เมือง Iwata จังหวัด Shizuoka คือบ้านเกิดของ Yamaha Motor และเป็นสถานที่ซึ่งวัฒนธรรม “Kando” ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่วันแรกที่บริษัทถือกำเนิด และบทความนี้เราจะมาสัมผัสถึงความ "ละเอียดทุกเม็ดสี" กันที่โรงงานของยามาฮ่า ประเทศญี่ปุ่น
กว่าจะเป็น Yamaha
กว่าจะมาเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ยามาฮ่านั้น ในปี ค.ศ. 1955 Yamaha Motor ถูกแยกตัวจาก Yamaha Corporation (บริษัทผลิตเครื่องดนตรี) พร้อมตั้งสำนักงานใหญ่และโรงงานหลักที่เมือง Iwata เพื่อผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นแรกของแบรนด์ คือ YA-1 “Red Dragonfly”
โดยการนำโรงงานเก่าของ Yamaha ที่ทำเปียโนและเครื่องดนตรี พัฒนามาเป็นโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ โดยทีมงานเดิมเป็นช่างฝีมือด้านเครื่องดนตรี ที่มีโดดเด่นมากด้านงานประกอบที่ละเอียดและแม่นยำ
โดย Yamaha ยึดกฎ “ทดสอบทุกคันก่อนออกโรงงาน” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์มาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่นั้น Iwata ก็เป็นฐานแม่ของ Yamaha

โรงงาน Yamaha ญี่ปุ่น ผลิตรถรุ่นไหนบ้าง?
โรงงาน Yamaha ประเทศญี่ปุ่น รับหน้าที่ผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นสำคัญระดับโลกในกลุ่มของรถบิ๊กไบค์โดยส่วนใหญ่ และส่งออกไปทั่วโลก โดยฐาน R&D (วิจัย/วิศวกรรม) หลายส่วนตั้งอยู่ที่นี่ และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ Yamaha Motor Co., Ltd. อีกด้วย
รถ Yamaha รุ่นใดที่เคย/ยังผลิตที่ญี่ปุ่น
-
YZF-R1
-
YZF-R6
-
YZF-R7
-
YZF-R9
-
MT-07
-
MT-09
-
MT-10
-
Tenere
-
Tracer
-
FJR1300
-
XSR700
-
XSR900
-
SR400
โดยจุดเด่นของรถที่ผลิตจาก Iwata ได้ชื่อว่า “มีงานประกอบเนี๊ยบที่สุดของ Yamaha ทั้งโลก” เพราะงานซีซีสูงต้องใช้ทั้งความละเอียด + เทคโนโลยีความแม่นยำสูง

นอกจากโรงงานแล้ว ที่นี่ยังเป็นศูนย์วิศวกรรมเครื่องยนต์, วิศวกรรมโครงสร้างตัวถัง, การทดสอบสนาม (Test course), ห้องวัดกำลัง (Dyno) ซึ่งรถเกือบทุกโมเดลของ Yamaha ทั่วโลก จะถูกออกแบบที่ Iwata ก่อนส่งไปผลิตในประเทศอื่น
โรงงานรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ในประเทศญี่ปุ่น แม้จะใช้หุ่นยนต์จำนวนมากแต่ขั้นตอนสำคัญ เช่น การตั้งวาล์ว, การฟิตแบริ่ง, การทดสอบเสียงเครื่อง, การตรวจสอบเครื่องยนต์ก่อนออกไลน์ ยังทำโดย “ช่างมนุษย์” ที่ได้รับการฝึกขั้นสูง
และนอกจากนี้ ยังมีสนามทดสอบของ Yamaha อยู่ที่เมือง Kakegawa ใกล้ ๆ Iwata เป็นที่ทดสอบ Top speed, การเข้าโค้ง, ช่วงล่าง, เสียงรบกวน, การขับขี่ และระบบเบรก ซึ่งรถทุกคันจะต้องผ่านการทดสอบที่นี่ทั้งหมด
โดยรถที่ถูกผลิตออกจากโรงงานแห่งนี้ แฟนๆ Yamaha มักบอกว่าเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างไหลลื่น เนียน และที่สำคัญคืองานประกอบตัวรถยอดเยี่ยมมากๆ

โรงงานทำสี ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด
โรงงานทำสีของ Yamaha ที่ Iwata เป็นหนึ่งในหน่วยผลิตที่สำคัญที่สุดของบริษัท เพราะงานสีของ Yamaha ไม่ได้เป็นแค่ “สีสวย” แต่เป็นส่วนหนึ่งของความปลอดภัย, ความทนทาน และตัวตนของรถทุกคัน นับเป็นหนึ่งในโรงงานที่มีระบบสิ่งแวดล้อม “ไฮเทคที่สุดในญี่ปุ่น”
ด้วยความที่ Iwata เป็นฐานผลิตรถระดับ Flagship (R1, MT-10, FJR ฯลฯ) งานทำสีจึงต้องมีมาตรฐานสูงที่สุดในบรรดาโรงงาน Yamaha ทั้งหมด
โดยจุดเด่นของโรงงานทำสี จะใช้ระบบทำสีแบบ “High-Precision Robotic Painting” โดยใช้หุ่นยนต์พ่นสี (Painting Robot Arm) ที่พัฒนาร่วมกับยี่ห้อสีรายใหญ่ของญี่ปุ่น ถึงแม้ใช้หุ่นยนต์ แต่ก็ยังช่างชาวญี่ปุ่นยังเป็นผู้ควบคุมขั้นสุดท้ายในงานละเอียด เช่น การเช็กผิวเงาก่อนเคลือบ Clear Coat, การเก็บงานรายละเอียด, เก็บงานสัน, มุม, ขอบชิ้นงาน ฯลฯ


สำหรับรถระดับสูงอย่าง R1/MT-10 ใช้ระบบทำสีแบบ 3-Coat 2-Bake โดยแบ่งเป็น Base Coat → Mid Coat → Clear Coat แล้วอบสองครั้งเพื่อให้สี “ลึกและมีมิติ” ทำให้ได้สีที่เงาลึก, ทนรอยขีดข่วน, ระบายความร้อนดี, ไม่ซีดง่ายแม้โดน UV เยอะ ซึ่งใช้มาตรฐานเดียวกับอุตสาหกรรมรถยนต์
โดย Yamaha มีเทคโนโลยีสีพิเศษอย่าง “Yamaha Racing Color" โดยสีที่โด่งดังที่สุด อาทิเช่น
-
Yamaha Racing Blue (Deep Metallic Blue)
-
Icon Blue
-
Tech Black
-
Silver Ice
เป็นสีที่พัฒนาที่ Iwata และผลิตเฉพาะในไลน์ญี่ปุ่น ซึ่งงานสีเหล่านี้ต้องใช้เม็ด Metallic และ Clear Coat พิเศษ ซึ่งไม่ใช้ในโรงงานประเทศอื่น

ทุกชิ้นงานที่ผ่านงานสีจะถูกตรวจด้วย
-
Light Tunnel (คล้ายโรงงานรถยนต์ Lexus)
-
เครื่องตรวจสีแบบ Spectrophotometer
-
การตรวจด้วยแสง LED มุมเฉียงเพื่อหาจุดฝุ่นหรือรอยส้ม
-
การแช่น้ำเพื่อเช็กการยึดเกาะของ Clear Coat
โดย Yamaha เรียกมาตรฐานนี้ว่า "Perfect Surace Inspection"

การพ่นสีถังเหล็กที่เป็นเอกลักษณ์ของ Yamaha
ถังน้ำมันของรถตระกูล MT, XSR, R-series ถูกทำสีแบบ “Electrodeposition + Baked Enamel” ทำให้มีคุณสมบัติ:
-
ทนสนิมสูง
-
ผิวเรียบมาก
-
สีแน่นกว่าอะไหล่พลาสติก


นอกจากนี้ยังมี ห้องทดลองสี (Paint Lab) สำหรับทดลองสีใหม่ ซึ่งใช้งานมาตั้งแต่ปี 1980 เพื่อใช้งานสำหรับทดลองสีสำหรับรุ่นใหม่ก่อนผลิตจริง, ทดสอบความทน UV แบบ 5 ปีใน 1 เดือน, ทดสอบความชื้น/ไอเกลือเพื่อดูการกัดกร่อน, จำลองฝนกรด และความทนสารเคมี เช่น น้ำมันเบรก, เบนซิน โดย Yamaha ใช้ข้อมูลจาก Lab นี้ทั่วโลก

ระบบจัดการพลังงานอันยอดเยี่ยม
โรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ Yamaha มีระบบจัดการพลังงานแบบ Integrated Energy Management System (EMS) เพื่อควบคุมโรงงานทั้งพื้นที่ ใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยระบบสำคัญมีหลายอย่าง อาทิเช่น
มีระบบดึงความร้อนกลับมาใช้ (Waste Heat Recovery) ไลน์พ่นสี (Paint Plant) และเตาอบสี (Baking Oven) มีระบบดึงลมร้อนและไอเสียมาผ่าน Heat Exchanger โดยใช้ความร้อนที่ดึงมาได้ไปอุ่นน้ำสำหรับระบบทำน้ำร้อน เพื่ออุ่นอากาศเข้าเตาอบรอบถัดไป ช่วยระบบทำแห้ง (Drying) ลดการใช้พลังงานประมาณ 20%
ในโซนที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ เช่น Clean room, ห้องทำสี, R&D Lab ใช้ระบบปรับอากาศแบบ Inverter + Heat Pump โดยระบบ Heat Pump ช่วย ลดภาระเครื่องทำน้ำร้อน, ลดพลังงานทำความเย็น และลดการปล่อย CO₂

ใช้เตาอบสีแบบ Low-Temperature Curing
ลดอุณหภูมิการอบลงเหลือ ~140–150°C (จากเดิม 180°C)
ทำให้
-
ใช้แก๊สน้อยลง
-
ลดเวลาการอบ
-
ดีต่อสีพิเศษแปลก ๆ เช่น Icon Blue
นอกจากนี้ ยังมีระบบจัดการอากาศเสียจากงานพ่นสี โดยใช้ Regenerative Thermal Oxidizer (RTO) ทำให้ไอทินเนอร์ ไอสี ไอเคมี ถูกเผาที่อุณหภูมิสูง ช่วยลดอากาศเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม มาพร้อมระบบ Heat Exchanger ภายในดึงความร้อนกลับมาใช้ใหม่
อีกทั้งยังมีระบบควบคุมฝุ่นใน Clean Room โดยกำหนดให้ฝุ่นในไลน์ทำสีต้องต่ำมาก และมีการกรองอากาศผ่านฟิลเตอร์ HEPA, ULPA, Pre-filter ทำให้ฝุ่นในอากาศต่ำกว่ามาตรฐานการผลิต Automotive ปกติ


การขนส่งภายในโรงงาน
ใช้รถลาก/รถโฟล์คลิฟท์แบบ ไฟฟ้า, Hybrid, Hydrogen fuel cell (บางส่วนที่กำลังทดลอง) เพื่อลดการ CO₂ ภายในพื้นที่ และยังมีการใช้รถแบบไร้ขนขับในการขนส่งอะไหล่ด้วย
การจัดการน้ำเสีย
โรงงาน Yamaha มีระบบบำบัดน้ำเสียภายในแบบครบวงจร และถือว่า “เข้มงวดกว่ามาตรฐานญี่ปุ่น” ในหลายส่วน โดยมีการแยกประเภทน้ำเสียก่อนเข้าระบบ อาทิเช่น
-
น้ำจากกระบวนการพ่นสี
-
น้ำล้างสี
-
น้ำจากไลน์ประกอบ
-
น้ำล้างพื้น
-
น้ำเสียทั่วไปจากพนักงาน
โดยน้ำแต่ละชนิดต้องผ่านกระบวนการบำบัดน้ำโดยเฉพาะของตัวเอง ประกอบด้วยระบบบำบัดหลัก 3 เทคโนโลยี
1. แบบเคมี (Chemical Treatment)
ใช้ในโซนงานสี เช่น
-
การตกตะกอนเม็ดสี
-
แยกสารละลาย
-
การปรับค่า pH
2. แบบชีวภาพ (Biological Treatment) สำหรับน้ำเสียทั่วไป
3. ระบบ Ultrafiltration + Activated Carbo ขั้นสุดท้ายเพื่อให้น้ำสะอาดมากพอที่จะปล่อยลงแม่น้ำท้องถิ่น หรือหมุนเวียนกลับใช้ ซึ่งมีมาตรฐานทิ้งน้ำสูงกว่า Japanese Water Pollution Control Law เสียอีก

นอกจากนี้ ยังมีระบบรีไซเคิลน้ำ (Water Recycling System) โดยน้ำบางส่วนถูกนำกลับไปใช้ล้างชิ้นงานหรือใช้ในระบบหล่อเย็น หรือใช้รดต้นไม้/สวนในโรงงาน ซึ่งที่โรงงานนี้ มีอัตรารีไซเคิลน้ำเฉลี่ย 40–60% ตามฤดูกาล
อีกทั้งยังมีการซื้อพลังงานหมุนเวียนจากผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนหลายแห่งของญี่ปุ่น ทั้งไฟฟ้าพลังน้ำ, ไฟฟ้าจากกังหันลม และไฟฟ้าชีวมวล โดยเป็นหนึ่งในโรงงานที่เข้าร่วม Yamaha Carbon Neutral Plan 2050
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน

ความคิดเห็น