การเตรียมรถให้พร้อมก่อนเดินทางไกล ในวันหยุดยาว เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะจะทำให้เราถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย ในปัจจุบันรถยนต์ก็มีทั้งรถเครื่องยนต์สันดาบและรถไฟฟ้า EV
เตรียมรถให้พร้อมก่อนเดินทางไกลในปี 2025
สิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยและความราบรื่นตลอดทริปในการเดินทางนั้น คุณควรตรวจสอบด้วยตัวเองหรือนำรถเข้าศูนย์บริการก็ได้ และในการเช็กรถเบื้องต้น (รถสันดาบ)
1. ระบบของเหลว (Fluids)
-
น้ำมันเครื่อง: ตรวจดูระดับน้ำมันเครื่องให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และเช็คว่าใกล้ถึงระยะเปลี่ยนถ่ายหรือยัง
-
หม้อน้ำ: เช็คระดับน้ำยาหล่อเย็นในถังพักน้ำ (ควรเช็คขณะเครื่องเย็น)
-
น้ำมันเบรก: ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกให้อยู่ในระดับที่กำหนด
-
น้ำฉีดกระจก: เติมให้เต็มเสมอ เพราะการเดินทางไกลอาจเจอฝุ่นหรือแมลงจำนวนมาก (ควรใส่น้ำยาล้างกระจกด้วย)
2. ยางและระบบช่วงล่าง (Tyres & Suspension)
-
ความดันลมยาง: เติมลมยางตามค่ามาตรฐานที่ระบุข้างประตูรถ หรือเติมลมให้มากกว่าปกติเล็กน้อยถ้าเราต้องบรรทุกหนัก (อย่าลืมเช็คยางอะไหล่ด้วย)
-
สภาพยาง: ตรวจดูว่ามีรอยฉีกขาด ตะปูตำ หรือดอกยางหมดสภาพหรือไม่
-
เบรก: สังเกตว่ามีเสียงดังเวลาเบรก หรือแป้นเบรกมีความรู้สึกผิดปกติหรือไม่
3. ระบบไฟส่องสว่าง (Lights)
-
เช็คไฟหน้า (สูง-ต่ำ), ไฟท้าย, ไฟเบรก, ไฟเลี้ยว และไฟฉุกเฉิน ว่าทำงานครบทุกดวง
4. อุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Kit)
-
เตรียมสายพ่วงแบตเตอรี่, ป้ายสามเหลี่ยมเตือนภัย, แม่แรงยกรถ และชุดเครื่องมือพื้นฐานไว้ในรถเสมอ
5. สำหรับรถที่มีสัมภาระบนหลังคา (Roof Rack)
-
หากมีการติดตั้งแร็คหลังคาควรตรวจเช็คจุดยึดให้แน่นหนา และจัดวางสัมภาระให้สมดุลเพื่อไม่ให้รถเสียการทรงตัวขณะเข้าโค้ง
ในส่วนของการเตรียมรถไฟฟ้า (EV) สำหรับเดินทางไกลมีความละเอียดกว่ารถน้ำมันเล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องการบริหารพลังงานและจุดชาร์จ นี่คือ Checklist สำคัญที่คุณควรทำ

1. วางแผนเส้นทางและจุดชาร์จ (สำคัญที่สุด)
-
หาจุดชาร์จสำรอง: อย่าหวังพึ่งสถานีเดียว ควรมีแผน B และ C ในรัศมีที่รถไปถึงหากสถานีแรกเสียหรือคิวยาว
-
ใช้แอปพลิเคชันช่วย: เช่น PlugShare, MEA EV, PEA VOLTA หรือแอปของค่ายรถ เพื่อเช็กสถานะตู้ชาร์จแบบ Real-time
-
จองคิวล่วงหน้า: หากแอปไหนรองรับการจอง (Booking) ควรจองไว้ล่วงหน้าเพื่อประหยัดเวลา
-
ไม่ต้องรอให้ไฟหมดค่อยชาร์จควร เสียบชาร์จทุกครั้งเมื่อมีโอกาส
2. ตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่และระบบไฟ
-
ชาร์จให้เต็ม 100%: เฉพาะวันที่ต้องเดินทางไกล (ปกติแนะนำ 80%) เพื่อให้ได้ระยะทางสูงสุดตั้งแต่ออกจากบ้าน
-
เช็กแรงดันลมยาง: รถ EV มีน้ำหนักมากจากแบตเตอรี่ ลมยางที่อ่อนเกินไปจะทำให้กินไฟมากขึ้นและเสี่ยงยางระเบิด ควรเติมตามสเปกข้างประตูรถ
-
อัปเดตซอฟต์แวร์: ตรวจสอบว่าระบบนำทางและซอฟต์แวร์ตัวรถเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือยัง
3. ตรวจเช็กระบบพื้นฐานอื่นๆ
-
ระบบเบรกและช่วงล่าง: ตรวจดูผ้าเบรกและรอยรั่วซึมต่างๆ
-
น้ำยาฉีดกระจกและใบปัดน้ำฝน: ทัศนวิสัยสำคัญมากในการขับทางไกล
-
สายชาร์จพกพา (Emergency Charger): ติดรถไว้เสมอ เผื่อกรณีฉุกเฉินที่ต้องชาร์จกับไฟบ้าน
4. เทคนิคการขับขี่เพื่อประหยัดพลังงาน
-
ความเร็วคงที่: การขับเร็วเกิน 100-110 กม./ชม. จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติอย่างมาก
-
ใช้ระบบ Regenerative Braking: ช่วยดึงพลังงานกลับเข้าแบตเตอรี่ตอนถอนคันเร่งหรือลงเขา
-
สัมภาระ: ไม่ควรบรรทุกของที่ไม่จำเป็น เพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อระยะทาง (Range)
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น