Riddara RD6 vs Toyota Hilux Travo-e ใครคือกระบะไฟฟ้าตัวจบ?

รถกระบะไฟฟ้า อีกทางเลือกของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีให้เลือกในบ้านเรา ด้วยคุณสมบัติการบรรทุกแบบรถกระบะ กับพลังงานไฟฟ้า ทำให้มีความอเนกประสงค์ในการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง

รถกระบะไฟฟ้า

รถกระบะไฟฟ้า นับเป็นยานยนต์ไฟฟ้ารูปแบบที่มีความอเนกประสงค์สูงมาก เนื่องด้วยมาพร้อมคุณสมบัติการบรรทุกหนักได้ตามสไตล์รถกระบะ และยังได้ความอเนกประสงค์ตามสไตล์แบบรถยนต์ไฟฟ้า

โดยคุณสมบัติหลักๆ ของรถกระบะไฟฟ้าคือ ได้แรงบิดที่สูงมากตั้งแต่ช่วงเริ่มออกตัว และยังมีคุณสมบัติการปล่อยกระแสไฟฟ้าออกสู่ภายนอกได้ เรียกได้ว่าเปลี่ยนรถเป็น Powerbank เคลื่อนที่ได้ด้วย

โดยรถที่มีคุณสมบัตินี้ หลักๆ ในไทยจะมี 2 แบรนด์คือ Riddara แบรนด์รถกระบะไฟฟ้าชั้นนำสัญชาติจีน ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย 2 รุ่น ได้แก่ Riddara RD6

ส่วนเจ้าตลาดรถกระบะอย่าง Toyota ก็ไม่น้อยหน้า ส่ง Toyota Hilux Travo-e รถกระบะไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่จัดจำหน่ายสำหรับบุคคลทั่วไปเป็นครั้งแรก โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดขึ้นมาจาก Toyota Hilux Revo-e ที่ถูกใช้งานในเชิงพาณิชย์มาสักระยะใหญ่ๆ

โดยเจ้า Travo-e นี้ พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกันกับ Travo รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลที่จัดจำหน่ายอยู่ ณ ตอนนี้ โดยเปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,491,000 บาท

Toyota Hilux Travo-e โดดเด่นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ทำระยะทางขับขี่ได้สูงสุด 315 กม./ชาร์จ มาตรฐาน NEDC

ส่วน Riddara มีรถกระบะหลากหลายรุ่น โดยหากเทียบในงบเดียวกันกับ Toyota คุณสามารถเข้าถึง Riddara RD6 รุ่นท็อป เรียกได้ว่าใส่ออปชั่นมาเต็มๆ มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในราคา 1,299,000 บาท หรือถูกกว่ากันถึง 200,000 บาท

คราวนี้ ถ้าเราจะตัดสินใจซื้อสักคันหนึ่งล่ะ ควรเลือกใครดี มาลองดูข้อมูลทางเทคนิคประกอบการพิจารณา

เมื่อเรามามองดูกันที่ขนาดรถ จะเห็นได้ว่าแทบไม่ได้แตกต่างกันมากนักในทุกมิติ แต่จุดที่แตกต่างกันชัดเจนนั่นคือกำลังขับเคลื่อน โดยฝั่ง Riddara RD6 4WD มีกำลังมากกว่า 400 แรงม้า และมีแรงบิดเกือบ 600 นิวตันเมตร แม้ทั้งคู่จะใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเหมือนกัน แต่ไส้ในการขับเคลื่อนนั้นต่างกัน โดยฝั่ง Travo-e จะไม่สามารถเลือกไปใช้การขับเคลื่อน 2 ล้อได้ ขณะที่ Riddara RD6 สามารถเลือกขับเคลื่อน 2 ล้อได้

ส่วนด้านพละกำลังนั้น Riddara RD6 แรงกว่า Travo-e กว่าเท่าตัวเลยทีเดียว และยังสามารถขับได้ไกลกว่าถึง 45%

ด้านการชาร์จแบตเตอรี่ ฝั่ง Toyota ให้สเปคมาดีกว่าพอควร ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จ AC แบบ 3 เฟส 10kW และการชาร์จ DC 125 kW แม้ว่าตัวแรงดันไฟฟ้าจะค่อนข้างต่ำ แต่ว่าให้ค่ากระแสไฟฟ้าสูง ทำให้ยังพอชาร์จได้เร็ว แต่ต้องชาร์จไฟฟ้าที่ตู้ชาร์จที่จ่ายกระแสไฟฟ้ามากกว่า 400 แอมป์ จึงจะได้กำลังสูงสุด

ส่วนพื้นที่บรรทุกสัมภาระนั้น ใกล้เคียงกัน และแน่นอนว่าราคาจำหน่ายของ Riddara RD6 นั้นถูกกว่าราวๆ 200,000 บาท

ความอเนกประสงค์ในการใช้งาน

หากคุยกันเรื่องความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ยังโอเคอยู่ว่าทั้งคู่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นปล่อยไฟฟ้าภายนอก V2L เช่นกัน ทว่าฝั่งของ Riddara RD6 จะโหดกว่าตรงที่สามารถใช้ได้สูงถึงระดับ 15kW เมื่อใช้งานร่วมกันอุปกรณ์เสริม ทำให้สามารถปล่อยไฟได้เยอะมากพอที่จะใช้งานกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูงๆ ได้ อาทิเช่นใช้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอีกคันหนึ่งได้เลย

บริการหลังการขาย

ด้านบริการหลังการขาย แน่นอนว่าฝั่งของ Toyota Hilux Travo-e ได้เปรียบกว่าแน่นอน เพราะเป็นรถที่ผลิตในประเทศไทย อีกทั้งยังใช้อะไหล่หลายส่วนร่วมกันกับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้เรื่องอะไหล่ใหม่ กรณีต้องซ่อมรถเกิดอุบัติเหตุ ค่อนข้างหายห่วงมากกว่าฝั่ง Riddara ชัดเจน

ประกอบกับศูนย์ Toyota มีจำนวนเยอะกว่ามากๆ ทำให้เรื่องหลังการขายนั้นมีความน่าไว้วางใจมากกว่าชัดเจนครับ

ซึ่งถ้า Riddara สามารถทำบริการหลังการขายได้แข็งแกร่งเท่ากับ Toyota บอกเลยว่าด้วย

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน