Aston Martin Valhalla ราคาเริ่มต้นที่ 35 ล้านและผลิตเพียง 500 คันเท่านั้น

เครื่องยนต์ของ Aston Martin Valhalla เป็นเครื่องยนต์ที่ออกแบบโดยทีมงาน in-house ของ Aston Martin เองเลยจากที่เคยออกแบบโดยทีมด้านนอกมาตั้งแต่ 1968

Aston Martin Valhalla

โค้ดเนม TM01 รายละเอียดสเปคของมอเตอร์จะใช้ได้เฉพาะเมื่อ Valhalla เปิดตัวทั่วโลก ในระหว่างนี้ Aston ได้แบ่งปันรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับการก่อสร้าง ตามมาใน Valkyrie

Valhalla มีเทคโนโลยีล้ำยุคมากมายสมเป็นแบบอย่างของไฮเปอร์คาร์ ตัวอย่างเช่นไม่มีกระจกมองข้าง แต่มีกล้องที่หันไปทางด้านหลังซ่อนอยู่ภายในแผ่นโลหะของรถยนต์ Valhalla ยังใช้ปีกหลัง (สปอยเลอร์) แบบ FlexFoil ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองโดยองค์การนาซ่า เเละเป็นส่วนประกอบคาร์บอนไฟเบอร์ ส่งแรงกดของปีกด้านหลังสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนมุมการโจมตีของปีก มันไม่ทำให้เกิดการลาก ความปั่นป่วนหรือเสียงลม ไฟหน้าของ Aston พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ 3D ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าไฟหน้า Aston รุ่นอื่นถึง 50 เปอร์เซ็นต์

การตกแต่งภายในนั้นช่างบ้าคลั่ง ไม่มีจอทัชสกรีนตรงคอนโซลรถและไม่มีระบบสาระบันเทิง แต่มีแท่นวางสำหรับโทรศัพท์มือถือของเจ้าของแทน พวงมาลัยมีหน้าจอแสดงอัตราการเต้นของหัวใจในขณะที่เบาะโดยสารใช้วัสดุไนลอนเกรดเดียวกับผ้ากันกระสุน ไม่มีช่องตะแกรงลำโพงหรือช่องระบายอากาศใน Valhalla ไม่ใช่แบบดั้งเดิม รถใช้คัตเอาท์ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ยื่นออกมาจากประตูหนึ่งรอบ Aston Martin ยังใช้การพิมพ์ 3D สำหรับคอนโซลกลางที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ด้วย

Aston Martin Valhalla เครื่องยนต์

ซูเปอร์คาร์ขนาดกลางที่ได้รับการออกแบบมาเป็นครั้งแรกของแบรนด์นั้นชุดเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ 3.0 ลิตร V6 ได้ถูกจัดวางในรูปแบบ 'hot V' ซึ่งตั้งอยู่ใน 'V' ของบล็อกกระบอกสูบ ตามมาด้วย V8 ที่มอบให้กับ Aston Martin โดย AMG และในเครื่องยนต์ล่าสุดของ Porsche ไม่เพียงแต่จะทำให้ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น แต่ยังมีน้ำหนักน้อยลง - แอสตันอ้างว่าเครื่องยนต์ทั้งหมดมีน้ำหนักน้อยกว่า 200 กิโลกรัม

ดังกล่าวข้างต้น Valhalla จะเป็น midship model รุ่นใหม่และรุ่นแรกของ Aston ดังนั้นเครื่องยนต์จะอยู่ด้านหลังห้องคนขับเพื่อหาจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำที่สุด Aston กล่าวอีกว่าระบบ dry-sump ใหม่จะให้ประสิทธิภาพการหล่อลื่นระดับต่อไปที่ความเร็วสูงมาก สำหรับรูปแบบเทอร์โบ 'hot V' เส้นทางที่สั้นกว่าสำหรับก๊าซไอเสียที่จะเดินทางหมายถึงการตอบสนองเค้นที่คมชัดยิ่งขึ้น

ด้วยความช่วยเหลือแบบไฮบริดมอเตอร์ใหม่มีแนวโน้มที่จะสร้างระบบส่งกำลังที่ทรงพลังที่สุดในสายการผลิตในอนาคตของแอสตัน แอสตันยังตั้งเป้าหมายว่าจะปฏิบัติตามบรรทัดฐานการปล่อยไอเสียยูโร 7 กับมอเตอร์ใหม่

สำหรับ Valhalla ไม่ค่อยมีใครรู้จักในตอนนี้ อย่างไรก็ตามมันจะเป็นรุ่นที่สองของ Aston Martin หลังจาก Valkyrie เพื่อพัฒนาร่วมกับ Red Bull Advanced Technologies (ที่มา AutoX,super car blondie)