ชวนคุยเรื่องการเตรียมความพร้อมขับรถหน้าฝน และ 8 เทคนิค ขับยังไงให้ปลอดภัยท่ามกลางสายฝน อะไรที่ควรทำและไม่ควรทำ
เตรียมรถให้พร้อมก่อนลุยฝน
"ฝนตกอีกแล้ว คืนนี้คงหนาวกว่าคืนไหนๆ..." พอเข้าหน้าฝนทีไร เลดี้นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาเลย และที่น่ากลัวกว่าความหนาว ก็คือความปลอดภัยขณะขับขี่ท่ามกลางสายฝนนี่แหละ ดังนั้นแล้วเราควรเตรียมความพร้อมทุกครั้งก่อนสตาร์ทรถ และตรวจเช็คสภาพรถเบื้องต้นเมื่อเข้าสู่หน้าฝน ดังต่อไปนี้
- ยางรถยนต์ เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะต้องสัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง ดังนั้นควรสังเกตุความลึกของดอกยาง ซึ่งไม่ควรต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร เพื่อช่วยในการรีดน้ำออกจากหน้ายาง และการยึดเกาะถนน รวมถึงควรเช็คลมยางให้มีแรงดันตามมาตรฐานด้วย
- ระบบเบรก ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผ้าเบรกยังมีความหนาอยู่ และยังคงใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่เสมอ
- ที่ปัดน้ำฝน เช็คยางปัดน้ำฝนให้อยู่ในสภาพดีตลอดเวลา ไม่แข็งกระด้างหรือฉีกขาด สามารถปัดน้ำออกจากกระจกได้หมดจดโดยไม่ทิ้งรอยฝ้า
- ระบบไฟส่องสว่าง ตรวจเช็คระบบไฟทั้งหมด เช่น ไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเบรก และไฟเลี้ยว ว่าใช้งานได้ครบทุกดวง เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นคุณได้ชัดเจน
ขับขี่ปลอดภัยท่ามกลางสายฝนด้วย 8 เทคนิค
- ลดความเร็วลงทันที ประมาณ 20-30% จากความเร็วที่ใช้ปกติ เพราะการขับช้าลงจะทำให้ยางมีเวลาในการรีดน้ำและเกาะถนนได้ดีขึ้น ทำให้มีเวลาในการตัดสินใจเพื่อการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน
- ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างน้อย 2 เท่า เพราะถนนที่เปียกลื่นจะใช้ระยะทางในการเบรกยาวกว่าปกติมาก การเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าเดิม 2-3 เท่า จะช่วยให้คุณมีระยะเบรกที่ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการชนท้ายได้
- เปิดไฟหน้าเสมอ ถึงแม้จะเป็นช่วงกลางวันที่มีฝนตกปรอยๆ ก็ตาม การเปิดไฟหน้าจะช่วยให้รถคันอื่น ทั้งที่สวนมาและที่ตามหลัง มองเห็นรถของคุณได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้ทั้งตัวเองและผู้อื่น
- หลีกเลี่ยงการเบรกและหักเลี้ยวกะทันหัน โดยใช้เท้าขวาของคุณอย่างนุ่มนวลที่สุด ทั้งการเหยียบคันเร่งและการแตะเบรก ควรทำอย่างช้าๆ และราบรื่น เพราะการเบรกหรือหักเลี้ยวอย่างกะทันหัน อาจทำให้รถเสียการทรงตัวและลื่นไถลได้ง่าย
- จับพวงมาลัยให้มั่นคงด้วยสองมือ การจับพวงมาลัยด้วยสองมือจะช่วยให้คุณควบคุมรถได้ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านแอ่งน้ำหรือจุดที่ถนนไม่เรียบ ซึ่งอาจทำให้พวงมาลัยสะบัดได้
- ระวังเหินน้ำ ซึ่งอาการนี้เกิดขึ้นเมื่อยางไม่สามารถรีดน้ำได้ทัน ทำให้รถลอยขึ้นบนผิวน้ำและสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง
- วิธีสังเกตุอาการ คือ รู้สึกว่าพวงมาลัยเบาผิดปกติ, เสียงน้ำดังกว่าเดิม, รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นแต่ความเร็วไม่เพิ่ม
- วิธีแก้ไข คือ ห้ามเหยียบเบรกกะทันหันเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถหมุน ให้ค่อยๆ ถอนเท้าออกจากคันเร่ง จับพวงมาลัยให้มั่นคงและพยายามประคองทิศทางรถให้ตรงไปข้างหน้า เมื่อรู้สึกว่ารถกลับมายึดเกาะถนนแล้ว จึงค่อยๆ ควบคุมความเร็วตามปกติ
- หลีกเลี่ยงการขับผ่านแอ่งน้ำขัง แต่ตามปกติแล้วคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใต้แอ่งน้ำนั้นมีหลุมลึกหรือสิ่งกีดขวางอะไรซ่อนอยู่ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ให้ชะลอความเร็วให้มากที่สุดแล้วค่อยๆ ขับผ่านไปช้าๆ
- ปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) เพราะระบบ Cruise Control ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาความเร็วให้คงที่ และจะไม่สามารถรับรู้ได้ว่ารถกำลังเกิดอาการเหินน้ำ ซึ่งอาจสั่งให้รถเร่งความเร็วขึ้นในจังหวะที่อันตรายที่สุด ดังนั้นควรปิดและควบคุมความเร็วด้วยตัวเอง
สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ขณะขับรถลุยฝน
ควรทำ | ไม่ควรทำ |
✅ ชะลอความเร็ว | ❌ ขับเร็วหรือจี้ท้าย |
✅ ทิ้งระยะห่าง | ❌ เบรกหรือหักหลบกะทันหัน |
✅ เปิดไฟหน้ารถ | ❌ ใช้ Cruise Control |
✅ ตรวจสอบสภาพรถ | ❌ การขับลุยแอ่งน้ำลึก |
✅ จับพวงมาลัยให้มั่น | ❌ เปิดไฟฉุกเฉินขณะขับรถ |
✅ ค่อยๆ แตะเบรก | ❌ มองข้ามอาการเหินน้ำ |
การขับรถท่ามกลางสายฝนต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ อย่าลืมเตรียมความพร้อมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ลง ก็สามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น