หากคุณคิดว่า BMW R 1250 GS คือรถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดแล้ว R 1300 GS คือรถคันที่ยกระดับความยอดเยี่ยมนั้นไปให้เหนือชั้นอีกขั้น
BMW R 1300 GS
BMW R 1300 GS คือรถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก BMW Motorrad โดยเป็นการอัพเกรดความสุดยอดของ BMW R 1250 GS ให้เหนือชั้นไปอีกขั้น ทั้งด้านพละกำลังที่มากกว่า, น้ำหนักที่เบากว่า, การควบคุมที่ง่ายมากยิ่งขึ้น, ระบบอำนวยความสะดวกที่เหนือชั้นมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับขี่ที่เหนือระดับมากกว่าเดิม หากคุณคิดว่า R 1250 GS คือรถที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว R 1300 GS คือรถที่ยอดเยี่ยมไปมากกว่านั้น
หากพูดถึง BMW GS นับว่ามีอายุอานามมากว่า 43 ปีแล้ว ที่ BMW Motorrad สร้างรถมอเตอร์ไซค์สำหรับการขับขี่แบบ Enduro โดยเริ่มต้นจากรุ่น R 80 G/S ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ Boxer สายลุยพันธุ์แท้ อันเป็นผู้นำในการแข่งขันรถจักรยานยนต์มาอย่างยาวนาน โดยสำหรับ R 1300 GS นี้ แม้ยังคงรหัส GS เช่นเดิม แต่มาพร้อมกับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักลดลงไปมากถึง 12 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับ R 1250 GS

ราคา BMW R 1300 GS
ราคาจำหน่ายของ BMW R 1300 GS ในประเทศไทย มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อยด้วยกัน เริ่มต้น 1,125,000 บาท
- BMW R 1300 GS ราคา 1,125,000 บาท
- BMW R 1300 GS Trophy ราคา 1,125,000 บาท
- BMW R 1300 GS Option 719 ราคา 1,205,000 บาท
สำหรับรุ่นรถที่เรารีวิวในบทความนี้ จะเป็นรุ่นย่อย Option 719 ราคา 1,205,000 บาท ที่มาพร้อมกับสีพิเศษ และอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมที่แตกต่างจากรุ่นทั่วไป

R 1300 GS ออกแบบใหม่ทั้งหมด
การออกแบบตัวรถ BMW R 1300 GS ถูกรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานออกแบบภายนอกที่มีรูปลักษณ์แตกต่างจาก DNA ดั่งเดิมของ GS Series ทั้งหมด เพื่อรีดประสิทธิภาพของรถคันนี้ให้ยอดเยี่ยมมากไปอีกขั้น และต้องควบคุมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น น้ำหนักตัวรถที่เบาขึ้น

ไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด ปิดตำนานไฟหน้าตาเหล่ด้วยทรงตัว X มาพร้อมกับเรดาร์สำหรับระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน

ช่วงล่างด้านหน้า ใช้ชุดช่วงล่างแบบใหม่ในชื่อ EVO Telelever ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีความแข็งแรงสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า พร้อมช่วงล่างหลัง EVO Paralever ที่ปรับปรุงใหม่ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการบังคับเลี้ยว และมีความเสถียรในการขับขี่มากขึ้น ส่วนชุดเฟรมด้านหลัง จากเดิมที่เป็นท่อเหล็กปรับเป็นอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป

ล้ออัลลอยแบบซี่ลวดชนิดไม่มียางใน รัดยางขนาด 120/70 R19 ชนิดไม่มียางใน ระบบเบรกใช้ดิสก์เบรกคู่ มาพร้อมกับปั้มเบรกจำนวน 4 พอต

ชิวบังลมปรับไฟฟ้าดีไซน์ใหม่ ส่วนการ์ดแฮนด์มีการติดตั้งไฟเลี้ยวมาให้ในตัว

กระจกมองข้าง มาพร้อมกับไฟเตือนมุมอับสายตา


หน้าจอแบบ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว บอกข้อมูลการขับขี่ครบครัน และใช้ควบคุมการทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งหมดของตัวรถผ่านหน้าจอตัวนี้


หน้าจอแสดงผลเป็นภาษาไทย และสามารถเปลี่ยนเป็นภาษาอื่นๆ ได้

ประกับแฮนด์ซ้าย

ประกับแฮนด์ขวา คันเร่งไฟฟ้า

กล่องเก็บของบริเวณด้านบนของถังน้ำมัน มาพร้อมกับช่องเสียบ USB และพัดลมระบายความร้อน สามารถเก็บมือถือ iPhone 15 Pro พร้อมเสียบสายชาร์จขณะขับขี่ได้ โดยมีซีลยางป้องกันน้ำและฝุ่น พร้อมยางกันลื่นมาให้ภายใน

ถังน้ำมันขนาดความจุ 19 ลิตร


เบาะนั่งแบบ 2 ตอน แยกส่วนของผู้ขับขี่และผู้ซ้อนออกจากกัน โดยเบาะผู้ขับขี่มีความสูงจากพื้น 850 มม. มาพร้อมกับจุดรองรับการติดตั้งอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระเพิ่มเติม

ขาตั้งคู่ไฟฟ้า หนึ่งเดียวในคลาสนี้ ซึ่งช่วยทำให้สามารถนำรถขึ้นขาตั้งคู่ได้ง่ายขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า

พักเท้า Option 719

ไฟท้ายแบบ LED พร้อมเรดาร์ของระบบเตือนมุมอับสายตา

BMW R 1300 GS ยังคงอัตลักษณ์ของเครื่อง Boxer ด้วยเพลาขับเคลื่อน ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกพร้อมปั้มเบรก 2 พอต ส่วนล้อใช้ล้ออัลลอยชนิดซี่ลวดไม่มียางใน รัดยางขนาด 170/60 R17

ท่อไอเสีย

ช่วงล่างหลัง Evo Paralever

R 1300 GS เครื่องยนต์
BMW R 1300 GS ใช้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบนอนอันเป็นเอกลักษณ์ที่ปรับปรุงมาใหม่ ให้มีขนาดกระทัดรัดมากขึ้นด้วยกระปุกเกียร์ที่อยู่ใต้เครื่องยนต์ (เดิมอยู่หลังเครื่องยนต์) และการจัดเรียงเพลาลูกเบี้ยวใหม่จนได้ขนาดเครื่องยนต์ 1,300 cc พอดิบพอดี มอบพละกำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ทำให้มันเป็นเครื่องยนต์ Boxer ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ BMW เคยใช้มาในตระกูล GS โดยน้ำหนักเครื่องยนต์และเกียร์
โดยเครื่องยนต์ สามารถมอบแรงบิดได้มากกว่า 96 นิวตันเมตร ในช่วงรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 3,600 -7,800 รอบ/นาที ซึ่งเหมาะสำหรับทุกการขับขี่ ทั้งการขับขี่ในเส้นทางออฟโรด และการขับทางไกลเป็นระยะเวลานาน เหมาะกับทั้งการขับขี่คนเดียวและมีผู้ซ้อนท้าย
และแม้ว่าเครื่องยนต์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น มีพละกำลังมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า อีกทั้งตัวเครื่องยนต์ยังมีความนุ่มนวลมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอีกด้วย
นอกจากนี้ มีการขยายเส้นผ่านศูนย์กลางของวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียใหม่ โดยวาล์วไอดีมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มม. (เดิม 40 มม.) และวาล์วไอเสีย มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 35.6 มม. (เดิม 34 มม.)

ทั้งหมดนี้ ทำให้ BMW R 1300 GS มีความยอดเยี่ยมมากกว่า R 1250 GS ในทุกมิติ ทั้งด้านพละกำลังที่มากกว่า, การควบคุมที่ง่ายกว่า ส่งผลให้มีประสิทธิภาพ และความรู้สึกในการขับขี่ที่น่าประทับใจไปมากกว่าเดิมเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่ปรับปรุงใหม่ใน BMW R 1300 GS
- เครื่องยนต์ Boxer ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมา พละกำลัง 145 แรงม้า แรงบิด 149 นิวตันเมตร
- พละกำลังที่ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกรอบเครื่องยนต์, ประหยัดน้ำมันมากขึ้น, มลพิษน้อยลง, นุ่มนวลมากขึ้น
- เฟรมใหม่
- ช่วงล่างใหม่ ด้านหน้าแบบ EVO Telelever และด้านหลัง EVO Parelever ช่วยทำให้มีความมั่นคงมากกว่าเดิม เลี้ยวแม่นกว่าเดิม
- น้ำหนักลดลง 12 กิโลกรัม
- ระบบ ABS Pro แบบเต็มระบบ
- 4 โหมดการขับขี่มาตรฐาน และสามารถเพิ่มโหมดการขับขี่ระดับโปรได้
- ช่วงล่างปรับไฟฟ้า Dynamic Suspension Adjustment (DSA) สามารถปรับแต่งได้ทั้งค่าพรีโหลด, ระยะยุบ และการคืนตัว สามารถปรับระดับอัตโนมัติตามความเร็วได้ อาทิเช่น ขณะจอดรถ ตัวรถจะย่อตัวลง และขณะขับขี่ ตัวรถจะยกตัวสูงขึ้น และยังสามารถเพิ่มความแข็งของช่วงล่างตามโหมดการขับขี่ได้
- ระบบความปลอดภัยพื้นฐานครบครัน ได้แก่ Dynamic Traction Control (DTC), Engine Drag Torque Control (MSR), Dynamic Brake Assist (DBC) และ Hill Start Control (HSC).
- ไฟหน้าแบบ Headlight Pro เปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง
- ACCระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
- FCW ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- SWW ระบบเตือนการออกนอกเลน
- แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน น้ำหนักเบา
- ช่องชาร์จโทรศัพท์มือถือ
- หน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว
- กุญแจคีย์เลส
ข้อมูลทางเทคนิค BMW R 1300 GS
เครื่องยนต์
| ประเภท | 2 สูบวางนอนชนิด Boxer 4 จังหวะ 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบ ShiftCam |
| ขนาดกระบอกสูบ (มม.) | 106.5 x 73 |
| ความจุกระบอกสูบ | 1,300 ซีซี |
| พละกำลังสูงสุด | 145 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ / นาที |
| แรงบิดสูงสุด | 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ / นาที |
| ความเร็วสูงสุด | มากกว่า 200 กม./ชม. |
| อัตราส่วนกำลังอัด | 13.3 : 1 |
| ระบบเกียร์ | 6 สปีด |
| ระบบขับเคลื่อน | เพลาขับเคลื่อน |
ตัวรถ
| เฟรม |
Two-section frame concept consisting of main frame with bolt-on rear frame, load-bearing engine |
| โช๊คหน้า | ช่วงล่างแบบ EVO Telelever ขนาด 37 มม. พร้อมโช๊คสปริงต้นกลาง ปรับแต่งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ด้วยระบบไฟฟ้า ระยะยุบ 190 มม. |
| โช๊คหลัง | ช่วงล่างแบบ EVO Paralever II โช๊คอัพสปริงเดี่ยวพร้อมซัพแท้งค์ ปรับแต่งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ด้วยระบบไฟฟ้า ระยะยุบ 200 มม. |
| เบรคหน้า | ดิสเบรคคู่ ขนาด 310 มม. พร้อมปั้มเบรค 4 พอต |
| เบรคหลัง | ดิสเบรคเดี่ยว ขนาด 285 มม. พร้อมปั้มเบรค 2 พอต |
| ยางหน้า | 120/70 R19 |
| ยางหลัง | 170/60 R17 |
มิติรถ
| ขนาด ยาว x กว้าง x สูง (มม.) | 2,212 x 1,000 x 1,406 |
| ความสูงเบาะ | 850 มม. |
| ระยะฐานล้อ | 1,518 มม. |
| ความสูงจากพื้นถึงเครื่อง | 185 มม. |
| น้ำหนักตัวพร้อมใช้งาน | 237 กก. |
| น้ำมันเชื้อเพลิง | 19 ลิตร |

ทดลองขับ BMW R 1300 GS 2024
ในส่วนของการทดสอบขับขี่ BMW R 1300 GS 2024 เราทำการทดสอบขับขี่ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการขับขี่บนทางดำ, ทางฝุ่น และเดินทางไกล เพื่อพิสูจน์สมรรถนะของตัวรถว่าทำงานเป็นอย่างไร
สัมผัสแรกกับรถคันนี้คือ มันมีน้ำหนักที่เบาะกว่ารุ่น R 1250 GS พอสมควร โดยสัมผัสได้ตั้งแต่มิติตัวรถที่เล็กกว่า, น้ำหนักตัวรถที่เบากว่า ส่วนจุดศูนย์ถ่วงต่ำ อันนี้เป็นเอกลักษณ์ของตระกูลนี้อยู่แล้ว ซึ่งส่งผลทำให้เราสามารถเข็นเคลื่อนย้ายรถได้อย่างง่ายมาก ใช้แรงน้อยกว่ารุ่นพี่อย่างชัดเจน สืบเนื่องโดยตรงมาจากการปรับตัวรถให้มีความเพรียวบางและน้ำหนักเบาลงนั่นเอง

จุดที่รถคันนี้แตกต่างจากรุ่นเดิมมากที่สุดคือประสิทธิภาพการขับขี่ล้วนๆ เพราะมันให้สัมผัสการควบคุมที่ง่ายกว่าเดิมอย่างเหลือเชื่อ เลี้ยวที่ความเร็วสูงได้คมมากกว่าเดิมประดุจรถคนละตระกูลกัน โดยมันให้สัมผัสที่ไม่ได้แพ้รถสปอร์ตแม้แต่น้อยเรียกได้ว่ารุ่นเดิมนั้น "เลี้ยวได้คมน้อยกว่าเยอะ"
บาลานซ์ของตัวรถ ทำได้ดีขึ้นในทุกย่านความเร็ว โดยเฉพาะในย่านความเร็วต่ำที่เราสัมผัสได้เลยว่ารถคันนี้มันควบคุมได้ง่ายขึ้นมากๆ ประกอบกับเครื่องยนต์ที่มีย่านกำลังกว้างมากๆ ทำให้เราสามารถลากเกียร์ได้ยาวมากกว่าเดิม
แต่มีจุดที่ต้องสังเกตุคือระบบควิกชิพเตอร์ของตัวรถนั้นค่อนข้าง "แข็งมาก" เมื่อเทียบกับ BMW R 1250 GS โดยรุ่นเดิมนั้นการเปลี่ยนเกียร์ถือว่านุ่มสบายมาก ส่วนรุ่นใหม่นี้ถือว่า "แข็ง" ซึ่งวิธีแก้คือการใส่รองเท้าขี่มอเตอร์ไซค์เท่านั้น เพราะถ้าใส่แค่รองเท้าผ้าใบบอกเลยว่า "เจ็บเท้า"

ช่วงล่าง ยังคงเต็มไปด้วยความยอดเยี่ยมเช่นเดิม โดยเฉพาะการขับขี่ในทางออฟโรดที่คุณสามารถขับออฟโรดบนความเร็วสูงได้ประดุจขับบนทางเรียบ ตัวช่วงล่างซับแรงกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม โดยรถถูกสร้างมาเพื่อให้ทุกคนสามารถขับขี่ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นมือเก๋าหรือมือใหม่ ก็สามารถควบคุมรถคันนี้ได้อย่างง่ายดาย
แต่ถ้าคุณเป็นมือเก๋า มีประสบการขี่รถมอเตอร์ไซค์สไตล์ออฟโรดมาอยู่แล้ว จะยิ่งขับรถคันนี้สนุกมากกว่าเดิมไปอีกขั้น !

คลิป รีวิว BMW R 1300 GS 2024
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น