นั่นหมายความว่า หากคุณเติมเต็มทั้ง 2 ระบบ จะสามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,395 กิโลเมตร เกินกว่าที่เค้าเคลมไว้เลยค่ะ
Day 2 : จาก Luoyang สู่ Shangqiu ระยะทาง 525 กิโลเมตร
สำหรับวันนี้ เลดี้ได้ขับตัว Chery Tiggo 9 4WD เป็นตัวท็อปสุดของเค้า คันนี้เพิ่งเปิดตัวในประเทศจีนไปไม่นาน และมีแผนจะวางจำหน่ายที่ประเทศไทยในช่วงปลายปีหน้า โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ และใช้เทคโนโลยี CSH System เช่นเดียวกัน ทำงานควบคู่กับมอเตอร์คู่แบบ Kunpeng Super Intelligent Hybrid (PHEV) พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 19.43 kWh ผลิตพละกำลังสูงสุด 619 แรงม้า แรงบิด 920 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสูงสุด 1,200 กิโลเมตร เมื่อคุณเติมไฟและเชื้อเพลิงเต็มทั้ง 2 ระบบ
Tiggo 9 เป็นตัว Premium สุด หรือว่ารุ่นเรือธงของแบรนด์ ความหรูหราของการออกแบบตัวถังที่สังเกตุได้คือ กระจังหน้ามีความโดดเด่นกว่าในรุ่น Tiggo 8 มาในรูปทรงเพชรแนวตั้ง ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น ล้อมีขนาด 20 นิ้ว ตัวถังมีขนาดใหญ่กว่า มีความยาวถึง 4,820 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,820 มม. ทำให้เป็น SUV 7 ที่นั่ง ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูล Chery ณ ขณะนี้
ในส่วนของภายในหลักๆ จะเพิ่มฟังก์ชันที่ช่วยให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เบาะปรับอุณหภูมิร้อน-เย็น เบาะนวด ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 แถมยังมอบความ Luxury เพิ่มขึ้นไปอีก โดยสามารถปรับตำแหน่งพนักพิงให้เอนลงได้เพื่อให้นั่งสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังให้ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS เพิ่มขึ้นมาจากในรุ่น Tiggo 8 อีกเล็กน้อย
จากที่เลดี้ได้ขับทดสอบ ต้องบอกเลยว่าคันนี้เลดี้ชอบมากกว่าในรุ่น Tiggo 8 มากๆ อันดับแรกเลยคือในเรื่องของพวงมาลัยของ Tiggo 9 ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่เบามาก ขับได้มั่นใจมากกว่า ไม่ต้องพูดถึงในเรื่องของอัตราเร่ง ขับโหมด ECO เหมือนกับใช้โหมด Normal ในรถ Tiggo 8 เลยก็ว่าได้ ที่สำคัญคือก่อนหน้านี้เราเดินทางกัน 4 คน พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ๆ มากมาย ตอนใส่ใน Tiggo 8 แทบจะใส่ไม่พอ แต่พอย้ายมา Tiggo 9 ต้องใช้คำว่าเหลือเฟือ แถมยังนั่งสบายกว่าด้วย
แต่สิ่งที่ต้องแลกมากับความสะดวกสบายเหล่านี้คือ Range ที่สั้นลงกว่าในรุ่น Tiggo 8 และยิ่งเป็นตัวขับ 4 ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง สำหรับระยะทางที่เรา Challence กันว่าสามารถขับได้ไกลถึง 1,400 กิโลเมตร หรือไม่? เลดี้ตอบให้เลยว่าไม่ถึงค่ะ แต่ยังแตะที่ตัวเลขที่เคลมไว้ได้คือ 1,200 กิโลเมตร
Day 3 : จาก Shangqiu สู่ Wuhu ระยะทาง 425 กิโลเมตร
มาถึงวันที่ 3 กันแล้วค่ะ สำหรับวันนี้ จริงๆ เราจะต้องได้ขับตัว Tiggo 7 แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ ฝนตกตลอดทาง เราเลยไม่ได้มีโอกาสสลับรถ รวมถึงทาง Instructor ไม่แนะนำให้ขับเอง เพราะเส้นทางของวันนี้มีการขับขึ้นเขาหากไม่ชำนาญทาง ประกอบกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างแย่ และต้องคำนึงถึงความเป็นปลอดภัยเป็นสำคัญ ดังนั้นเราเลยรับบทผู้โดยสารตลอดการเดินทางของวันนี้ค่ะ อย่างไรก็ตามเรามาทำความรู้จักกับน้องเล็กสุดอย่าง Tiggo 7 กันนิดหน่อยดีกว่า
Tiggo 7 เป็นหนึ่งใน Products ที่ยังไม่มีแผนจะเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยเหตุผลหลายประการ แต่หากสังเกตุจากสิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับในรุ่นนี้ก็คือ ดีไซน์ภายนอกของเค้ามีความล้ำสมัยมากที่สุด กระจังหน้า Diamond Grille สไตล์รถยนต์ไฟฟ้า มิติตัวถังยาว 4,553 มิลลิเมตร กว้าง 1,862 มิลลิเมตร สูง 1,696 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,670 มิลลิเมตร พิกัดเดียวกันกับ Honda CR-V และ Mazda CX-5
มาพร้อมขุมพลังเบนซินปลั๊กอินไฮบริด 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT และอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัย อาทิ Adaptive Cruise Control, ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบเตือนมุมอับสายตา และกล้อง 540 องศา มาพร้อมฟังก์ชันแสดงภาพใต้ท้องรถอีกด้วย
เดินทางมาจนครบระยะทางรวม 1,428 กิโลเมตร จากการขับทดสอบ 3 วันเต็มๆ สำหรับผลการทดสอบ Range Challence 1 ถัง 1,400 กิโลเมตร มีเพียงรุ่นเดียวที่สามารถทำได้ นั่นก็คือ Tiggo 8 2WD ส่วนในรุ่นอื่นๆ ทำตัวเลขได้ใกล้เคียงกัน ประมาณ 1,200 กิโลเมตร ค่ะ จากการทดสอบสมรรถนะ Tiggo Series เลดี้สรุปให้คร่าวๆ ว่า หากใครที่เป็นสายประหยัด เน้นขับระยะทางไกลๆ ให้เลือก Tiggo 8 ค่ะ ส่วนใครที่เป็นสายขับรถเอง เน้นแรงแต่ก็ยังชอบความสะดวกสบาย ให้เลือก Tiggo 9 ค่ะ ส่วน Tiggo 7 ไว้โอกาสหน้าได้ลองขับ เลดี้จะมาเล่าให้ฟังว่าสมรรถนะเป็นยังไงนะคะ
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
LINE
ความคิดเห็น