ผลศึกษาชี้ Mercedes-Benz เป็นแบรนด์ที่บิดเบือนตัวเลขความประหยัดน้ำมันมากที่สุด

ก่อนหน้านี้เรารายงานข่าวว่าฮุนได (Hyundai) และเกีย (Kia) ถูกปรับเงินถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการเคลมตัวเลขประหยัดน้ำมันเกินจริง ล่าสุดทางฝั่งยุโรป Transport & Environment – T&E เปิดเผยผลการศึกษาระบุว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) เป็นแบรนด์ที่มีการ “บิดเบือน” การทดสอบความประหยัดน้ำมันสูงสุดในยุโรป

เมอร์เซเดส-เบนซ์ติดอันดับหนึ่งของผลการศึกษาชิ้นนี้เนื่องจากตัวเลขความประหยัดตามที่ระบุไว้ในโบรชัวร์มีความแตกต่างจากตัวเลขความประหยัดในการใช้งานจริงมากที่สุด โดยรถตราดาวสามแฉกกินน้ำมันเฉลี่ยมากกว่าตัวเลขที่เคลมไว้ถึง 40% เลยทีเดียว ขณะที่ค่าเฉลี่ยของค่ายรถแบรนด์อื่นกินน้ำมันมากกว่าที่อ้างไว้อยู่ที่ 31%

ทั้งนี้ ความแตกต่างระหว่างตัวเลขความประหยัดที่อ้างไว้และตัวเลขการใช้งานจริงของรถทุกยี่ห้อโดยเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี หากย้อนกลับไปในปี 2001 ความแตกต่างอยู่ที่เพียง 8% แต่ปัจจุบันทะลุเกิน 40% ไปแล้ว สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการแข่งขันอันดุเดือดของตลาดรถยนต์และความเข้มงวดของกฎระเบียบด้านการบริโภคเชื้อเพลิงในแต่ละประเทศ

ความแตกต่างระหว่างตัวเลขในโบรชัวร์กับการใช้งานจริงในปัจจุบันทำให้ผู้ใช้งานรถชาวยุโรปต้องเสียเงินเพิ่มราว 500 ยูโรต่อปี (ราว 20,500 บาท)

สำหรับเทคนิคหรือ “เล่ห์กล” ที่ค่ายรถนิยมใช้ระหว่างการทดสอบความประหยัดคือการเติมลมยางให้สูงเกินมาตรฐาน การใช้น้ำมันหล่อลื่นสูตรพิเศษ การใช้เทปกาวปิดกระจังหน้าหรือช่องลมต่างๆ การลดน้ำหนักตัวรถ การโมดิฟายด์เบรกและล้อและการทดสอบบนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล

ข่าวดีก็คือในปี 2017 จะมีการประกาศบังคับใช้กระบวนการทดสอบความประหยัดน้ำมันมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกหรือเรียกว่า Worldwide harmonized Light vehicles Test Procedure อย่างไรก็ตาม หลายค่ายรถกำลังวิ่งเต้นให้เลื่อนการทดสอบดังกล่าวออกไปจนถึงปี 2022