Honda e:N1 vs Tesla Model Y RWD เลือกคันไหนดี?

ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ณ ตอนนี้ หากมองไปยังแบรนด์ญี่ปุ่นต้องบอกว่ามีเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ส่งรถยนต์ไฟฟ้ามาทำตลาดในประเทศไทย หนึ่งในนั้นคือ Honda e:N1 รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พื้นฐานจาก Honda HR-V แต่คันนี้ไม่ขาย โดยมาเป็นรูปแบบของการเช่าขับ หากเปรียบเทียบกับ Tesla Model Y RWD จะเป็นอย่างไร?

Honda e:N1

Honda e:N1 คือรถยนต์ไฟฟ้าพิกัด B-SUV ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานจาก Honda HR-V e:HEV รุ่นที่จัดจำหน่ายในประเทศไทย แต่นำเสนอมาใหม่ในรูปแบบของยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ 100% โดยรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ผลิตอยู่ที่โรงงานของฮอนด้า ออโตโมบิล ในประเทศไทย ณ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรีนี่เอง ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นเจ้าแรกที่เริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในประเทศไทย ภายใต้มาตรฐานเดียวกับการผลิตรถยนต์ฮอนด้าจากโรงงานอื่นๆ ในต่างประเทศ

สำหรับ Honda e:N1 รุ่นที่ผลิตในประเทศไทย จะเป็นรุ่น Long Range ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหน้า มอบพละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุ 68.8 kWh รองรับระยะทางขับขี่ 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จด้วยมาตรฐาน CCS2 รับไฟ AC 11 kW และ DC 100 kW

โดยท่านที่ต้องการเป็นเจ้าของ Honda e:N1 มีเพียงรูปแบบเดียวเท่านั้นคือการเช่าขับ โดยสามารถเช่าผ่านบริษัทให้เช่ารถยนต์ชั้นนำของประเทศไทย โดยมีค่าเช่าเริ่มต้นที่เดือนละ 29,000 บาท

Tesla Model Y RWD

Tesla Model Y 2024 รถยนต์ไฟฟ้าพิกัด C-SUV ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งในประเทศไทย โดนรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงมาก ณ ขณะนี้คือรุ่น RWD ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1.749 ล้านบาท ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ได้รับความนิยมสูง โดยรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ทุกคัน นำเข้าทั้งคันมาจากประเทศจีน

สำหรับ Tesla Model Y รุ่น RWD ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง มอบพละกำลังสูงสุด 283 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ใช้ลิเธียมไอออน ความจุ 57.5 kWh รองรับระยะทางขับขี่สูงสุด 510 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จด้วยมาตรฐาน CCS2 รับไฟ AC 11 kW และ DC 170 kW

สำหรับการเป็นเจ้าของ Tesla Model Y RWD สามารถทำได้ทั้งการเช่าและการซื้อ โดยการเช่าเริ่มต้นที่เดือนละ 35,000 บาท และซื้อได้ที่คันละ 1,749,000 บาท

สเปค Honda e:N1 vs Tesla Model Y RWD

เริ่มต้นกันด้วยเรื่องของระบบขับเคลื่อน ทั้งคู่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัวเหมือนกัน ทว่าพละกำลังต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยฝั่งฮอนด้า ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหน้า มอบพละกำลังสูงสุด 268 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที ส่วนฝั่ง Tesla Model Y RWD ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง มอบพละกำลังสูงสุด 283 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.9 วินาที เห็นได้ว่า Tesla Model Y มีพละกำลังที่มากกว่าพอสมควรเลยทีเดียว

มาดูกันต่อด้านระยะทางขับขี่ต่อการชาร์จกันบ้าง ฝั่ง Honda ใช้แบตเตอรี่ขนาด 68.8 kWh ทำระยะทางขับขี่ได้สูงสุด 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ส่วนของ Model Y RWD ใช้แบตเตอรี่ขนาด 57.5 kWh ทำระยะทางขับขี่ได้สูงสุด 510 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง จุดนี้น่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะแม้ว่า Honda จะมีขนาดตัวแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าราวๆ 20% ทว่ากลับสามารถทำระยะทางขับขี่ได้น้อยกว่า Tesla ถึง 2% เลยทีเดียว นั่นหมายความว่าอัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าของ Honda e:N1 จะมากกว่า Tesla

โดย Honda e:N1 มีอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าที่ 13.76 kWh/100 กม. ส่วน Tesla Model Y มีอัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าอยู่ที่ 11.27 kWh/100 กม. หรือต่างกันราวๆ 22% เลยทีเดียว

ต่อกันด้วยประสิทธิภาพการชาร์จ ฝั่ง Model Y RWD สามารถชาร์จไฟฟ้าได้เร็วกว่ามาก ด้วยกำลังในการชาร์จสูงสุดถึง 170 kW เลยทีเดียว ในขณะที่ e:N1 รับได้เพียง 100 kW

มิติตัวรถ Honda e:N1 vs Tesla Model Y RWD

มาดูกันต่อที่มิติตัวรถกันบ้าง ข้อนี้เห็นอย่างชัดเจนว่า Honda e:N1 มีขนาดที่เล็กกว่าในทุกมิติ ด้วยความที่เป็นรถยนต์คนละรุ่นตัวถังกันโดยสิ้นเชิง เพราะ Honda e:N1 ยังอยู่ในกลุ่ม B-SUV ส่วน Tesla Model Y อยู่ในเกรด C-SUV แล้ว

สอดรับกับพื้นที่เก็บสัมภาระ ที่ Tesla Model Y มีพื้นที่มากกว่าอย่างชัดเจน

พื้นที่เก็บสัมภาระ Honda e:N1 vs Tesla Model Y RWD

ภาระทางการเงิน

มาดูกันในมุมของภาระทางการเงินกันบ้าง ฝั่ง Honda ทำการเปิดตัว e:N1 มาในรูปแบบการเช่าเท่านั้น โดยมีค่าเช่าเริ่มต้นที่เดือนละ 29,000 บาท ด้วยสัญญาเช่า 5 ปี เราจะต้องจ่ายค่าเช่าอยู่ที่ 1,740,000 บาท และยังไม่ได้เป็นเจ้าของรถ แต่เราจะตัดกังวลเรื่องของค่าบำรุงรักษาตัวรถและค่าประกันภัยไปได้เลย เพราะเป็นหน้าที่ของบริษัทผู้ให้เช่ารถยนต์

ส่วนฝั่ง Tesla Model Y RWD เราสามารถซื้อเงินสดได้ด้วยในงบ 1,749,000 บาท แต่ว่าหากต้องใช้งานรถยนต์ด้วยระยะเวลาเท่ากัน เราจะต้องมีเรื่องของค่าเบี้ยประกันภัยอีกปีละ 50,000 บาท รวมเป็น 250,000 บาท ไหนจะเรื่องของค่าบำรุงรักษาอีกต่างหาก ซึ่งจะทำให้มูลค่าของรถยนต์อาจจะต้องจ่ายรวมๆ กันทะลุ 2,000,000 บาทเลยทีเดียว

แต่ถ้ามองในมุมของรถเช่าบ้างล่ะ? หากเราจะใช้รูปแบบการเช่าแบบ Subscription จะจ่ายค่าเช่าอยู่ที่เดือนละ 35,000 บาท สัญญา 5 ปีเช่นกัน เราจะต้องจ่ายค่าเช่ารวมอยู่ที่ 2,100,000 บาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าสูงกว่าตัวของ Honda e:N1 อยู่ราวๆ 400,000 บาทด้วยกัน

ฟันธง ต้องเลือกสักคัน

หากจะเลือกสักคันหนึ่ง ณ ตอนนี้นั้นต้องพิจารณาจากความต้องการของคุณว่าอยากได้รถแบบไหน? ถ้ามองในมุมมองด้านการครอบครองรถยนต์ อันนี้อาจจะตัด Honda e:N1 ออกไปก่อนได้เลย เพราะตอนนี้เขาเปิดให้เช่าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขาดได้แบบ Tesla

แต่ถ้ามองในมุมมองของรถเช่า อันนี้น่าสนใจ เพราะว่าส่วนต่างราคาอยู่ที่เดือนละ 6,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร

คราวนี้ หากมองลึกไปที่มุมของการใช้งาน จะเห็นได้ว่าฝั่งของ Tesla Model Y จะได้เปรียบกว่าในทุกมิติ เพราะตัวรถมีขนาดใหญ่กว่า ขับได้ไกลกว่า พื้นที่ใช้สอยมากกว่า ระบบช่วยเหลือการขับขี่ทำได้ดีกว่า

ในฝั่งของ Honda จุดที่เห็นว่าได้เปรียบจริงๆ จะเป็นเรื่องของขนาดตัวรถที่กระทัดรัดกว่า ส่งผลโดยตรงต่อการขับขี่ในเมืองที่มีพื้นที่จำกัด เพราะสามารถขึ้น-ลงตามตึกต่างๆ ได้ง่ายกว่าพอควร อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ต้องแลกกับเทคโนโลยีของรถที่ต้องยอมรับว่าฝั่ง Tesla ยังทำได้เหนือกว่าครับ โดยเฉพาะอัตราสิ้นเปลืองพลังงานที่ Tesla ทำได้ดีกว่าถึง 22% แม้ตัวรถจะมีขนาดใหญ่กว่าก็ตามที

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน