รีวิว BMW R 1300 GSA 2025 สุดยอดยานแม่ จุติแล้ว

พูดถึงรถบิ๊กไบค์ตระกูลทัวร์ริ่ง หากคุณนึกถึงรถที่เน้นขับขี่ไปได้ในทุกเส้นทาง แน่นอนว่าชื่อของ BMW GS เป็นคำตอบอันดับต้นๆ และวันนี้รุ่นล่าสุดเขามาแล้วกับ BMW R 1300 GSA

BMW R 1300 GSA

BMW R 1300 GSA คือรถมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งแอดเวนเจอร์รุ่นใหม่ล่าสุดจาก BMW Motorrad โดยเป็นการอัพเกรดความสุดยอดของ BMW R 1250 GSA ให้เหนือชั้นไปอีกขั้น ทั้งด้านพละกำลังที่มากกว่า, การควบคุมที่ง่ายมากยิ่งขึ้น, ระบบอำนวยความสะดวกที่เหนือชั้นมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับเทคโนโลยีการขับขี่ที่เหนือระดับมากกว่าเดิม

หากคุณคิดว่า R 1250 GSA คือรถที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว R 1300 GSA คือรถที่ยอดเยี่ยมไปมากกว่านั้นด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ ASA

งานออกแบบของ BMW R 1300 GS Adventure คันนี้ จะมีความน่าดึงดูดความสนใจยิ่งกว่าเดิมไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่แตกต่างจากรุ่นน้องอย่างสิ้นเชิง แต่ยังจัดเต็มทั้งเรื่องความสะดวกสบายในการขับขี่ ท่านั่งที่สบายมากขึ้น ความสามารถในการป้องกันลม และพร้อมลุยในทุกสภาพเส้นทางมากกว่าเดิม

ผสมผสานเข้ากับการควบคุมที่มีความแม่นยำสูงอันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW R 1300 GS มาพร้อมกับช่วงล่างที่ยอดเยี่ยมมากกว่าเดิม ทำให้ทุกการเดินทางราบรื่นมากยิ่งขึ้น โดย R 1300 GSA คันนี้ จะเป็นมาตรฐานใหม่ของรถบิ๊กไบค์สายลุยไปอีกขั้น

หากพูดถึง BMW GS นับว่ามีอายุอานามมากว่า 43 ปีแล้ว ที่ BMW Motorrad สร้างรถมอเตอร์ไซค์สำหรับการขับขี่แบบ Enduro โดยเริ่มต้นจากรุ่น R 80 G/S ซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์ Boxer สายลุยพันธุ์แท้ อันเป็นผู้นำในการแข่งขันรถจักรยานยนต์มาอย่างยาวนาน โดยสำหรับ R 1300 GSA นี้ แม้ยังคงรหัส GS เช่นเดิม แต่มาพร้อมกับการออกแบบใหม่ทั้งหมด

R 1300 GSA ออกแบบใหม่ทั้งหมด

การออกแบบตัวรถ BMW R 1300 GSA ถูกรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานออกแบบภายนอกที่มีรูปลักษณ์แตกต่างจาก DNA ดั่งเดิมของ GS Series ทั้งหมด เพื่อรีดประสิทธิภาพของรถคันนี้ให้ยอดเยี่ยมมากไปอีกขั้น และต้องควบคุมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

มาพร้อมกับการออกแบบเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบนอนอันเป็นเอกลักษณ์ที่ปรับปรุงมาใหม่ ให้มีขนาดกระทัดรัดมากขึ้นด้วยกระปุกเกียร์ที่อยู่ใต้เครื่องยนต์ (เดิมอยู่หลังเครื่องยนต์) และการจัดเรียงเพลาลูกเบี้ยวใหม่จนได้ขนาดเครื่องยนต์ 1,300 cc พอดิบพอดี มอบพละกำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ทำให้มันเป็นเครื่องยนต์ Boxer ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ BMW เคยใช้มาในตระกูล GS

โดยเครื่องยนต์ สามารถมอบแรงบิดได้มากกว่า 96 นิวตันเมตร ในช่วงรอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 3,600 -7,800 รอบ/นาที ซึ่งเหมาะสำหรับทุกการขับขี่ ทั้งการขับขี่ในเส้นทางออฟโรด และการขับทางไกลเป็นระยะเวลานาน เหมาะกับทั้งการขับขี่คนเดียวและมีผู้ซ้อนท้าย

และแม้ว่าเครื่องยนต์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น มีพละกำลังมากขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงก็ไม่ได้มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้า อีกทั้งตัวเครื่องยนต์ยังมีความนุ่มนวลมากกว่ารุ่นก่อนหน้าอีกด้วย

นอกจากนี้ มีการขยายเส้นผ่านศูนย์กลางของวาล์วไอดีและวาล์วไอเสียใหม่ โดยวาล์วไอดีมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 44 มม. (เดิม 40 มม.) และวาล์วไอเสีย มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 35.6 มม. (เดิม 34 มม.)

ชุดไฟหน้าใหม่แบบ Matrix LED มาพร้อมกับไฟเสริมอีก 2 ดวง สามารถเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติได้ มาพร้อมกับระบบไฟส่องสว่างในโค้ง และแน่นอนว่ามาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน และระบบเตือนมุมอับสายตา

ตัวรถถูกออกแบบมาให้มีจุดยึดสัมภาระที่มากกว่าการติดปี้บ 3 ใบ เพราะคุณสามารถติดกล่องเพิ่มเติมบริเวณข้างถังน้ำมันได้ด้วย โดยทางค่ายได้ออกแบบจุดยึดมาให้เรียบร้อยจากโรงงาน 

ชุดแผงหม้อน้ำ ออกแบบให้ระบายความร้อนออกด้านข้างตัวผู้ขับขี่

ชุดช่วงล่างแบบใหม่ในชื่อ EVO Telelever ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีความแข็งแรงสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า พร้อมช่วงล่างหลัง EVO Paralever ที่ปรับปรุงใหม่ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการบังคับเลี้ยว และมีความเสถียรในการขับขี่มากขึ้น ส่วนชุดเฟรมด้านหลัง จากเดิมที่เป็นท่อเหล็กปรับเป็นอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป

ทั้งหมดนี้ ทำให้ BMW R 1300 GSA มีความยอดเยี่ยมมากกว่า R 1250 GSA ในทุกมิติ ทั้งด้านพละกำลังที่มากกว่า, การควบคุมที่ง่ายกว่า ส่งผลให้มีประสิทธิภาพ และความรู้สึกในการขับขี่ที่น่าประทับใจไปมากกว่าเดิมเป็นอย่างยิ่ง

ปั้มเบรก ใช้เบรกแบบ Sport ได้ลูกสูบขนาดใหญ่ ทำให้ได้ระยะเบรกที่สั้น และมีกำลังเบรกที่สูง ใช้แรงในการบีบเบรกน้อย

ระบบปรับความสูงอัตโนมัติ

BMW R 1300 GSA มาพร้อมกับระบบปรับความสูงของรถแบบอัตโนมัติเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการขับขี่ โดยความสูงของรถสามารถปรับลดลงได้มากถึง 30 มม. เมื่อจอดอยู่กับที่ และขณะใช้ความเร็วต่ำ โดยผู้ขับขี่ยังสามารถปรับความสูงของรถด้วยตนเองได้ผ่านโหมดการขับขี่ เพื่อการเข้าถึงที่ดีขึ้น ควบคุมได้ง่ายขึ้น โดยสามารถปรับเพิ่มเติมได้อีก 20 มม.

โดยความสูงเดิมของเบาะนั่งอยู่ที่ 840 มม. และถ้ารถเริ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่า 25 กม./ชม. จะยกสูงขึ้นเป็น 870 มม. และเมื่อลดความเร็วต่ำกว่า 25 กม./ชม. ก็จะปรับความสูงลดลงเหลือ 840 มม. เช่นเดียวกัน

โหมด Eco

BMW R 1300 GSA มาพร้อมกับโหมด Eco เพื่อช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่สูงสุดต่อการเติมน้ำมัน 1 ถัง และยังมาพร้อมกับอีก 3 โหมดการขับขี่มาตรฐาน ได้แก่ Rain, Road และ Enduro ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ

โดยในรุ่นเกียร์ ASA ลักษณะการเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละโหมดจะมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

BMW ASA คืออะไร?

BMW ASA หรือ Automated Shift Assistant เป็นระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติของ BMW ที่ใช้งานเป็นครั้งแรกใน BMW R 1300 GSA โดยตัวรถจะไม่มีก้านคลัตช์ให้ใช้งาน เพราะรถสามารถออกตัว, เปลี่ยนเกียร์ และหยุดรถได้โดยไม่ต้องกำคลัตช์อีกต่อไป โดยจะไม่มีการให้ก้านคลัตช์มาให้เลย

และทาง BMW เสริมความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ด้วยว่า ระบบของเขาที่ออกแบบมานี้ จะไม่เกิดอาการรถดับอย่างแน่นอน ซึ่งจะจริงไหมต้องลองกัน

โดยระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ (ASA) จะเป็นการสั่งงานคลัตช์อัตโนมัติเต็มรูปแบบ และมาพร้อมการเปลี่ยนเกียร์แบบแมนนวลหรือแบบอัตโนมัติที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ เพื่อความเพลิดเพลินในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ทำให้การขี่มอเตอร์ไซค์ง่ายขึ้นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ตามคติ "ทำให้การขับขี่ของคุณง่ายขึ้น" 

สำหรับประเทศไทย ระบบ ASA นี้ จะเป็นออปชั่นเฉพาะรุ่น Option 719 รุ่น ASA เท่านั้น

หลักการทำงานของ BMW ASA คือ ผู้ขับขี่สามารถขับขี่ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติได้ตลอดการขับขี่ ตั้งแต่การออกตัว, เปลี่ยนเกียร์ และหยุดรถ โดยที่ไม่ต้องใช้ก้านคลัตช์แต่อย่างใด โดยตัวรถก็ไม่มีก้านคลัตช์ติดตั้งมาให้จากโรงงานด้วย เพราะตัวระบบ ASA จะทำการควบคุมคลัตช์ให้ทั้งหมดแล้ว

แต่ถ้าในกรณีที่อยากเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเอง ก็ยังสามารถทำได้ด้วยการเลือกการเปลี่ยนเกียร์แบบ M หรือแมนนวล ผู้ขับขี่สามารถใช้เท้าซ้ายเปลี่ยนเกียร์ได้ตามปกติ

สิ่งที่ปรับปรุงใหม่ใน BMW R 1300 GSA

1. ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ (ASA) หรือเกียร์ออโต้ พร้อมการทำงานของคลัตช์อัตโนมัติ ทำให้การขี่มอเตอร์ไซค์สะดวกยิ่งขึ้น และสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานไปตามโหมดการขับขี่ที่เลือก (เฉพาะรุ่น Option 719 ASA)
2. เครื่องยนต์ Boxer ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เคยมีมา พละกำลัง 145 แรงม้า แรงบิด 149 นิวตันเมตร
3. พละกำลังที่ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกรอบเครื่องยนต์, ประหยัดน้ำมันมากขึ้น, มลพิษน้อยลง, นุ่มนวลมากขึ้น
4. เฟรมใหม่ ไม่เหมือนกับ R 1300 GS
5. ช่วงล่างใหม่ ด้านหน้าแบบ EVO Telelever และด้านหลัง EVO Parelever ช่วยทำให้มีความมั่นคงมากกว่าเดิม เลี้ยวแม่นกว่าเดิม
6. ถังน้ำมันอลูมิเนียม ความจุ 30 ลิตร
7. ระบบ ABS Pro แบบเต็มระบบ
8. 4 โหมดการขับขี่มาตรฐาน และสามารถเพิ่มโหมดการขับขี่ระดับโปรได้
9. ช่วงล่างปรับไฟฟ้า Dynamic Suspension Adjustment (DSA) สามารถปรับแต่งได้ทั้งค่าพรีโหลด, ระยะยุบ และการคืนตัว สามารถปรับระดับอัตโนมัติตามความเร็วได้ อาทิเช่น ขณะจอดรถ ตัวรถจะย่อตัวลง และขณะขับขี่ ตัวรถจะยกตัวสูงขึ้น และยังสามารถเพิ่มความแข็งของช่วงล่างตามโหมดการขับขี่ได้
10. ระบบความปลอดภัยพื้นฐานครบครัน ได้แก่ Dynamic Traction Control (DTC), Engine Drag Torque Control (MSR), Dynamic Brake Assist (DBC) และ Hill Start Control (HSC).
11. ไฟหน้า Matrix LED และไฟหน้าเสริมที่พัฒนาขึ้นใหม่รวมอยู่ในตัวรถเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง
12. ACC ระบบ Adaptive Cruise Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
13. FCW ระบบเตือนการชนด้านหน้า พร้อมช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ
14. SWW ระบบเตือนการออกนอกเลน
15. แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน น้ำหนักเบา
16. ช่องชาร์จโทรศัพท์มือถือ
17. หน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ขนาด 6.5 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน
18. กุญแจคีย์เลส

ข้อมูลทางเทคนิค BMW R 1300 GSA

เครื่องยนต์

ตัวรถ

มิติรถ

BMW R 1300 GSA ขับดีไหม

ในส่วนของการทดสอบขับขี่ BMW R 1300 GSA เราทำการทดสอบขับขี่ทั้งรุ่นระบบเกียร์แมนนวล และระบบเกียร์อัตโนมัติ เพื่อดูประสิทธิภาพการใช้งานของตัวรถว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเราจะโฟกัสไปที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติ ASA เป็นหลัก

ภาพรวมของการขับขี่ของ R 1300 GSA นับว่าเป็นยานแม่ที่แท้จริง ด้วยช่วงล่างระดับเทพที่ใครๆ ก็ชื่นชอบ เพราะมันสามารถซับแรงกระแทกต่างๆ ของพื้นถนนได้อย่างปลิดทั้ง ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะโหดร้ายสักเพียงใด "ในทางดำ" ซึ่งมันจัดการตรงนี้ได้ยอดเยี่ยมมากๆ

ส่วนการทดสอบรอบนี้ของเรา ยังไม่ได้ลองใช้งานบนทางฝุ่น ซึ่งจะขอยกไปในโอกาสถัดไป

จุดศูนย์ถ่วงของรถโมเดล GSA จะอยู่สูงกว่ารุ่น GS ค่อนข้างชัดเจน ด้วยถังน้ำมันขนาดมหึมาถึง 30 ลิตร หากคุณเติมน้ำมันเต็มถัง จะสัมผัสได้ถึงน้ำหนักกึ่งกลางของรถที่จะอยู่บริเวณ "หัวเข่า" ซึ่งแตกต่างจากรุ่น GS ธรรมดา ถังน้ำมัน 19 ลิตร ที่จะสัมผัสได้ว่าจุดศูนย์ถ่วงหลักของรถอยู่บริเวณ "ข้างเท้า" อันนี้เป็นหนึ่งในข้อสังเกตุที่เราพบเจอ

แต่ถ้าถามว่าความพริ้วไหวในการขับขี่เป็นอย่างไร มันก็ยังคงทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดิมตามเอกลักษณ์ของรถยานแม่รหัส GSA ทว่าโมเดล GS อาจจะคล่องตัวกว่าพอควร

ลักษณะการควบคุมรถโดยภาพรวมของ R 1300 GSA เมื่อเปรียบเทียบกับ R 1250 GSA นั่น ตัว 1300 จะให้ความรู้สึกที่คมยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเก่า และช่วยจัดการสภาพพื้นถนนได้ดีมากๆ จนอาจจะ "ดีเกินไป"

โดยผู้ขับขี่หลายๆ ท่านมักจะชอบความรู้สึกที่ "เรายังพอรู้ว่าถนนเนี้ย มีแรงยึดเกาะมากหรือน้อยแค่ไหน" ซึ่งเจ้าช่วงล่างของ R 1300 GSA นั่นมันยอดเยี่ยมจนเราไม่อาจทราบได้ว่า "พื้นถนนมีแรงยึดเกาะพอหรือไม่" ขี่แรกๆ รับรองว่าแอบโหวงๆ โดยเฉพาะช่วงฝนตก

แต่ถ้าเรามั่นใจว่ายางที่ใส่มานั่นดี ไม่มีปัญหา ก็ซัดได้เลยเต็มที่ เพราะจริงๆ แล้วน้องเค้า "เอาอยู่"

ส่วนระบบเบรก, Traction control และอื่นๆ เป็นอะไรที่ทำได้ดีอยู่แต่เดิมแล้ว อันนี้ไม่ได้ต่างจากรุ่นเดิมมาก

BMW R 1300 GSA เบาะสูงแค่ไหน

BMW R 1300 GSA เบาะสูง 840 มม. เมื่อจอดนิ่ง หากขับขี่ด้วยความเร็วสูงกว่า 25 กม./ชม. ตัวรถจะยกความสูงขึ้นเป็น 870 มม. และถ้าขับด้วยความเร็วต่ำกว่า 25 กม./ชม. จะปรับความสูงลงมาเหลือ 840 มม. โดยไม่มีผลกระทบต่อระยะยุบโช๊คอัพ เนื่องจากระบบปรับความสูงด้วยการปรับระดับ "หัวโช๊คอัพ"

ถามว่าขาถึงพื้นไหม ผู้ทดสอบสูง 168 ซม. สวมรองเท้าบูท หากพยายามเอาเท้าลงพื้นทั้ง 2 ข้าง จะไม่สามารถวางเท้าได้ทั้ง 2 ข้างเลย เนื่องจากตัวรถค่อนข้างกว้าง

แต่ถ้าสไลด์ก้นมาข้างใดข้างหนึ่ง จะสามารถวางเท้าลงพื้นได้เต็มๆ เลย 1 ข้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่แนะนำให้ทำ เนื่องจากตัวรถมีน้ำหนักสูงถึง 269 กก. การวางเท้าลงพื้นเต็มๆ เป็นทางเลือกที่ดีกว่ามาก

BMW R 1300 GSA เกียร์ ASA ดีไหม

ระบบเกียร์อัตโนมัติ ASA ของ BMW R 1300 GSA นั่น "ไม่ได้ออกแบบมาให้ราบรื่นเหมือนกับระบบเกียร์แบรนด์อื่น" กล่าวคือ วิศวกรของ BMW Motorrad ได้ทำการทดสอบระบบเกียร์อัตโนมัติของรถหลายๆ ค่าย ซึ่งพบว่าทุกค่ายจะทำเกียร์อัตโนมัติที่มีการต่อเกียร์แบบ "ไหลลื่นแทบไม่มีสะดุด หรือมีช่องว่างระหว่างเกียร์"

ซึ่งทางวิศวกรของ BMW Motorrad จึงได้ทำการพัฒนาเจ้าระบบ ASA ให้มันมีอารมณ์เหมือนการขับด้วยคลัตช์มือปกติ เพียงแต่ให้ระบบเปลี่ยนเกียร์ให้เอง และยังเอาการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่นมาให้ด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือในแต่ละโหมดการขับขี่ จะมีลักษณะการเปลี่ยนเกียร์ที่ไม่เหมือนกัน

ซึ่งพื้นฐานของชุดเกียร์ในระบบ ASA จะมีเกียร์ว่างเล็กๆ แทรกอยู่ในช่องว่างระหว่างเกียร์ เป็นลักษณะ 1-N-2-n-3-n-4-n-5-n-6 ซึ่งแตกต่างจากรถบิ๊กไบค์ทั่วไปที่จะวางตำแหน่งเกียร์แบบ 1-N-2-3-4-5-6

แต่เราไม่ต้องห่วงว่าจะเผลอเข้าเกียร์ n เองไหม เพราะระบบเค้าจัดการให้หมดแล้ว ซึ่งเจ้าเกียร์ n จิ๋วๆ มีไว้เพื่อให้รถสามารถไหลไปต่อได้ กรณีรถเกิดดับกลางอากาศ ไม่ว่าจะเกิดจากน้ำมันหมดก็ดี, เผลอปิดสวิตช์ Off/Run หรือระบบไฟฟ้าเกิดขัดข้องก็ตาม เป็นต้น

- โหมด Eco จะเป็นโหมดที่มีการเปลี่ยนเกียร์อย่างราบรื่นมากที่สุด โดยการเปลี่ยนจากเกียร์ 1-6 นั่น จะเป็นไปด้วยความนุ่มนวล ไม่มีอาการสะอึด หรือวูบออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย เพราะเจ้าโหมด Eco เป็นโหมดที่ตอนแรงม้าและแรงบิดทั้งหมด ทำให้รถมีความนุ่มนวลสูงมากๆ และประหยัดน้ำมันมาก

- โหมด Rain ลักษณะการต่อเกียร์จะคล้ายกับโหมด Eco แต่จะเริ่มมีการ "รอเข้าเกียร์ใหม่" เล็กน้อย เนื่องจากเราขับด้วยกำลังที่สูงขึ้น

- โหมด Standard ได้อัตราเร่งที่ดีขึ้น มีความดิบมากขึ้นจากโหมด Rain

- โหมด Dynamic การต่อเกียร์จะมีความรุนแรงที่สูงมากๆ โดยหากคุณเปิดคันเร่งจนหมดปลอก รถจะทำการลดเกียร์ลงทันที 1 ตำแหน่ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือรถจะมีอาการ "ย่อตัวอย่างรุนแรง" ประดุจยานแม่ที่กำลังพุ่งทะยานออกไป ซึ่งได้อารมณ์ในการขับขี่ที่สาแก่ใจมากๆ

ทว่า จังหวะที่คุณต้องการเร่งแซงรถที่ขับช้ากว่า ด้วยการเร่งความเร็วอย่างรุนแรง รถกลับทำสิ่งที่ไม่ควรทำเลยนั่นคือ "เปลี่ยนเกียร์ในจังหวะเร่งแซง" โดยรถจะเปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ราวๆ 5,000 รอบเท่านั้น จากปกติที่ควรเปลี่ยนแถวๆ เกือบ Redline ซึ่งจุดนี้เรามองว่ามัน "น่ากังวลใจไม่น้อย"

เพราะมันส่งผลให้อัตราเร่งหายไปในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากรูปแบบการเปลี่ยนเกียร์ของระบบอัตโนมัติ มันจะคล้ายๆ กับการกำคลัตช์แล้วเปลี่ยนเกียร์แล้วปล่อยคลัตช์ ซึ่งมันช้าซะยิ่งกว่าการเตะควิกชิฟเตอร์เป็นอย่างยิ่ง

ซึ่งจากที่เราสอบถามทางทีมงาน ก็พบว่าจริงๆ แล้ว แนวคิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์คือต้องการให้มันมีความทนทานมากที่สุด หลายๆ อย่างเลยพัฒนาออกมาในทิศทางที่ "เซฟโซน" ส่งผลให้เกิดอาการลักษณะดังกล่าว ซึ่งจุดนี้ได้เก็บไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาต่อแล้วเรียบร้อย

ราคา BMW R 1300 GSA

ราคาจำหน่ายของ BMW R 1300 GSA มีทั้งหมด 4 รุ่นย่อยด้วยกัน โดยมีราคาจำหน่ายดังนี้

1. BMW R 1300 GSA Triple Black ราคา 1,225,000 บาท
2. BMW R 1300 GSA Trophy ราคา 1,225,000 บาท
3. BMW R 1300 GSA Option 719 เกียร์ธรรมดา ราคา 1,275,000 บาท
4. BMW R 1300 GSA Option 719 เกียร์ออโต้ ASA ราคา 1,309,000 บาท

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน