วิธีวางแผนการเงินเพื่อซื้อรถ สำหรับมนุษย์เงินเดือน Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

วิธีวางแผนการเงินเพื่อซื้อรถ สำหรับมนุษย์เงินเดือน

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 17 June 2568

รถ เป็นสิ่งที่หลายๆ คนมีความต้องการอยากได้มาครอบครอง เพราะมันช่วยทำให้การใช้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่จะรู้ได้ไงว่ารถคันนั้น มีความจำเป็นมากแค่ไหน หากคิดว่าจำเป็น แล้วต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงเหมาะสม?


เรื่องต้องทราบ ก่อนซื้อรถ

สิ่งที่ต้องทราบก่อนซื้อรถสักคัน นั่นคือการประเมินถึงความจำเป็นในการซื้อรถของเราว่า "มันมีความจำเป็นต้องมีรถจริงๆ หรือไม่?" หากคุณอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีระบบขนส่งสาธารณะที่หลากหลายอยู่แล้ว อาทิเช่น รถไฟฟ้า, รถเมล์, แท็กซี่, มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งบางครั้งอาจสะดวกและประหยัดกว่าการใช้รถยนต์ส่วนตัว

หากเราพิจารณาแล้วว่า การใช้รถช่วยให้ชีวิตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ลดเวลาเดินทางไปทำงาน/ส่งลูก, ทำให้ไปทำธุรกิจได้สะดวกขึ้น, หรือใช้ขนส่งสินค้าถึงจำเป็นจริงๆ เรามาเริ่มวางแผนกันว่าจะตัดสินใจซื้อรถแบบไหนดี?

 

ดีไซน์ภายใน AION UT

 

รถที่เหมาะสม ควรเป็นรุ่นไหน?

การเลือกรถที่เหมาะสมนั้น ควรคำนึงถึง "รูปแบบการใช้งาน และงบประมาณ" เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าซื้อรถมาไม่ถูกโจทย์การใช้งาน คุณก็อาจจะไม่ค่อยได้ใช้งานมัน และโจทย์ที่สำคัญคืองบประมาณ ต้องสอดคล้องกันกับรายได้ประจำของคุณ เพื่อทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ใช่เป็นภาระทางการเงินก้อนใหญ่ ที่อาจสร้างปัญหาได้ในอนาคต

 

AION UT

 

วางแผนการเงิน เพื่อซื้อรถ

การวางแผนการเงินก่อนซื้อรถ เป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆ เพราะมันทำให้คุณสามารถรู้ได้ว่า คุณเหมาะสมกับรถแบบไหน ในงบประมาณเท่าใด เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการเงินที่ใหญ่เกินไปในอนาคต

โดยทั่วไปแล้วควรคำนึงมาจากรายจ่ายต่อเดือนที่คุณมี อาทิเช่นค่าเช่า/ผ่อนบ้าน, ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง, ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ

หักลบเข้ากับรายได้ต่อเดือนในปัจจุบัน เพื่อมาดูกันว่าคุณมีเงินคงเหลือเพียงพอที่จะซื้อรถได้ไหม หากซื้อจะเป็นรูปแบบซื้อเงินสด หรือจัดไฟแนนซ์ 

โดยการซื้อรถแบบจัดไฟแนนซ์ เป็นรูปแบบการซื้อรถที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ออกไป ก็สามารถได้รถมาใช้งานก่อนได้เลย และใช้วิธีการผ่อนชำระเป็นรายเดือนไป

ซึ่งค่างวดการผ่อนชำระรายเดือนนั้น ไม่ควรเกิน 30% ของรายได้ประจำของคุณ เพราะอย่าลืมว่าการซื้อรถสักคัน ไม่ได้จบแค่ค่างวดผ่อนชำระ แต่ยังมีเรื่องของค่าบำรุงรักษา, ค่าประกันภัย และภาษีอีกด้วย

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราจะยกตัวอย่างจากพนักงานบริษัทที่ทำงานในกรุงเทพฯ เงินเดือน 20,000 บาท

 

เงินเดือน 20000 ซื้อรถ

 

ขั้นตอนการวางแผนการเงิน เพื่อซื้อรถ

  1. ประเมินรายรับ-รายจ่ายในปัจจุบันอย่างละเอียด
  2. กำหนดงบประมาณสำหรับซื้อรถและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
  3. การออมเงินเพื่อจ่ายเงินดาวน์ หรือซื้อเงินสด รวมถึงค่าใช้จ่ายเบื้องต้น
  4. การบริหารหนี้สิน
  5. เงินสำรองฉุกเฉิน

 

Black Yaris

 

ขั้นตอนการวางแผน:

1. ประเมินรายรับ-รายจ่ายปัจจุบันอย่างละเอียด:

  • รายรับ: 20,000 บาท
  • รายจ่าย: ต้องเขียนออกมาให้หมดว่าแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง (ค่าเช่า/ผ่อนบ้าน/หอ, ค่าเดินทางปัจจุบัน, ค่าอาหาร, ค่าโทรศัพท์, ค่าใช้จ่ายส่วนตัว, ค่างวดหนี้อื่นๆ)
  • เงินเหลือต่อเดือน: (รายรับ - รายจ่าย) เพื่อดูว่ามีเงินเหลือเก็บเท่าไหร่

ตัวอย่างการประเมินรายจ่าย (สมมติ):

  • ค่าที่พัก (หอพัก/ห้องเช่า): 5,000 บาท
  • ค่าเดินทาง (BTS/MRT/รถเมล์): 2,000 บาท
  • ค่าอาหาร: 6,000 บาท
  • ค่าโทรศัพท์/อินเทอร์เน็ต: 500 บาท
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว (ช้อปปิ้ง, สันทนาการ): 2,000 บาท
  • ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด/ฉุกเฉิน: 1,000 บาท
  • รวมรายจ่ายโดยประมาณ: 16,500 บาท
  • เงินเหลือต่อเดือน: 20,000 - 16,500 = 3,500 บาท

 

MG EP Plus

 

2. กำหนดงบประมาณสำหรับรถยนต์และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง:

สำหรับเงินเดือน 20,000 บาท การซื้อรถใหม่ราคา 500,000-600,000 บาท อาจจะตึงมากครับ โดยทั่วไป ค่างวดผ่อนรถยนต์ไม่ควรเกิน 30-40% ของเงินเดือน แต่สำหรับเงินเดือน 20,000 บาท อาจจะต้องพิจารณาให้ค่างวดอยู่ในระดับที่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะตามมาได้ด้วย

ค่าใช้จ่ายหลักที่ต้องพิจารณา:

  • เงินดาวน์: แนะนำให้มีเงินดาวน์อย่างน้อย 15-20% ของราคารถ เพื่อลดภาระค่างวดต่อเดือน
    • ถ้าซื้อรถ 500,000 บาท ควรมีเงินดาวน์ 75,000 - 100,000 บาท
    • ถ้าซื้อรถมือสองราคา 200,000 บาท ควรมีเงินดาวน์ 30,000 - 40,000 บาท (ซึ่งจะเหมาะสมกว่า)
  • ค่างวดผ่อนรถ:
    • สมมติผ่อนรถ 400,000 บาท (ส่วนที่เหลือจากเงินดาวน์) ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ผ่อน 7 ปี (84 งวด)
    • ค่างวดจะตกประมาณ 5,000 - 6,000 บาทต่อเดือน (ตัวเลขจะขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยและระยะเวลาผ่อน)
  • ค่าประกันภัยรถยนต์: ปีละประมาณ 15,000 - 25,000 บาท (ขึ้นอยู่กับประเภทรถและประเภทประกัน) หรือเฉลี่ยเดือนละ 1,250 - 2,000 บาท
  • ค่าภาษีรถยนต์และ พ.ร.บ.: ปีละประมาณ 1,500 - 3,000 บาท (ขึ้นอยู่กับขนาดเครื่องยนต์) หรือเฉลี่ยเดือนละ 125 - 250 บาท
  • ค่าพลังงาน: ขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละวันและราคาเชื้อเพลิง (สมมติวิ่งในเมือง 500-1,000 กม./เดือน) อาจตกเดือนละ 2,000 - 4,000 บาท หรือถ้าเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ค่าพลังงานจะอยู่ที่ 250 - 500 บาท/เดือน หรือถ้าเป็นรถจักรยานยนต์ ก็จะอยู่ที่ 500 - 1,000 บาท/เดือน
  • ค่าบำรุงรักษาและซ่อมบำรุง: โดยเฉลี่ยปีละ 5,000 - 10,000 บาท หรือเดือนละ 400 - 800 บาท สำหรับรถใหม่ช่วงแรกจะมีค่าบำรุงรักษาน้อยกว่า ส่วนรถมือสอง จะมีค่าบำรุงรักษาที่สูงกว่า ในกรณีได้รถที่อาจมีสภาพไม่สมบูรณ์มาก หรือมีอายุมาก
  • ค่าที่จอดรถ: ในกรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้สูงมาก โดยเฉพาะในย่านธุรกิจหรือคอนโดมิเนียม บางครั้งอาจถึงเดือนละ 1,000 - 2,000 บาท หรือมากกว่านั้น
  • ค่าทางด่วน: หากใช้ทางด่วนบ่อยๆ ก็เป็นอีกหนึ่งค่าใช้จ่ายที่ต้องคำนึงถึง
  • ค่าล้างรถ/ดูแลรถ: เดือนละ 300 - 500 บาท

รวมค่าใช้จ่ายรถยนต์ต่อเดือน (โดยประมาณ):

  • ค่างวดผ่อน: 5,000 - 6,000 บาท
  • ประกันภัย (เฉลี่ย): 1,500 บาท
  • ภาษี/พ.ร.บ. (เฉลี่ย): 200 บาท
  • ค่าน้ำมัน: 2,000 - 4,000 บาท
  • ค่าบำรุงรักษา (เฉลี่ย): 500 บาท
  • ค่าที่จอดรถ: 1,000 - 2,000 บาท (ถ้ามี)
  • รวมประมาณ: 10,200 - 15,700 บาท (ยังไม่รวมค่าทางด่วน/ล้างรถ)

จะเห็นได้ว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ต่อเดือนค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับเงินเดือน 20,000 บาท

 

Honda City Turbo Engine

 

3. การออมเงินเพื่อเงินดาวน์และค่าใช้จ่ายเริ่มต้น:

จากตัวอย่างสมมติ มีเงินเหลือเก็บเดือนละ 3,500 บาท

  • ถ้าต้องการเงินดาวน์ 75,000 บาท จะใช้เวลาเก็บเงินประมาณ 75,000/3,500 = 21.4 เดือน (เกือบ 2 ปี)
  • ระหว่างนี้ อาจต้องพยายามหารายได้เสริม หรือลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ไม่จำเป็น เพื่อให้เก็บเงินได้เร็วขึ้น อาทิเช่น ทำงานฟรีแลนซ์ หรือขายของออนไลน์, ทำนายหน้า เป็นต้น

4. การบริหารหนี้สินและเครดิต:

  • ก่อนยื่นขอสินเชื่อรถยนต์ ควรมั่นใจว่าไม่มีหนี้เสีย และประวัติเครดิตบูโรดี เพื่อทำให้การยื่นกู้สินเชื่อผ่าน
  • ลดภาระหนี้สินอื่นๆ ให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระ

5. เตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน:

  • นอกเหนือจากเงินดาวน์และค่าใช้จ่ายรายเดือนรถยนต์ ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เผื่อกรณีฉุกเฉิน เช่น ตกงาน, เจ็บป่วย, รถเสีย

 

BYD DOLPHIN

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับคนทำงานกรุงเทพฯ เงินเดือน 20,000 บาท:

  1. พิจารณารถยนต์มือสอง: การซื้อรถยนต์มือสองสภาพดี ราคา 200,000 - 300,000 บาท จะช่วยลดภาระเงินดาวน์และค่างวดลงได้มาก ทำให้มีเงินเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ มากขึ้น แต่ต้องพิจารณาเรื่องค่าบำรุงรักษาที่อาจจะสูงกว่ารถใหม่
  2. ลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น: พิจารณาลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เช่น ค่ากาแฟ, การทานข้าวนอกบ้าน, การช้อปปิ้งที่ไม่จำเป็น
  3. หารายได้เสริม: การหารายได้เสริม เช่น ขายของออนไลน์, สอนพิเศษ, งานฟรีแลนซ์ จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและลดระยะเวลาการเก็บเงินดาวน์
  4. ใช้ขนส่งสาธารณะคู่ไปกับการใช้รถ: บางวันหากเดินทางไปในเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดิน ก็ยังคงใช้ขนส่งสาธารณะต่อไป เพื่อประหยัดค่าน้ำมันและค่าที่จอดรถ
  5. คำนวณค่าเสื่อมราคา: รถยนต์มีค่าเสื่อมราคาที่ค่อนข้างสูง ต้องทำใจในส่วนนี้ด้วย
  6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจเรื่องใด สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หรือพนักงานสินเชื่อของธนาคาร/บริษัทไฟแนนซ์ เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม

 

Toyota Yaris

 

สรุป การวางแผนการเงินเพื่อซื้อรถ

โดยสรุปแล้ว การซื้อรถยนต์ด้วยเงินเดือน 20,000 บาท ในกรุงเทพฯ เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ต้องมีการวางแผนการเงินที่รัดกุมมาก และอาจจะต้องเสียสละบางอย่างในชีวิตประจำวันเพื่อเก็บออมเงิน สิ่งสำคัญคือการประเมินความจำเป็นและความสามารถในการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จะตามมากับการมีรถยนต์ครับ

หากเป็นไปได้ ลองพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ เช่น รถยนต์มือสอง หรือรถจักรยานยนต์ ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ

 

Autospinn เว็บไซต์รายงานข่าวรถยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า รถมอเตอร์ไซค์ เช็กวันเปิดตัวรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน และรีวิวรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยทีมงานมืออาชีพ
ซื้อ-ขาย รถมือสอง ได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยชัวร์ ต้องที่ ตลาดรถ One2car


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ