โดนรถชนต้องรู้ จะเรียกค่าเสียหายทางจิตใจ เจ็บแบบนี้ควรได้กี่บาท?

โดนรถชนเจ็บตัว เรียกค่าทำขวัญได้เท่าไหร่ถึงจะไม่เสียเปรียบ? วันนี้เลดี้พามาเปิดกฎหมาย และวิธีประเมินราคาความเจ็บปวดที่ควรรู้ค่ะ

โดนรถชน เรียกค่าทำขวัญได้เท่าไหร่? เปิดกฎหมายและวิธีคำนวณที่คุณต้องรู้

เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน นอกจากความเจ็บกายและความเสียหายของรถแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผู้เสียหายมักนึกถึงคือ ค่าทำขวัญ แต่ในความเป็นจริงทางกฎหมาย คำว่าค่าทำขวัญนั้นไม่มีบัญญัติไว้โดยตรง และไม่มีตารางราคาตายตัวว่าแขนหักได้กี่บาท ขาหักได้กี่บาท วันนี้เลดี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่าในทางกฎหมายเราเรียกสิ่งนี้ว่าอะไร ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ และจะเรียกได้เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสมและไม่ถูกเอาเปรียบ

ค่าทำขวัญ ในทางกฎหมาย คืออะไร?

ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ไม่ได้มีคำว่า "ค่าทำขวัญ" บัญญัติไว้ แต่สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดคือ ค่าเสียหายอันมิใช่ตัวเงิน (ตามมาตรา 446) หรือ ค่าเสียหายต่ออนามัยและจิตใจ ซึ่งจะครอบคลุมไปถึง

• ความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
• ความตกใจ ตื่นตระหนก เสียขวัญ
• การสูญเสียอวัยวะ หรือเสียโฉมติดตัว
• ความทนทุกข์ทรมานที่ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ดังนั้นเวลาเจรจาหรือฟ้องร้อง เราไม่ได้ขอเงินเพราะขวัญเสียเฉยๆ แต่เรากำลังเรียกร้องค่าชดเชยจากความทุกข์ทรมานที่เราได้รับค่ะ

เรียกค่าทำขวัญได้เท่าไหร่? มีเกณฑ์คำนวณอย่างไร?

เนื่องจากกฎหมายไม่ได้กำหนดตัวเลขตายตัว ตัวเลขจึงขึ้นอยู่กับ การเจรจา หรือ ดุลพินิจของศาล โดยพิจารณาจากปัจจัยหลักๆ ดังนี้:

• ความรุนแรงของการบาดเจ็บ
  • เจ็บเล็กน้อย เช่น แผลถลอก ฟกช้ำ: ค่าทำขวัญมักจะไม่สูงมาก อาจหลักพันถึงหมื่นต้นๆ เน้นไปที่ค่ารักษาพยาบาลจริง
  • เจ็บปานกลาง เช่น นอนโรงพยาบาล ผ่าตัด: เรียกได้สูงขึ้น เพราะมีความเจ็บปวด ต้องพักฟื้น
  • เจ็บสาหัส / ทุพพลภาพ / เสียโฉม: กรณีนี้เรียกได้สูงมาก ประมาณหลักแสนถึงล้าน เพราะส่งผลกระทบระยะยาวต่อการใช้ชีวิต
• ระยะเวลาการรักษาตัว ยิ่งรักษาตัวนาน ยิ่งเจ็บปวดนาน ค่าชดเชยส่วนนี้ควรจะสูงขึ้นตามลำดับ แพทย์ระบุให้พักกี่วัน มีผลต่อการคำนวณมาก
• ผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ แม้จะไม่ใช่ค่าขาดรายได้โดยตรง แต่ถ้าความเจ็บปวดนั้นทำให้คุณไม่สามารถกลับไปทำงานเดิมได้ หรือเสียโอกาสก้าวหน้า ศาลอาจนำมาพิจารณาเพิ่มค่าเสียหายส่วนนี้ให้

ตัวเลขประเมินคร่าว จากสถิติการไกล่เกลี่ย

ต้องบอกก่อนนะคะว่าตัวเลขดังต่อไปนี้ เป็นเพียงตัวเลขประมาณการจากสถิติการไกล่เกลี่ยเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ข้อกฎหมาย 

• บาดเจ็บเล็กน้อย (รักษาตัวไม่เกิน 7 วัน) ประมาณ 5,000 - 20,000 บาท
• บาดเจ็บปานกลาง (นอน รพ. / กระดูกแตกหัก) ประมาณ 30,000 - 100,000 บาท ขึ้นไป
• บาดเจ็บสาหัส / สูญเสียอวัยวะ ประมาณ 100,000 - 500,000 บาท หรือมากกว่านั้น (ขึ้นอยู่กับว่าเป็นอวัยวะสำคัญแค่ไหน)

สิ่งที่คุณเรียกร้องได้นอกจากค่าทำขวัญ

อย่าลืมว่าเมื่อโดนชน คุณมีสิทธิ์เรียกค่าเสียหายส่วนอื่นๆ ที่เป็นตัวเงินได้ชัดเจนด้วย ตามมาตรา 443, 444, 445 อาทิ ค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามจริง (ทั้งปัจจุบันและในอนาคตถ้าต้องรักษาต่อเนื่อง), ค่าขาดรายได้ ซึ่งสามารถคำนวณจาก รายได้ต่อวัน x จำนวนวันที่แพทย์ให้หยุดพัก, ค่าเสียหายของทรัพย์สิน เช่น ค่าซ่อมรถ โทรศัพท์ เสื้อผ้า และค่าขาดไร้อุปการะ ในกรณีที่เสียชีวิตและผู้ตายเป็นหัวหน้าครอบครัว ผู้ที่อยู่ข้างหลังสามารถเรียกค่านี้ได้ โดยมีขั้นตอนการเรียกค่าเสียหาย ดังนี้

1. เก็บหลักฐาน ใบรับรองแพทย์ (ระบุวันพักฟื้นชัดเจน), ใบเสร็จค่ารักษา, รูปถ่ายบาดแผล, สลิปเงินเดือน (เพื่อยืนยันรายได้)
2. ใช้สิทธิ์ พ.ร.บ. ก่อน เบื้องต้น พ.ร.บ. จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุด 80,000 บาท (ถ้าเป็นฝ่ายถูก)
3. เจรจาที่สถานีตำรวจ ตำรวจจะนัดคู่กรณีและประกันของคู่กรณีมาเจรจา ให้คุณนำตัวเลขที่คำนวณไว้ไปเสนอ
4. กรณีถ้าตกลงไม่ได้ ต้องฟ้องศาลแพ่ง ซึ่งศาลจะพิจารณาตามพยานหลักฐานและความเหมาะสม

ค่าทำขวัญ ไม่มีตัวเลขเป๊ะๆ แต่มาจากการประเมิน ความเจ็บปวดและความเสียหายต่อชีวิต ของคุณ หากคุณเป็นฝ่ายถูก อย่ากลัวที่จะเรียกร้องสิทธิ์ แต่ควรเรียกบนพื้นฐานของความเป็นจริงและมีหลักฐานประกอบ เพื่อให้การเจรจาจบลงได้อย่างยุติธรรมที่สุดค่ะ

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน