วิธีดูยางรถยนต์เสื่อมสภาพ Share this
Lifestyle
โหมดการอ่าน

วิธีดูยางรถยนต์เสื่อมสภาพ

Sunuttinee Phumbanyen
โดย Sunuttinee Phumbanyen
โพสต์เมื่อ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เคล็ดลับการตรวจเช็คสภาพยาง และวิธีการดูวันหมดอายุว่าสามารถเช็คได้ตรงไหน รวมถึงจุดสังเกตอาการเสื่อมสภาพของยางที่ไม่ควรละเลย


สภาพยางรถยนต์ที่ควรเปลี่ยน 

ยางรถยนต์ โดยปกติแล้วจะมีวันหมดอายุหรือเสื่อมสภาพตามการใช้งาน ทุกแบรนด์ ทุกรุ่น ไม่มีเว้นอยู่แล้ว เพราะยางเป็นชิ้นส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในการขับขี่ ดังนั้นควรตรวจสอบความพร้อมในการใช้งานอย่างสม่ำเสมอ วันนี้เลดี้มีเคล็ดลับวิธีการตรวจสอบสภาพยาง ที่สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง

วิธีดูวันผลิตยาง

ยางรถยนต์เสื่อมสภาพกี่ปี 

ก่อนที่จะไปเช็คสภาพยางบริเวณจุดอื่นๆ ให้ดูวันที่ผลิตก่อน เพราะวิธีที่แม่นยำและชัดเจนที่สุดในการตรวจสอบอายุการใช้งานของยาง คือ "หาวันที่ผลิต" ซึ่งสามารถอ่านได้บริเวณแก้มยาง โดยให้สังเกตรหัสตัวเลข 4 หลัก อยู่ในกรอบวงรีเล็กๆ หรือ DOT Code 

  • ตัวเลข 2 หลักแรก: หมายถึง สัปดาห์ที่ผลิต (ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 01 ถึง 52)
  • ตัวเลข 2 หลักหลัง: หมายถึง ปี ค.ศ. ที่ผลิต (เลข 2 ตัวท้ายของปี)

ยกตัวอย่าง เช่น หากรหัสบนแก้มยางคือ "0619" หมายความว่ายางเส้นนี้ผลิตขึ้นใน สัปดาห์ที่ 6 ของปี 2019 นั่นเอง ซึ่งยางแต่ละเส้น จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 5 ปี นับจากวันที่ผลิต แม้ว่าดอกยางจะยังดูดีอยู่ก็ตาม ยังไงก็ต้องเปลี่ยน เนื่องจากสารเคมีในเนื้อยางเริ่มมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา อาจทำให้ยางแข็งกระด้างและสูญเสียประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน รวมถึงความยืดหยุ่นที่จำเป็นต่อการรับแรงกระแทก

เช็คดอกยาง

วิธีดูดอกยางรถยนต์

1. ตรวจสอบสภาพดอกยางเบื้องต้น : โดยให้สังเกตความลึกของดอกยาง ถ้ายางใหม่ดอกยางจะมีความลึกประมาณ 8-9 มิลลิเมตร แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ดอกยางสึกจนเหลือต่ำกว่า 1.6 มิลลิเมตร นั่นคืออาการของดอกยางหมด ประสิทธิภาพในการรีดน้ำ และการยึดเกาะถนนจะลดลงอย่างชัดเจนโดยเฉพาะบนพื้นผิวที่เปียก และควรตรวจเช็คบริเวณดังต่อไปนี้

  • สะพานยาง บนดอกยางจะมีปุ่มนูนเล็กๆ ที่เรียกว่าสะพานยาง ซึ่งมักจะอยู่ระหว่างร่องดอกยางหลัก ซึ่งจะมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมเล็กๆ ที่แก้มยาง หากดอกยางสึกจนเสมอกับสะพานยาง แสดงว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางแล้ว
  • ดอกยางไม่สม่ำเสมอ หากดอกยางมีอาการสึกเป็นบั้งๆ หรือสึกด้านใดด้านหนึ่งเร็วกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณของยางหมดอายุ หรือมีปัญหาเรื่องการถ่วงล้อ/ตั้งศูนย์ล้อผิดปกติ

2. ตรวจสอบรอยแตกลายงาบนแก้มยางและหน้ายาง : การใช้งานบนสภาพถนนที่มีความร้อนสูบง อันเนื่องมาจากแสงแดด โอโซน อาจทำให้เกิดรอยแตกเล็กๆ คล้ายลายงาขึ้นที่บริเวณแก้มยางหรือร่องดอกยาง ยิ่งรอยแตกเยอะและลึกเท่าไหร่ ยิ่งแสดงว่ายางเสื่อมสภาพมากเท่านั้น หากพบรอยแตกขนาดใหญ่ ควรเปลี่ยนยางทันที

ยางฉีกขาด

3. ยางมีสภาวะแข็งกระด้าง : ให้ลองทดสอบด้วยการใช้เล็บจิกลงบนหน้ายาง ถ้าเป็นยางใหม่เนื้อยางจะนิ่มและยืดหยุ่น แต่ถ้ายางเริ่มแข็งกระด้างจนจิกไม่ลง หรือจิกแล้วไม่ทิ้งรอยเล็บ แสดงว่ายางหมดอายุและสูญเสียความยืดหยุ่นไปแล้ว

4. สังเกตรอยบวมหรือฉีกขาด : หากพบว่ามีส่วนใดส่วนหนึ่งบวม นูน หรือปูดออกมาผิดปกติ แสดงว่าโครงสร้างภายในของยางเสียหายอย่างรุนแรง อาจเกิดจากการกระแทกหรือยางเสื่อมสภาพจนโครงสร้างภายในแยกออกจากกัน ให้รีบเปลี่ยนโดยทันที หรือยิ่งไปกว่านั้น ในหรณีที่พบว่ามีรอยบาดลึกหรือรอยฉีกขาดที่มองเห็นโครงสร้างยางภายใน อันนี้ไม่ต้องพูดถึง ขับต่อไปไม่ได้แน่นอนค่ะ อันตรายและเสี่ยงต่อการระเบิดมากๆ 

5. สังเกตอาการผิดปกติขณะขับขี่ : หากรถของคุณมีอาการสั่นผิดปกติ โดยเฉพาะที่พวงมาลัยหรือรู้สึกสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งคัน นั่นหมายความว่าอาจเกิดจากยางหมดอายุ ล้อไม่สมดุล หรือช่วงล่างมีปัญหา ผลที่ตามมาคือประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนลดลง ทำให้รถลื่นไถลได้ง่ายขึ้นในขณะที่เข้าโค้ง มีระยะเบรกที่ยาวขึ้นและมีเสียงดังผิดปกติ  

ตรวจเช็คสภาพยาง

การสังเกตว่ายางหมดอายุหรือไม่ ควรพิจารณาทั้งจากวันหมดอายุ และสภาพของยาง ไม่ควรใช้ยางที่มีอายุเกิด 5 ปี ถึงแม้ว่าดูจากภายนอกแล้วยังมีสภาพที่ดีอยู่ก็ตาม และควรตรวขสอบความพร้อมของสภาพยางอยู่เป็นประจำ หากพบสัญญาณความผิดปกติตามที่เลดี้กล่าวมาข้างต้น ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญหรือเปลี่ยนยางใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตัวคุณเองและเพื่อร่วมทางค่ะ

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ