2023 Mazda CX-60 เปิดราคาที่ออสเตรเลีย เริ่มที่ 1.41 ล้านบาท Share this

2023 Mazda CX-60 เปิดราคาที่ออสเตรเลีย เริ่มที่ 1.41 ล้านบาท

Nunthapong Laongwan
โดย Nunthapong Laongwan
โพสต์เมื่อ 29 November 2565

Mazda CX-60 2023 เปิดราคาแล้วในออสเตรเลีย มาพร้อมเครื่องยนต์สามทางเลือก คือ เครื่องยนต์ Skyactiv-G PHEV 2.5 ลิตร เครื่องยนต์เบนซิน 3.3 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 3.3 ลิตร มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก ที่สำคัญรุ่นนี้ยังถือเป็นหนึ่งในรุ่นที่แพงที่สุดเท่าที่ Mazda เคยมีมา

New Mazda CX-60 2023

Mazda CX-60 2023 ถือเป็นรถรุ่นแรกที่สร้างบนแพลตฟอร์มแบบโมดูลาร์ใหม่ทั้งหมดของ Mazda มาพร้อมเครื่องยนต์ 6 สูบ 3.3 ลิตรคู่ใหม่ และเป็นรุ่นแรกของค่ายรถชื่อดังจากญี่ปุ่นที่ใช้ระบบไฮบริด ทั้งนี้มีการเปิดจองแล้วในออสเตรเลีย และจะออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน 2023 ใน 3 รุ่น คือ รุ่น Evolve, GT และ Azami โดยแต่ละรุ่นจะมีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 รูปแบบ ประกอบด้วย

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 6 สูบ ขนาด 3.3 ลิตร ให้กำลัง 280 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบไฮบริด 48 โวลต์ อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม. ใช้เวลาเพียง 6.9 วินาที 

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 6 สูบ ขนาด 3.3 ลิตร ให้กำลัง 251 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม. ใช้เวลา 7.3 วินาที

และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Skyactiv-G ความจุ 2.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 261 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลัง 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร  ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะที่พัฒนาขึ้นใหม่ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ ให้กำลังสูงสุด 327 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ทำให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 5.9 วินาที

ที่สำคัญ แบตเตอรี่ในรุ่น PHEV สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนได้เป็นระยะทางราว 76 กิโลเมตร  กินน้ำมันเพียง 2.1 ลิตร/100 กม. และการชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ AC ขนาด 7.2 กิโลวัตต์ จาก 0-100% ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที ทั้งนี้ เครื่องยนต์ทั้ง 3 รูปแบบของ CX-60 2023 เป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (All Wheel Drive) ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

สำหรับ Mazda CX-60 2023 เป็นรถยนต์ 5 ที่นั่ง ให้ความรู้สึกกว้างขวางเมื่อเทียบกับ CX-5 SUV และ CX-8 มีพื้นที่บรรจุสัมภาระถึง 477 ลิตร แม้จะน้อยกว่ารถยนต์ไทป์เดียวกันอย่าง Toyota RAV4 Hybrid ที่มีพื้นที่เก็บสัมภาระ 580 ลิตร แต่เมื่อพับเก้าอี้แถวสองแยกส่วน 40/20/40 ความจุในการเก็บสัมภาระจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,148 ลิตร เก็บของได้อย่างสบายๆ นอกจากนี้ รุ่น CX-60 รุ่น 6 สูบ ยังมีพื้นที่เก็บยางอะไหล่ แต่ในรุ่น PHEV จะมีเฉพาะชุดซ่อมยางฉุกเฉินเท่านั้น

ส่วนดีไซน์ของ CX-60 2023 ออกแบบได้อย่างสวยงามภายใต้ปรัชญา Kodo ของ Mazda โดยเฉพาะรูปทรงฝากระโปรงที่ยาวขึ้นและกระจกด้านหลังที่โดดเด่น ส่วนไฟหน้า LED มีให้เห็นทุกรุ่น พร้อมกระจังหน้ารังผึ้งสีดำให้ความรู้สึกดุดัน โดยเฉพาะรุ่น GT จะมีความพิเศษกับซุ้มล้อกลมมีสีที่กลมกลืนไปตัวรถ และล้อขนาดใหญ่ 20 นิ้ว ต่างจากรุ่น Evolve จะมีซุ้มล้อเป็นพลาสติกสีดำ และขนาดล้อลดลงเหลือ 18 นิ้ว

ส่วนสีภายนอกของ CX-60 มีให้เลือก 7 เฉดสี และ Mazda เพิ่มสีซิกเนเจอร์ใหม่สำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ร่วมกับเฉดสีฮีโร่ที่มีอยู่อย่างสี Soul Red Crystal และสี Machine Grey ซึ่งสีใหม่ที่ว่านี้เรียกว่า สี Rhodium White Premium Metallic ใช้เทคโนโลยีการพ่นสี Takuminuri ของ Mazda ให้พื้นผิวสัมผัสดูลึกล้ำและเงางาม

 

ขณะที่อุปกรณ์มาตรฐานของ CX-60 2023 มีมากมายแตกต่างกันในแต่ละรุ่น เริ่มจากรุ่น Evolve ที่น่าสนใจ อาทิ เบาะนั่งแบบแมนนวลหุ้มด้วยหนังเทียม พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติ และระบบควบคุมสภาพอากาศแบบ Dual-Zone ส่วนความบันเทิงจัดเต็มกับระบบเสียงลำโพง 8 ตัว หน้าจอทัชสกรีนขนาด 10.25 นิ้ว และหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แม้จอแสดงผลส่วนกลางของ Mazda จะไม่ใช่หน้าจอสัมผัส แต่สามารถป้อนคำสั่งผ่านแป้นหมุนบนแผงคอนโซลกลางได้เลย

 

มาถึงรุ่น GT จะพิเศษขึ้นกับหน้าจอกลางขนาด 12.3 นิ้ว เบาะหนังปรับไฟฟ้าและอุ่นทั้งสองแถว เครื่องเสียง Bose ลำโพง 12 ตัว พวงมาลัยปรับความร้อนได้ หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามาขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ Mazda เคยมีมา และรุ่นนี้ยังเป็นรุ่นแรกที่สามารถปรับคอพวงมาลัยแบบไฟฟ้า

นอกจากนี้ รุ่น GT มีฟังก์ชัน "ระบบปรับแต่งผู้ขับขี่" ที่ใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าของผู้ขับ เพื่อปรับตำแหน่งที่นั่ง กระจก และส่วนควบคุมอื่น ๆ ของรถ SUV โดยอัตโนมัติ ตามการตั้งค่าที่ผู้ขับบันทึกไว้ หน้าจอ Head-up Display มีขนาดใหญ่กว่ารุ่น CX-30 ถึง 3 เท่า ซึ่งจะรวมอยู่ในรุ่น GT และ Azami ด้วย

มาถึงรุ่นเรือธงอย่าง Azami เพิ่มความพรีเมียมหรูหรากับเบาะนั่งสะดวกสบายเพราะหุ้มด้วยหนัง Nappa สีดำ  และมีช่องระบายอากาศบริเวณเบาะนั่งด้านหน้า ไฟหน้า LED สามารถปรับได้ กระจกมองหลังแบบไร้กรอบ และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วพร้อมผิวสีเงินดีไซน์เฉพาะตัว

แม้ทุกรุ่นของ CX-60 จะมีกล้องมองรอบทิศทาง 360 องศา แต่รุ่น Azami เพิ่มฟังก์ชันมองผ่าน ให้ผู้ขับสามารถมองทะลุมุมด้านหน้าและด้านหลังของรถที่เมื่อก่อนมักถูกบดบังจากตัวถังรถได้อีกด้วย ทั้งนี้ Mazda คาดการณ์ว่า รุ่น GT จะทำยอดขายได้ครึ่งหนึ่งของรุ่น CX-60 ทั้งหมด ส่วนรุ่น Evolve และ Azami จะทำยอดขายได้ 30% และ 20% ตามลำดับ

ระบบความปลอดภัย CX-60 จัดให้เต็มอัตรา

 

ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของ Mazda CX-60 2023 นี้ ทุกรุ่นทุกคัน จัดเต็มในเรื่องระบบความปลอดภัย อุ่นใจทุกการขับขี่ เช่น

  • มีถุงลมนิรภัย 8 จุด
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (เดินหน้าและถอยหลัง) พร้อมระบบตรวจจับคนเดินข้ามถนนและคนขี่จักรยาน
  • จอภาพเตือนทางออกของรถเมื่ออยู่ในจุดบอด
  • ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกนอกเลนถนน
  • ระบบ Lane Keep Assist ที่ติดตั้งพร้อมกับพวงมาลัย
  • เรดาร์ครูซคอนโทรล พร้อมฟังก์ชัน Stop/Go
  • ระบบจดจำเครื่องหมายจราจร
  • ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่
  • ระบบแจ้งเตือนการจราจรข้ามด้านหลัง
  • ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
  • กล้องมองหลังรถ

ทั้งนี้ Mazda CX-60 ออกแบบโครงสร้างกันชนหลังเป็นพิเศษให้ดูดซับแรงกระแทกเมื่อชนท้ายได้มากเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับ Mazda CX-5 และในรุ่น Azami จะเพิ่มระบบการแจ้งเตือนการจราจรด้านหน้า และบริการอื่นๆ ซึ่งจะอยู่ในแพ็คเกจ Vision Technology ที่จะต้องจ่ายเพิ่มอีกราวๆ 2,000 เหรียญสหรัฐ (หรือ 71,000 บาท)

 

อย่างไรก็ตาม ในออพชันเสริมของ Mazda CX-60 2023 มีตัวเลือกสำหรับผู้ขับขี่ได้เลือก 4 ชุด โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราวๆ 2,000 - 4,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 71,000 - 142,600 บาท) ประกอบด้วย

ชุด Vision Technology จ่ายเพิ่มในราคา 71,000 บาท สำหรับรุ่น Evolve และ GT (แต่เป็นมาตรฐานสำหรับรุ่น Azami) จะได้: จอภาพพร้อมระบบดูรอบคันได้ 360 องศา, หน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว, ไฟหน้า LED แบบปรับได้, ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ และระบบแจ้งเตือนการจราจรด้านหน้า

ชุด Luxury Pack จ่ายเพิ่มในราคา 142,600 บาท สำหรับรุ่น Evolve (แต่เป็นมาตรฐานในรุ่น GT และ Azami) จะได้: เบาะหนังอุ่น, เบาะปรับไฟฟ้า (คนขับ 10 ทิศทาง และผู้โดยสาร 6 ทิศทาง), ระบบบันทึกตำแหน่ง Memory ของกระจกมองข้างปรับ-พับด้วยไฟฟ้า 

ส่วนรุ่นเรือธงอย่าง Azami ก็มีออพชันเสริม 2 ชุด ในราคาชุดละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราวๆ 71,000 บาท) ได้แก่

ชุด Takumi จะเพิ่มแผงแดชบอร์ดผ้าพร้อมเสริมลายตะเข็บแบบ Kakenui, ลายไม้เมเปิลสีขาวที่ประตู แผงหน้าปัดและคอนโซล, เบาะหนัง Nappa สีขาว

และชุด SP pack จะเพิ่มล้ออัลลอยสีดำขนาด 20 นิ้ว (แทนที่จะเป็นสีดำด้านสีเงิน), กระจังหน้าและกระจกสีดำเงา, เบาะหนังฟอกฝาด Nappa, พวงมาลัยทูโทน, แผงแดชบอร์ดหนังกลับ

ปิดท้ายกันที่ราคาของ Mazda CX-60 2023 ในออสเตรเลีย แยกตามรุ่นและเครื่องยนต์ได้ดังนี้

 

รุ่น Evolve

  • เครื่องยนต์เบนซิน 3.3 ลิตร ราคา $39,781 (ราวๆ 1,418,000 บาท)
  • เครื่องยนต์ดีเซล 3.3 ลิตร $41,111 (ราวๆ 1,465,000 บาท)
  • เครื่องยนต์เบนซิน PHEV 2.5 ลิตร $48,096 (ราวๆ 1,715,500 บาท)

รุ่น GT

  • เครื่องยนต์เบนซิน 3.3 ลิตร ราคา $45,102 (ราวๆ 1,609,000 บาท)
  • เครื่องยนต์ดีเซล 3.3 ลิตร $46,433 (ราวๆ 1,656,000 บาท)
  • เครื่องยนต์เบนซิน PHEV 2.5 ลิตร $53,546 (ราวๆ 1,910,000 บาท)

รุ่น Azami

  • เครื่องยนต์เบนซิน 3.3 ลิตร ราคา $49,329 (ราวๆ 1,758,500 บาท)
  • เครื่องยนต์ดีเซล 3.3 ลิตร $49,892 (ราวๆ 1,779,000 บาท) 
  • เครื่องยนต์เบนซิน PHEV 2.5 ลิตร $58,043 (ราวๆ 2,069,000 บาท)

ส่วนราคาจำหน่าย Mazda CX-60 ในประเทศไทย หากมีอัพเดทเพิ่มเติม ทาง Autospinn จะรายงานให้ทราบต่อไป

ที่มา carscoop, whichcar

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ ตรวจสอบราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปกับ Autospinn

ค้นหารถมือสองทุกรุ่น ทุกแบบ ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน ดูรายละเอียด และราคารถมือสองได้ที่ ตลาดรถ One2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ