รีวิว Subaru Forester GT 2020 รถครอบครัวสายลุย พร้อมสเปคและราคา Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว Subaru Forester GT 2020 รถครอบครัวสายลุย พร้อมสเปคและราคา

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 19 May 2563

Subaru Forester GT 2020 เวอร์ชั่นอัพเกรดของเจ้าป่า Forester จากแบรนด์ดาวลูกไก่ ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของการขับขี่อันดีเยี่ยม โดยในเวอร์ชั่นนี้อัพเกรดในส่วนของออปชั่นต่างๆ ให้ทันสมัยขึ้น


Subaru Forester GT 2020 รถบ้านพร้อมลุย

รถยนต์ Subaru หรือแบรนด์ดาวลูกไก่นี้ สร้างชื่อเสียงโด่งดังมาจากการแข่งขันรายการ Rally ต่างๆ ที่สามารถคว้าชัยชนะมาได้อย่างมากมาย อันเนื่องมาจากความโดดเด่นของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตรของเขา ที่มีทั้งความฉลาด และความสมดุล ที่สามารถสร้างประสิทธิภาพการขับเคลื่อนได้อย่างดีเยี่ยม

และอีกหนึ่งจุดเด่นของแบรนด์ Subaru นั่นคือ เครื่องยนต์ Boxer 4 สูบวางนอนของเขานั่นเองครับ
ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำมาก ทำให้รถของเขา ขับขี่ได้สนุก ควบคุมง่าย และนี่คือพื้นฐานทั่วไปในรถยนต์ Subaru ทุกคันที่ถูกสร้างขึ้นมา อาจจะมีบางรุ่นที่ไม่ได้ขับเคลื่อน 4 ล้อถูกผลิตออกมาบ้าง แต่ที่สุดแล้วจุดเด่นของรถยี่ห้อนี้ก็คือ เครื่องยนต์ Boxer นั่นเอง
สำหรับบทความนี้ เรามาอยู่กับรถยนต์แบบ SUV ที่ถูกประกอบขึ้นในประเทศไทย ณ นิคมฯ ลาดกระบังนี้เองครับ
กับ Subaru Forester ซึ่งวันนี้เราอยู่กับตัวท็อปรุ่นพิเศษ GT Edition 2020 นั่นเอง เดี๋ยวเรามาดูกันครับว่า รุ่นพิเศษนี้ มีอะไรโดดเด่นบ้าง ไปดูกันครับ

 

Subaru Forester GT 2020

Subaru Forester GT 2020 ภายนอก

Subaru Forester GT ใช้โครงสร้างพื้นฐานมาจาก Subaru Forester Eyesight รุ่นที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน โดยใน GT Edition คันนี้มีการเพิ่มเติมในส่วนของ ชุดแต่ง GT Edition ที่ออกแบบโดยสำนักแต่ง Giken โดยนับเป็นรุ่นที่ 2 ถัดจาก Subaru XV GT Edition นะครับ โดยในชุดแต่ง GT Edition ส่วนที่ผมเห็นว่าให้มาเยอะจริงๆ เห็นจะเป็นชิ้นงาน "โครเมี่ยม" ที่ให้มาเยอะมากๆ ระดับที่ว่ากวาดตามองไปส่วนภายนอกจุดใดของตัวรถ ก็จะเห็นชิ้นงานโครเมี่ยมประกอบอยู่ด้วย และอีกหนึ่งจุดเด่นของรถคันนี้คือ Subaru Forester คว้าระดับความปลอดภัย EURO NCAP 5 ดาว มาอีกด้วย

อ่านบทความ Subaru Forester STI

Subaru Forester GT


มาเริ่มดูรายละเอียดของตัวรถ เริ่มจากไฟหน้ารถ เป็นไฟ LED ที่รวมเอาทั้งทั้งไฟสูง, ไฟตำ และไฟหรี่ในโคมเดียวกัน  มาพร้อมปั้มฉีดน้ำล้างไฟหน้า ซึ่งตัวไฟหน้า สามารถหันไปตามการหมุนของพวงมาลัยได้ในขณะที่เรากำลังเลี้ยวรถ ส่วนไฟเลี้ยวให้มาเป็นหลอดฮาโลเจนอยู่ ถ้าใช้เป็น LED ผมว่าน่าจะดูโฉบเฉี่ยวขึ้นมากกว่านี้

 

รีวิว Subaru Forester GT 2020

อ่าน เปิดตัว Subaru Forester GT

กระจังด้านหน้ารถ เป็นแบบซี่ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ Subaru ในเจเนอเรชั่นนี้ โดยบริเวณฝากระโปรงรถ มีการต่อลายเส้นของกระจังหน้าขึ้นมาด้วยชิ้นโครเมี่ยม ช่วยทำให้รถดูบึกบึนขึ้น และเพิ่มความหรูหราได้เป็นอย่างดี
โดยบริเวณด้านใต้โลโก้ของ Subaru จะมีกล้องมองด้านหน้ารถติดตั้งมาให้ด้วย ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของกล้องที่ติดตั้งรอบคันในระบบกล้อง 360 องศาของรถนั่นเอง

ในส่วนของกันชนของ Forester GT คันนี้ จะใช้กันชนดีไซน์พิเศษที่ออกแบบโดยสำนักแต่ง Giken
ให้มีลักษณะที่ดูเพรียวกว่ากันชนของรถแบบเดิมๆ และยังมาพร้อมกับสเกิร์ตหน้า ที่ช่วยเสริมหล่อให้ตัวรถ ดูดีมีมิติมากยิ่งขึ้น ส่วนทางด้านไฟตัดหมอก ให้มาเป็นไฟ LED เสริมหล่อด้วยกรอบโครเมี่ยม ช่วยทำให้รถดูหรูหรามากยิ่งขึ้น

 

Forester GT 2020

subaru

ถัดมาด้านข้าง โดดเด่นมาแต่ไกล กับชิ้นสเกิตข้างสีเงินขนาดใหญ่ ที่ลายเส้นของสเกิร์ตตัวนี้ ต่อแนวยาวมาจากลิ้นกันชนด้านหน้ามาเลย ช่วยตัดเส้นให้ตัวรถ ดูมีความโดดเด่น ดูบึกบึนมากยิ่งขึ้น

 

ด้านข้าง Subaru Forester GT 2020

ล้ออัลลอยรุ่นพิเศษ ขนาด 18” แบบทูโทนสีเงินตัดดำอันโดดเด่น และยังมาพร้อมกับสัญลักษณ์ GT ที่ช่วยเสริมความลิมิเต็ดของรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี

 

ล้ออัลลอย

มาดูทางด้านหลังของตัวรถ อีกส่วนของชุดแต่ง GT นั่นคือชิ้นสปอยเลอร์หลังคาสีดำชิ้นนี้ ที่ถูกติดตั้งทับไปบนชิ้นสปอยเลอร์เดิมของตัวรถให้เป็นแบบ 2 ชั้นเลย จุดนี้ผมมองดูแรกๆ เอาตรงๆ ผมว่ามันดูแปลกๆ แต่ดูไปดูมา เอ้อ มันก็เด่นดีเหมือนกันนะ เสาอากาศ มาในรูปแบบครีปฉลาม และบริเวณหลังคาได้มีการติดตั้งแร็คหลังคามาให้ด้วย

 

ด้านหลัง Subaru Forester GT

ถัดมาด้านหลัง ตัวไฟท้ายของเขาเป็นไฟ LED ส่วนไฟถอยและไฟเบรก ยังเป็นแบบ Halogen อยู่ และทางด้านขวาหลัง ก็เป็นในส่วนของโลโก้บอกรุ่นรถคันนี้นะครับ ซึ่งเจ้า GT คันนี้ มันก็คือ Forester EyeSight นั่นเอง ที่ติดตั้งชุดแต่ง GT Edition โดยมีการแปะสติ้กเกอร์ไว้ตรงนี้ด้วยอีก 1 จุด และชุดแต่งภายนอกชิ้นสุดท้าย กับสเกิร์ตหลัง ที่ช่วยเสริมการป้องกันให้กับกันชนด้านหลัง และยังช่วยเสริมให้ตัวรถดูบึกบึนขึ้นอีกด้วย

 

 

Subaru Forester GT 2020 ภายใน

เรามาดูภายในของ Forester GT คันนี้กันบ้างครับ เปิดมาข้างในก็พบกับ เบาะนั่งทรงสปอร์ตที่มีการตัดลายสีเทาเข้ามาด้วย ช่วยเสริมความพรีเมี่ยมให้กับตัวรถได้ไม่เบา พอลองนั่งดูแล้ว เบาะนั่งก็กระชับดี นั่งสบาย ปรับตำแหน่งสูง-ต่ำ เลื่อนขึ้น-ลง ได้ด้วยระบบไฟฟ้า และผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งช่องวางขาบริเวณผู้ขับขี่ ผมว่ากว้างดีครับ อันนี้ชอบ
คันเร่ง คันเบรก เป็นสีเงิน ดูสปอร์ตดี ส่วนคอนโซลหน้า เป็นแบบบุนุ่ม ดูการตกแต่งแล้ว ผมว่าดูสวยงามเข้ากับตัวรถดี ตามสไตล์ Subaru ครับ

 


ในส่วนของพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น ขนาดไม่เล็ก ไม่ใหญ่เกินไป กำลังดี ดูมีความพรีเมี่ยมไม่เบา และมีปุ่มควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถติดมาให้แบบครบๆ เลย โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งหลักๆ คือฝั่งขวาจะเป็นปุ่มควบคุมการขับขี่ของตัวรถเกือบทั้งหมด รวมถึงระบบ EyeSight ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นปุ่มควบคุมความบันเทิง และข้อมูลการขับขี่ต่างๆ

 


หน้าจอเรือนไมล์เขา บอกข้อมูลการขับขี่ครบครันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ และมาตรวัดความเร็ว ที่ให้มาเป็นแบบเข็ม ช่วยทำให้รถดูมีความสปอร์ต ดูพรีเมี่ยม ส่วนตรงกลาง เป็นหน้าจอ TFT ที่บอกข้อมูลการขับขี่ครบครันนะครับ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งเกียร์, โหมดขับขี่, มาตรวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง, จับทริป, A, B, อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบ EyeSight ซึ่งเจ้าระบบนี้จะทำงานร่วมกับระบบ Cruise Control ครับ

 

 

ระบบความปลอดภัยพื้นฐานในตัวรถ Subaru Forester GT 2020 คันนี้ จัดมาให้แบบเต็มๆ ซึ่งมีตามรายการดังนี้

  1. ระบบ EyeSight Driver Assist
  2. ระบบกล้องมองภาพ 360 องศา
  3. ระบบเบรก ABS แบบมีเซ็นเซอร์ 4 จุดควบคุมแรงดันน้ามันเบรก 4 ล้อพร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์
  4. ไฟเตือนการเบรกฉุกเฉิน
  5. ระบบควบคุมแรงบิดอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง (ATV)
  6. ระบบเสริมแรงเบรก
  7. ระบบป้องกันคันเร่งค้าง
  8. คานนิรภัยเสริมความแข็งแรงบริเวณประตูข้าง
  9. ระบบยับยั้งการทางานของเครื่องยนต์
  10. ถุงลมนิรภัย 7 จุด (ด้านหน้า ด้านข้าง หัวเข่า และม่านถุงลม SRS)
  11. ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC)
  12. เซ็นเซอร์ถอยหลัง

 

 

เรามาดูทางด้านจอมัลติมีเดียกันครับ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Subaru Forester GT คันนี้เลย โดยเป็นรุ่นย่อยเดียวของ Forester ในตอนนี้ ที่เลือกใช้จอมัลติมีเดียทีมีออปชั่น Apple CarPlay มาด้วย ซึ่งถ้าใครเคยลองไปเล่นจอรุ่นเดิมของ Forester น่าจะทราบดีว่า เป็นเช่นไรนะครับ บอกเลยว่า ตัวนี้ใช้แล้วแฮปปี้กว่าเยอะ ก็เพราะ Apple CarPlay นี่แหละครับ

โดยหน้าจอตัวนี้ เมื่อเชื่อมต่อกับไอโฟนเพื่อใช้ Apple CarPlay แล้ว จะสามารถเปิด Google maps ได้เลยทีหน้าจอนี้ นอกจากนี้ พวกคำสั่งต่างๆ เช่นเปิดเพลง, วิทยุ, โทรศัพท์ และอื่นๆ เหมือนกับรถยนต์ทั่วไปทุกประการครับ
โดยหน้าจอตัวนี้มีความคมชัดดี ฟ้อนต์สวย สีสวย น่าใช้ และยังสามารถปรับแสงด้วยตนเองได้ด้วย โดยเมื่อเราเปิดไฟหน้ารถ ตัว Google maps จะสลับไปใช้โหมดกลางคืนโดยอัตโนมัติ

 

 

ส่วนหน้าจอข้อมูลการขับขี่ตรงกลางด้านบน จะบอกข้อมูลของระบบ EyeSight, อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง, น้ำหล่อเย็น, การขับเคลื่อน, องศาการเอียงของรถ, ระบบปรับอากาศ เป็นต้น ซึ่งสามารถควบคุมได้ที่ปุ่มบนพวงมาลัยเลย

 

 

ถัดมาในส่วนของระบบการขับเคลื่อน Subaru Forester ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT โดดเด่นด้วย X-Mode อันเป็นเอกลักษณ์ของ Subaru โดยมี 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Road, Snow Mud และ Deep snow mud ซึ่งจะกล่าวแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือโหมดทางดำ, โหมดทางฝุ่น หรืออารม 4H และโหมด 4L ที่จะมอบพละกำลังแรงบิด และความไวของคันเร่งที่ต่างกัน และปุ่ม View นั่นคือปุ่มเปิดระบบกล้อง 360 องศา ซึ่งเจ้ากล้องตัวนี้จะติดอยู่จำนวน 4 ตำแหน่งด้วยกัน ได้แก่ ด้านหน้าบริเวณใต้โลโก้ Subaru, ใต้กระจกมองข้างทั้ง 2 ฝั่ง และที่ด้านหลัง ซึ่งมุมมองของกล้อง จะแสดงผลที่หน้าจอมัลติมีเดียตรงกลาง สามารถเลือกได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นโหมด 360, มองหน้า, มองหลัง หรือมอง 2 ข้าง ก็ได้หมด และสุดท้ายกับเบรกมือ เป็นระบบไฟฟ้า

 

 

ในส่วนของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบแอร์เป็นแบบอัตโนมัติ ปรับแยก 2 โซนระหว่างผู้ขับขี่ กับผู้โดยสารด้านหน้า สามารถเลือกความเย็นโดยอิสระได้เลย โดยผู้โดยสารตอนหลังของรถ Forester ก็มีช่องแอร์มาให้ด้วยอีก 2 ช่องเช่นกัน แต่ความเย็นนั้นก็จะแบ่งมาจากด้านหน้า ผ่านช่องแอร์ดังกล่าว

 

ที่วางแขนตรงกลางรถนั้น มีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถใส่แก้วน้ำเยติ แล้วปิดฝาได้แบบสบายๆ และยังมีช่องสำหรับต่อไฟฟ้าอีกหนึ่งจุด แถมยังมีเล่นดีเทลเล็กน้อยคือ มีช่องเล็กๆ พอที่จะให้สอดสายไฟ หรือสายชาร์จออกมาได้ด้วย ถือว่าใส่ใจในรายละเอียดดี 

โดยรถคันนี้มีช่องชาร์จแบตค่อนข้างเยอะมากถึง 6 จุดด้วยกัน ได้แก่ช่องจุดบุหรี่ 3 ช่อง ที่บริเวณคอนโซลหน้ารถ, ที่เท้าแขนตรงกลาง และบริเวณห้องเก็บของข้างหลัง ส่วนช่อง USB ให้มา 3 ช่องเช่นกัน แบ่งเป็นช่องเชื่อมต่อกับหน้าจอมัลติมีเดีย 1 ช่อง และช่องชาร์จแบตตรงช่องแอร์ด้านหลัง 2 ช่อง

 

 

ที่วางแก้วน้ำบริเวณตรงกลาง สามารถวางได้ 2 แก้วด้วยกัน มาพร้อมกับตัวล็อก เพื่อเพิ่มความแน่นในการวาง
ส่วนบริเวณประตูรถของ Forester สามารถวางขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตรได้ทั้ง 4 ประตูแบบสบายๆ
ช่องเก็บของใต้คอนโซล มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ใส่ของ ใส่เอกสารได้สบายๆ

 

 

ตรงที่บังแดดของรถ เมื่อเปิดออกมา จะมีช่องให้ใส่ของแบนๆ เล็กๆ ได้อีกทั้งของคนขับและผู้โดยสาร และยังให้กระจกพร้อมไฟส่องสว่างมาให้ทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนตรงกลาง มีช่องเก็บแว่นมาให้ด้วย และไฟส่องสว่างในห้องโดยสารของรถคันนี้ ให้มาเป็นไฟ LED และยังมีไฟเตือนการคาดเข็มขัดด้วย ซึ่งดีไซน์ตรงนี้ ดูเหมือนของบนเครื่องบินเลยครับ
และบริเวณนี้ ยังมีปุ่มกดปิดระบบ EyeSight รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ ของตัวรถได้

 

 

มาลองนั่งข้างหลังกันบ้างครับ Subaru Forester ผมว่าเป็นรถอีกรุ่นนึงที่นั่งข้างหลังค่อนข้างสบายมากๆ ด้วยห้องโดยสารที่กว้างขวาง มีพื้นที่ให้วางขากว้างแบบสบายๆ ห้องโดยสารที่โปร่ง โล่งแบบนี้ ทำให้รู้สึกสบาย แล้วตัวเบาะดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่น GT ก็ถือว่าทำมาได้ดี นุ่มนวล นั่งสบายดีครับ และยังมีช่องแอร์แบ่งมาด้านหลัง พร้อมกับช่องชาร์ตแบตเตอร์รี่แบบ USB มาให้เลยอีก 2 ช่อง เรียกได้ว่า เป็นรถครอบครัวที่พร้อมจะไปเที่ยวแล้วจริงๆ แถมยังมีช่องใส่ของด้านหลังเบาะนั่งทั้ง 2 ข้างมาให้ด้วย และบริเวณตรงกลางเบาะนั่ง สามารถดึงออกมาเป็นที่วางแขน และวางแก้วน้ำได้จำนวน 2 ช่อง

 

 

ในส่วนของห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง ประตูเป็นระบบเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า สั่งเปิดจากคนขับก็ได้ หรือจะมาเปิดเองข้างหลังก็ได้ โดยมีความจุได้มากถึง 530 ลิตรด้วยกัน ใส่พวกรถเข็นเด็ก หรือถุงกอล์ฟได้แบบสบายๆ ถึง 4 ใบด้วยกัน
และยังสามารถดึงสลัก เพื่อสั่งพับเบาะได้เลย โดยการพับเบาะ เป็นการพับเบาะแบบเรียบ แบ่งแบบ 60:40 ได้
ซึ่งการพับเบาะเรียบเนี้ย เป็นอะไรที่ผมชอบมากๆ ครับ เพราะเราสามารถปูที่นอน ทำ Car camping นอนเรียบๆ ในรถได้เลย เปลี่ยนบรรยากาศจากการนอนเต้นท์บ้าง

 

 

บริเวณสลักพับเบาะ มีเต้าจ่ายไฟฟ้ามาให้อีก 1 จุด

 

 

ระบบความปลอดภัยใน Subaru Forester GT ถือเป็นจุดเด่นที่สุดในรถคันนี้ ในรถคันนี้ ใช้โครงสร้าง Subaru Global Platform ซึ่งแน่นอนครับว่า รถคันที่เราใช้ จะเป็นรถแบบเดียวกับที่ทางฝั่งอเมริกา หรือยุโรปใช้เลย ความปลอดภัยจากการชนของรถคันนี้ ทดสอบมาแล้วได้ระดับ 5 ดาวเลยทีเดียว ส่วนระบบถุงลมนิรภัยในรถคันนี้ จัดมาให้ถึง 7 จุดด้วยกัน ได้แก่ 2 คู่หน้า 1 เข่าผู้ขับขี่ และ 2 ข้างประตู 2 ข้างตัวถัง รวมเป็น 7 ตำแหน่งด้วยกัน และยังมีระบบ Active Safety ป้องกันการชนอีก ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์รอบคัน, กล้อง 360 องศา เป็นต้น

 

EyeSight

 

ระบบ EyeSight คืออะไร?

ระบบ EyeSight หรือชื่อเต็มๆ ว่าระบบ Subaru EyeSight Driver Assist ที่จะช่วยทำหน้าที่เป็นดวงตาอีกคู่หนึ่งให้กับผู้ขับขี่ โดยเมื่อเราเปิดระบบ Cruise Control แล้ว ระบบ EyeSight จะทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อมีการตรวจพบรถคันข้างหน้าแล้ว หากรถคันหน้าขับช้ากว่ารถของเรา ระบบจะปรับความเร็วของเราให้เท่ากับรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะชะลอความเร็ว หรือเร่งความเร็ว รถก็สามารถปรับความเร็วตามรถคันหน้าได้เลย โดยรถจะใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกินที่เราตั้งไว้ ซึ่งสามารถเบรกรถให้โดยอัตโนมัติได้เลย เมื่อรถคันหน้าเกิดหยุดรถ และยังสามาถรเลือกได้ว่าจะรักษาระยะห่างระหว่างรถเรากับรถคันหน้าระดับไหนได้ด้วย เป็นโหมดที่เหมาะมากๆ สำหรับการขับทั้งในเมือง และการขับทางไกล เพราะไม่ต้องคอยคุมคันเร่งและเบรกเลย (ยกเว้นตอนเข้าโค้งนะ ถ้าโค้งแคบต้องคุมเอง)

อีกทั้งยังมีระบบเตือนมุมอับให้ด้วย ซึ่งระบบจะมีสัญญาณไฟเตือนอยู่ที่กระจกมองข้าง และยังมีเสียงเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบด้วย

 

 

VDO การทำงานของระบบ EyeSight

 

ข้อมูลทางเทคนิค Subaru Forester GT 2020

เครื่องยนต์ ฺBoxer 4 สูบนอน DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,995 ซีซี
พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที
เกียร์ CVT 
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร พร้อม X-Mode

 

 

ตัวถัง Subaru Global Platform
ระบบกันสะเทือนหน้า / หลัง แมคเฟอร์สันสตรัท / ปีกนกคู่
ระบบเบรคหน้า/หลัง ดิสเบรค พร้อมครีบระบายความร้อน
ขนาดยางล้อ 225 / 60 R18

 

มิติรถ 

ขนาด ยาว x กว้าง x สูง (มม.) 4,625 x 1,815 x 1,730
ระยะฐานล้อ 2,670 มม.
ระยะต่ำสุดจากพื้น  220 มม.
น้ำหนักรถเปล่า 1,542 กก.
น้ำมันเชื้อเพลิง 63 ลิตร

 


การขับขี่


สำหรับการขับขี่เจ้า Subaru Forester GT คันนี้ ผมมีโอกาสทดสอบขับขี่ทั้งการขับในเมือง และการขับทางไกล
ฟิลลิ่งแรกที่สัมผัสได้จากรถคันนี้คือ เป็นรถที่มีห้องโดยสารกว้างใหญ่ โอ่โถ่งมากครับ มุมมองการขับขี่ทำมาได้ดีมากๆ มองได้ง่าย อันเนื่องมาจากความสูงของรถเอง ทำให้การมองเส้นทางทำได้ง่าย เสาหน้ารถที่ลาดเอียงน้อยจนแทบจะตั้งตรงแล้ว ทำให้มุมมองจากผู้ขับค่อนข้างโปร่ง โล่ง สบาย มองทางได้ง่าย จุดอับสายตาน้อย

แม้ว่ากระโปรงหน้ารถอาจจะยาว ใหญ่สักหน่อย แต่ก็กะระยะได้ง่าย เพราะเรามองเห็นกระโปรงหน้าได้แบบชัดเจนเลย มือใหม่ขับยังได้ ซึ่งพูดถึงมือใหม่แล้ว เจ้าระบบกล้อง 360 องศาเนี้ย ช่วยได้เยอะครับ การถอยจอดรถเข้าซองแคบๆ หรือเข้าซอยแคบๆ ถือว่าทำได้สบายๆ กะระยะได้ง่ายๆ เลย ฟิลลิ่งมันเหมือนไม่ได้ขับรถ SUV คันใหญ่ๆ แต่ยังให้สัมผัสเหมือนขับรถเก๋งอยู่

 

 

พวงมาลัยของรถผมว่าค่อนข้างคมมากๆ มีความแม่นยำสูง เมื่อขับในความเร็วต่ำอย่างในเมือง ผมว่าน้ำหนักกำลังดี ไม่หนักไป ไม่เบาไป การหักเลี้ยวทำได้ง่าย การขับทางไกล พวงมาลัยก็มีการเพิ่มน้ำหนักขึ้นเองเหมือนรถทั่วไป น้ำหนักแน่นกำลังดี ไม่เบาเกินไป ทำให้รถค่อนข้างนิ่งมาก

 

 

ในส่วนของอัตราเร่งของรถคันนี้ ผมว่า มีแค่พอใช้เร่งแซง แต่อย่าไปคาดหวังความปรู๊ดปราดแบบรถสปอร์ตมากนัก ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT 7 สปีด พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า แรงบิด 196 นิวตัวเมตร ผมว่าสำหรับการใช้งานขับขี่ออกทริปทั่วไป ทำได้สบายๆ ถ้าเหยียบคันเร่งจนสุด เสียงคำรามของเครื่องยนต์ การทดเกียร์ ให้อารมณ์รถสปอร์ตมาเต็มเลยครับ แต่อัตราเร่งนั้น ไม่ได้มาแบบรถสปอร์ตนะครับ มาแบบไหลมาเรื่อยๆ แบบต่อเนื่อง จนความเร็วทะลุ 120 กม./ชม. แบบเนียนๆ สำหรับอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 12.5 วินาที โดยประมาณ

ทางด้านโหมดการขับขี่ทั้ง 2 โหมด ได้แก่โหมด I และโหมด S มีความแตกต่างกันในช่วงความเร็ว 0-70 กม./ชม. ที่โหมด S จะมอบอัตราเร่งที่ดุดันมากกว่าโหมด I อย่างชัดเจน ทางด้านโหมด I อัตราเร่งเขาจะมาแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่ดุดันมากนัก

 


ในส่วนของช่วงล่างของตัวรถที่ผมว่า เป็นทีเด็ดจริงๆ ของรถคันนี้ เพราะมีทั้งความนุ่มนวลที่ดีมากๆ ทั้งการขับทางดำ และทางฝุ่น รวมไปถึงจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่ผมว่า มันต่ำมากๆ ครับ การหักเลี้ยวเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง มันคมมากๆ เข้าโค้งได้ง่ายมากครับ เป็นรถอีกคันที่ขับแล้วสนุกมากๆ อีกรุ่นหนึ่ง โดยรวมๆ แล้ว การขับขี่เนี้ย สอบผ่านเต็มๆ ครับ

สำหรับการขับขี่ในทางดิน จะเป็นอะไรที่บอกความเป็น Subaru Forester คันนี้สุดๆ ด้วยจุดเด่นต่างๆ ของรถคันนี้ โดยผมมีโอกาสได้ทดสอบรถคันนี้ในทางดินมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งในเส้นทางออฟโรดนั้น ถือว่าเป็นทางของเขาเลยล้ะ

ด้วยจุดเด่นจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร ระบบส่งกำลังอันชาญฉลาดของรถ สามารถแบ่งพละกำลังไปที่ล้อที่ยังสัมผัสพื้นอยู่ได้ เพื่อเพิ่มแรงบิดในการพาตัวรถ ผ่านอุปสรรคไปได้แบบง่ายๆ แทบจะไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลย เพราะตัวรถ คิดมาให้หมดแล้ว อันนี้ชอบมาก

 

 

ถัดมาในส่วนของระบบ EyeSight จัดว่าเด็ดดวงเลยครับ เพียงเราเปิดการทำงานของระบบด้วยการใช้ Cruise Control เจ้ากล้องคู่หน้าของตัวระบบ ก็จะจัดการการขับขี่แทนผู้ขับขี่ ในส่วนของการควบคุมการเร่งและเบรกให้แบบหมดจรดเลยครับ พร้อมระแวดระวังภัยที่ตัวรถอาจจะปะทะด้านหน้าได้ทุกประเภท

ไม่ว่าจะเป็นรถด้วยกัน, มอเตอร์ไซค์, จักรยาน กระทั่งคนเดินถนน เจ้าระบบนี้ก็สามารถตรวจจับวัตถุต้องสงสัยด้านหน้าได้ทั้งหมด ถือว่าเป็นระบบที่ช่วยเหลือผู้ขับขี่ในขณะขับขี่ทั้งในเมือง และการขับขี่ทางไกลได้ดีเยี่ยมมากๆ ช่วยคลายความล้าจากการขับรถเป็นเวลานานได้ดีเลยทีเดียว

โดยเฉพาะการขับในเมืองที่รถติดๆ ที่ปกติแล้วเราต้องคอยเหยียบเบรกตลอดเวลา ทว่าในรถคันนี้ เจ้าระบบ EyeSight จัดการให้แทนทั้งหมดแล้ว ยกเว้นการเลี้ยวไปตามทางที่ต้องการเท่านั้น

ทว่า จุดที่ต้องสังเกตุของระบบนี้คือ ในช่วงการออกตัว รถจะออกตัวแบบดุดันไปสักหน่อยจนเกิดอาการหัวโยกกันได้บ้าง แต่ในฝั่งของการเบรก บอกเลยว่านุ่มนวลสุดๆ

 

 

ระบบเบรกของรถคันนี้ เป็นดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ สัมผัสของเบรกคือดีมากๆ ผมมีโอกาสได้ทดสอบระบบเบรกของรถรุ่นนี้ในสนามแบบเปียก ซึ่งในความเร็วประมาณ 40 กม./ชม. บนพื้นเปียก รถสามารถเบรกให้หยุดสนิทได้ในระยะที่สั้นมากๆ ไม่น่าจะเกิน 5 เมตร และไม่มีเสียอาการเลยแม้แต่น้อย

 

 

สำหรับในการขับขี่จริง เบรกของรถคันนี้ค่อนข้างละเอียด การค่อยๆ ไล่แป้นเบรกที่ละช้าๆ รถจะค่อยๆ ลดความเร็วลงอย่างนุ่มนวล และแม่นยำ จัดว่าเป็นระบบเบรกที่ดี ไว้ใจได้ และถ้ายิ่งใช้งานร่วมกับเจ้า EyeSight บอกเลยว่าเป็นอะไรที่ลงตัวมากๆ รถจะค่อยๆ เบรกด้วยตนเองอย่างแม่นยำ และหยุดนิ่งให้อย่างนุ่มนวล

 


สรุป

Subaru Forester GT 2020 เป็นรถ SUV ที่เหมาะสำหรับคนที่มองหารถยนต์สักคันที่สามารถทำได้ทุกอย่าง ทั้งการขับในเมือง, การออกทริป, มีครอบครัว, ช็อปปิ้ง, สันทนาการ ผมว่าไปได้หมด เพราะว่าตัวรถเองก็ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่ถึงระดับรถ PPV ทำให้การจอดรถในช่องจอดตามห้าง ผมว่ามันยังง่ายอยู่

ออปชั่นการใช้งานในห้องโดยสารที่ใส่ใจกับทุกตำแหน่งที่นั่งโดยสาร เหมาะสำหรับคนที่มีคนนั่งไปด้วยสัก 4 คนเป็นประจำ หรือจะขับคนเดียว หรือสองคน ก็ยังโอเคอยู่ นอกจากนี้ ยังเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่ควบคุมได้ง่าย และขับง่าย ออปชั่นครบ ช่วงล่างดี กินน้ำมันไม่โหดมาก โดยเฉลี่ยประมาณ 13 กม./ลิตร แต่ขับสนุก ผมว่าเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่คุ้มครับ และที่เด็ดคือระบบความปลอดภัยของเขา อัดมาให้เต็มๆ จริงๆ จุดนี้ถือว่าดีครับ โดยเฉพาะ EyeSight เนี้ยทีเด็ดเลย

สำหรับราคาของ Subaru Forester GT 2020 อยู่ที่ 1,550,000 บาท สามารถไปสัมผัสตัวจริงได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Subaru ทั่วประเทศครับ

ราคารุ่นย่อยอื่นๆ

Subaru Forester 2.0i-L 1,330,000 บาท
Subaru Forester 2.0i-S 1,380,000 บาท
Subaru Forester 2.0i-S EysSight 1,450,000 บาท

อ่าน Subaru Forester STI 2020
อ่าน เครื่องยนต์ Boxer คืออะไร
อ่าน รถยนต์คันแรกในประเทศไทย

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ