รีวิว Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupe AMG Dynamic รถ SUV สไตล์สปอร์ต Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupe AMG Dynamic รถ SUV สไตล์สปอร์ต

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 08 July 2564

รถยนต์นั่งแบบ SUV จัดเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ทว่ารูปทรงของรถสไตล์นี้มักจะมาในดีไซน์ที่เหมาะกับครอบครัวมากกว่า แต่ GLC 300 e Coupe เป็น SUV ที่นำเอาดีไซน์ของรถสปอร์ตเข้ากับรถ SUV ได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์คนที่อยากได้รถใช้งานที่ยังมีความซิ่งอยู่บ้าง และได้ความแรงสไตล์สปอร์ต


Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupe  AMG Dynamic

Mercedes-Benz GLC Class จัดเป็นรถยนต์นั่งแบบ SUV ขนาดกลางรุ่นยอดนิยมจาก Mercedes-Benz โดยรถรุ่นนี้จะมีตัวถังแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ GLC รุ่นปกติ ที่มีตัวถังท้ายตัดเหมือนกับรถ SUV ที่เราพบเห็นได้อยู่ทั่วไป และ GLC Coupe รถ SUV ทรงท้ายลาดสไตล์รถสปอร์ตที่เราจะมาทำความรู้จักกันในวันนี้ว่า มีเหตุผลใดบ้างที่เราควรเลือกเจ้ารถคันนี้ กับราคาค่าตัวที่สูงกว่ารุ่นมาตรฐานราว 3 แสนบาท กับดีไซน์ที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ให้อารมณ์การขับขี่ที่แตกต่างกัน

โดยในการรีวิวครั้งนี้ เราอยู่กับรถยนต์ SUV สไตล์สปอร์ตแบบ Plug in Hybrid ที่พกพามาทั้งดีไซน์ที่โดนใจ พร้อมพละกำลังความแรงอันมหาศาลกับ Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic

 

 

ภายนอก GLC 300 e Coupe

ดีไซน์ภายนอกของ Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ไม่เหมือนกับรถยนต์ SUV แบบปกติ ด้วยความที่พกพา DNA รถสปอร์ตมาด้วย ถ่ายทอดผ่านดีไซน์หลังคาลาดของตัวรถที่มีการออกแบบให้มีลายเส้นที่ดูอ่อนช้อยและสวยงาม ผสมผสานเข้ากับความเซ็กซี่ได้อย่างลงตัว ภาพรวมของตัวรถออกแนวดูหวานๆ แต่ก็ผสมความเปรี้ยวเอาไว้ไม่น้อย

 

 

ด้านหน้าของตัวรถ กระจังหน้าแบบไดม่อนกริล พร้อมโลโก้รูปดาวขนาดใหญ่ โดดเด่นเป็นสง่าที่ซ่อนตัวเรด้าตรวจจับวัตถุด้านหน้าของตัวรถ มาพร้อมกับเซ็นเซอร์เตือนการชนแบบจัดเต็ม

 

 

ไฟหน้าแบบ Multibeam LED ที่เป็นเทคโนโลยีไฟหน้าระดับแถวหน้าในตลาดของรถยนต์ขณะนี้ ด้วยประสิทธิภาพของหลอดไฟ LED จำนวน 84 หลอดที่บรรจุอยู่ภายในที่ทำงานเป็นอิสระจากกัน ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุภายนอก ส่งผลให้ไฟหน้าตัวนี้มีความฉลาดเป็นมาก มันสามารถส่องสว่างได้ไกลมากถึง 650 เมตร และสามารถปรับแสงไฟหลบรถยนต์ที่ใช้ร่วมทางกับเราได้ ทั้งรถที่เรากำลังขับตาม และรถคันที่ขับสวนเรามาได้โดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้เราอ่านป้ายเตือนต่างๆ ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นโดยตัวไฟหน้าจะสามารถปรับลดแสงสะท้อนของป้ายเตือนได้เอง ในจุดนี้ถือว่าทำได้ดีมากๆ

 

Multibeam LED

 

เมื่อมองตัวรถจากทางด้านข้างจะเห็นได้ว่าส่วนหลังคาของตัวรถจะมีความลาดไปด้านหลังค่อนข้างมาก เป็นงานออกแบบที่ผสานกันระหว่างรถ SUV และรถสปอร์ตได้อย่างลงตัว โดยบริเวณด้านล่างยังมีบันไดสำหรับใช้ขึ้นรถมาให้อยู่ แต่ด้วยความสูงของตัวรถที่ไม่ได้สูงมากนัก สามารถเข้าไปนั่งปกติแบบรถยนต์นั่งทั่วไปได้ ไม่จำเป็นต้องใช้บันไดแต่อย่างไร แต่มันก็ช่วยทำให้ตัวรถดูแข็งแกร่งขึ้นได้ไม่เบา

 

 

ล้อของตัวรถ ใช้ล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ของ AMG ดีไซน์สปอร์ตขนาด 20 นิ้ว โดยด้านหน้ารัดยางขนาด 255/45 R20 ส่วนด้านหลังรัดยางขนาด 285/40 R40

 

 

 

ด้านหลังของ Mercedes-Benz GLC 300 e Coupé ตัวรถดูมีความสปอร์ตเป็นอย่างยิ่ง แตกต่างจากรถ SUV ปกติอย่างสิ้นเชิงด้วยประตูห้องสัมภาระด้านหลังที่มีความลาดเอียงสูง มีระบบเตะเปิด เพื่อความสะดวก ไฟท้าย LED แบบสปอร์ต ส่วนท่อไอเสียก็มาในดีไซน์สปอร์ตด้วยเช่นเดียวกัน

 

 

บริเวณด้านขวาของกันชนหลัง จะเป็นตำแหน่งของช่องชาร์จแบตเตอร์รี่ระบบไฮบริด รองรับการชาร์จกับไฟบ้านได้ด้วยชุดชาร์จแบตฯ ที่ติดรถมา โดยระบบไฮบริดในรถรุ่นนี้สามารถใช้ขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าได้ระยะทางสูงสุดถึง 50 กิโลเมตรต่อ 1 การชาร์จเลยทีเดียว เรียกได้ว่าคนที่ขับรถระยะทางต่อวันไม่เยอะมาก แทบจะไม่ต้องเติมน้ำมันเลยทีเดียว

 

 

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมาพร้อมกับม่านบังสายตา โดยมาพร้อมกับความจุถุง 350 ลิตร และเมื่อพับเบาะนั่งด้านหลังแล้วจะได้พื้นที่เก็บสัมภาระความจุมากถึง 1,250 ลิตรเลยทีเดียว

 

เข้ามาด้านในของตัวรถ ยังคงความกว้างสไตล์ SUV อยู่ แต่ตัวเพดานของตัวรถจะมีความลาดลงมาบ้าง อาจจะต้องก้มตัวเพื่อเข้าไปในห้องโดยสารเล็กน้อย ตามสไตล์ของรถสปอร์ตคาร์ทั่วไป ทว่าพื้นที่ภายในห้องโดยสารยังคงความกว้างขวาง โอ๋อ่า และหรูหราตามสไตล์ Mercedes-Benz อยู่ และช่วยเสริมความโปร่งของห้องโดยสารด้วยหลังคาซันรูฟที่สามารถเปิด-ปิดได้ ด้วยระบบไฟฟ้า

 

การตกแต่งภายในเน้นหนักไปที่โทนสีดำโดยใช้วัสดุหนังเป็นหลัก ตัดกับลายไม้สีดำเพิ่มความหรูหราโดยยังคงความซิ่งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี มาพร้อมกับเบาะนั่งสไตล์สปอร์ต สามารถปรับระดับได้ด้วยไฟฟ้าแบบละเอียดยิบ พร้อมเซฟการตั้งค่าได้มากถึง 3 แบบ ทั้งฝั่งผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้า โดยเจ้าโปรไฟล์การปรับตำแหน่งการนั่งของตัวรถ จะควบคุมการทำงาน 3 จุดหลักๆ ได้แก่ ตำแหน่งเบาะนั่ง, ตำแหน่งกระจกมองข้าง และตำแหน่งของพวงมาลัย

 

 

การตกแต่งบริเวณรอบห้องโดยสารเลือกใช้วัสดุไม้สีดำในการตกแต่งหลายจุด ช่วยทำให้ภายในตัวรถมีความหรูหรามากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่ามันมาพร้อมกับไฟ Ambient Light ที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 64 เฉดสีด้วยกัน หรือหากไม่อยากคัสต้อมสี เราก็สามารถตั้งให้รถเปลี่ยนสีไปเองเรื่อยๆ ได้สไตล์ไฟ RGB

ระบบเครื่องเสียงสุดพรีเมี่ยมจาก Burmester ประดุจยกห้องฟังเพลงมาไว้ในรถยนต์

 

 

พวงมาลัย 3 ก้าน มัลติฟังก์ชั่นดีไซน์สปอร์ตแบบท้ายตัด เป็นศูนย์รวมการควบคุมระบบการทำงานภายในตัวรถแทบจะทุกอย่าง โดยพวงมาลัยฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนควบคุมการทำงานของระบบบนหน้าจอเรือนไมล์ของตัวรถ และควบคุมการทำงานของระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน, ระบบจำกัดความเร็ว และตั้งระยะเว้นห่างจากรถคันหน้าสำหรับการใช้งานในโหมด Brake assist

สำหรับการปรับพวงมาลัย สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งสามารถเซฟโปรไฟล์การตั้งค่ารวมไว้กับการปรับตำแหน่งเบาะนั่งและตำแหน่งกระจกมองข้างได้เลยในอันเดียว

 

 

หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบ All-Digital Instrument Display ขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว แสดงผลอย่างชัดเจนในทุกสภาพแสง สามารถเลือกรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ ได้แก่ Classic, Progressive และ Sporty ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกข้อมูล ที่สำคัญ และประเภทการแสดงผลข้อมูลดังกล่าวได้ตามสไตล์ของตนเอง

 

GLC300e dashboard

 

หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 7 นิ้ว รองรับการทำงานของระบบ MBUX ผู้ช่วยอัฉริยะของคุณ โดยหน้าจอนี้จะทำหน้าที่ควบคุมระบบอำนวยความสะดวกภายในรถทั้งหมด รวมถึงระบบความบันเทิงต่างๆ ครบวงจร และยังรองรับการเชื่อมต่อด้วย Apple CarPlay และ Android Auto

 

 

ห้องโดยสารด้านหลัง จัดว่ากว้างขวางกว่าที่มองเห็นได้จากด้านนอกที่เป็นหลังคาลาด โดยพื้นที่ภายในห้องโดยสารตอนหลังมีความโปร่ง โล่งสบายเลยทีเดียว พื้นที่วางขาเหลือเฝือต่อการนั่งโดยสารระยะทางไกล ส่วนตัวเพดานรถที่แม้ว่าจะดูลาดลงเหมือนจะแคบ แต่ภายในกลับกว้างขวางเลยทีเดียว โดยตัวผมมีความสูง 168 ซม. มีพื้นที่เหนือศรีษะเหลืออยู่ราวๆ 1 กำปั้นเลยทีเดียว

 

 

สิ่งอำนวยความสะดวกด้านหลังประกอบด้วนม่านบังแสง, ช่องชาร์จมือถือแบบ USB-C จำนวน 2 ช่อง พร้อมช่องจุดบุหรี่ 1 ช่อง, ช่องแอร์ 2 ช่อง ปรับระดับความแรงลมได้, ที่วางแขนบริเวณตรงกลาง พร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 จุด ส่วนบริเวณประตูก็มีที่วางขวดน้ำมาให้ฝั่งละ 1 จุดเช่นกัน

 

 

ระบบความปลอดภัยเด่นๆ ใน GLC 300 e Coupé

- ระบบช่วยเบรกแบบ Adaptive brake
- ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า
- ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ
- ระบบเตือนมุมอับสายตา
- เซ็นเซอร์รอบคัน
- ถุงลมนิรภัยรอบคัน (คู่หน้า, หัวเข่าคนขับ, ด้านข้าง ป้องกันศรีษะ)
- ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
- กล้องรอบคันความคมชัดสูง
- Mercedes me connect

 

สิ่งอำนวยความสะดวกเด่นๆ ใน GLC 300 e Coupé

- เบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า
- ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติแบบอัจฉริยะ Multibeam LED
- ไฟหน้าเลี้ยวตามพวงมาลัย
- ระบบเพิ่มความสว่างในโค้
- ระบบไฟสูง ระยะส่องสว่าง 650 เมตร
- ซันรูฟไฟฟ้า
- ม่านกันแสง ที่ผู้โดยสารตอนหลัง
- ช่องแอร์ด้านหลัง
- Apple CarPlay
- ฝาท้ายไฟฟ้า
- กุญแจคีย์เลส

 

 

เครื่องยนต์และเกียร์ GLC 300e Coupe

ในส่วนของระบบขับเคลื่อนใน Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียงขนาด 1,991cc เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 211 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังถึง 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานผสานกันกับเครื่องยนต์สันดาป จะสร้างพละกำลังสูงสุดถึง 320 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในระยะเวลาเพียง 5.8 วินาทีเท่านั้น

โดยในโหมดการขับขี่แบบใช้ไฟฟ้าล้วน สามารถขับได้ไกลถึงได้ 50 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เรียกได้ว่าใครที่เป็นคนใช้รถยนต์น้อย ในแต่ละวันขับรถไม่ได้ไกลมาก ก็แทบจะไม่จำเป็นต้องไปเติมน้ำมันรถกันเลยทีเดียว ชาร์จแบต ขับไฟฟ้าเอาอย่างเดียวได้สบายๆ 

 

 

โหมดการขับขี่ใน Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic มีทั้งหมด 5 โหมดด้วยกัน และอีก 1 โหมดที่เราสามารถปรับแต่งการตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ได้ด้วยตนเอง (โหมด Individual) โดยทั้ง 5 โหมดนี้จะมีจุดประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันออกไป และมีการตั้งค่าที่แตกต่างกัน โดยสามารถอธิบายโดยสรุปได้ดังนี้

โหมด Eco - เป็นโหมดที่เน้นการประหยัดพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงมากที่สุด โดยจะเลือกใช้พลังการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก และถ้าหากมีการเหยียบคันเร่งมากขึ้น ระบบจะเริ่มการทำงานของเครื่องยนต์สันดาป เพื่อช่วยกันรีดอัตราเร่งออกมาอย่างรวดเร็วและเรียบเนียน


โหมด Battery Level - เป็นโหมดที่เน้นการประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากที่สุด โดยตัวรถจะใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าในการออกตัวเท่านั้น โดยเมื่อรถเริ่มวิ่งลอยตัว จะหยุดการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน และหันมาใช้เครื่องยนต์สันดาปแทน และเมื่อเรายกคันเร่งปล่อยรถไหล หรือจังหวะลงจากทางลาดชัน ระบบก็จะตัดการทำงานของเครื่องยนต์สันดาป และปั่นไฟฟ้ากลับเข้าไปยังแบตเตอร์รี่ไฮบริด


โหมด Electric - โหมดการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนๆ 100% โดยจะต้องมีปริมาณแบตเตอร์รี่ที่ทำระยะทางขับขี่ได้มากกว่า 1 กิโลเมตร จึงจะสามารถใช้งานโหมดนี้ได้


โหมด Comfort - ทำงานคล้ายกับโหมด Eco แต่จะมอบอัตราเร่งที่ดีกว่า และแน่นอนว่าบริโภคน้ำมันมากกว่าเล็กน้อย


โหมด Sport - เป็นโหมดที่เน้นการใช้งานเครื่องยนต์สันดาปเป็นหลัก โดยจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อเรียกพละกำลังความแรงเท่านั้น เช่นการออกตัว หรือการเร่งแซง

 

 

Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic สเป็คและราคา

เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง 4 วาล์วต่อสูบ พร้อมเทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้า
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,991 ซีซี
พละกำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,300 - 4,000 รอบ/นาที
กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า
แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 440 นิวตันเมตร
พละกำลังรวมสูงสุด 320 แรงม้า / แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร
เกียร์ เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9 G Tronic)
ระบบขับเคลื่อน

4 ล้อ

อัตราเร่ง 0-100 5.8 วินาที
ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.

 

ระบบกันสะเทือนหน้า / หลัง แมคเฟอร์สันสตรัท / ปีกนกคู่
ระบบเบรคหน้า/หลัง ดิสเบรค พร้อมครีบระบายความร้อน
ขนาดยางล้อ คู่หน้า 255/45 R20
คู่หลัง  285/40 R20
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 50 ลิตร
ราคา 4,040,000 บาท

 

มิติรถ 

ขนาด ยาว x กว้าง x สูง (มม.) 4,731 x 1,890 x 1600

 

 

การขับขี่ Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé

ในส่วนของการทดสอบขับขี่ Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé ผมมีโอกาสขับขี่รถยนต์คันนี้เป็นระยะทางรวมราวๆ 400 กิโลเมตร ทั้งการขับในเมือง และการขับขี่ทางไกล โดยผมจะขอแยกหัวข้อระหว่างการขับในเมือง และการขับทางไกลออกจากกัน

การขับในเมือง

การขับ Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé ถือว่าเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะท่านที่มีระยะทางเดินทางในแต่ละวันรวมกันแล้วไม่เกิน 40-50 กิโลเมตร คุณแทบจะไม่ต้องเติมน้ำมันรถกันเลยทีเดียว ขอเพียงแค่ชาร์จแบตเตอร์รี่ไฮบริดเป็นประจำทุกวันเท่านั้นเอง

อัตราเร่งที่ได้มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนนั้นบอกเลยว่าเหลือเฝือสำหรับการขับขี่ในเมืองเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันมีพละกำลังที่มหาศาลมากๆ กดเป็นมาไม่มีรอรอบแบบเครื่องสันดาปแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกใจสายซิ่ง แถมประหยัดพลังงานด้วย โดยการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้านั้นจะมีค่าพลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยตกกิโลเมตรละ 1 บาทเท่านั้นเอง

 

 

ด้านโหมดการขับขี่ที่ขอแนะนำสำหรับการขับในเมืองนั้น โดยส่วนตัวผมมองว่าโหมด Electric ที่เป็นการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วนๆ หรือจะเป็นโหมด Eco หรือ Comfort ก็ถือว่าสามารถใช้งานได้ดีทั้งสิ้น เพราะโหมดเหล่านี้จะเน้นใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะเปิดใช้งานเครื่องยนต์สันดาปเมื่อมีการใช้งานความเร็วที่สูงมากขึ้น หรือต้องการอัตราเร่งที่มากกว่าที่มอเตอร์ไฟฟ้าให้ได้

ในส่วนของช่วงล่างของตัวรถ สำหรับการใช้งานในเมือง ช่วงล่างติดรถถือว่าสามารถซับความไม่เรียบเนียนของถนนได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีอารมณ์เด้งบ้างเล็กน้อยตามสไตล์สปอร์ตมาบ้างพอให้ได้ขยับตัวเล็กๆ แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าเป็นช่วงล่างที่ดีงามมากๆ สำหรับการขับขี่ในเมือง

 

 

ทัศนวิสัยการขับขี่ในเมือง จัดว่ามองได้ง่าย ด้วยกระจกบานหน้าที่มีขนาดใหญ่ กับตำแหน่งของเสา A ที่ไม่ได้ใหญ่โตมากมายนัก ทำให้มุมมองการขับขี่ในเมืองนั้นแทบจะไร้มุมอับ อีกทั้งยังมีเซ็นเซอร์รอบคันรถ, ระบบกล้อง 360 องศาแบบความละเอียดสูงมากๆ และเซ็นเซอร์เตือนมุมอับสายตา เรียกได้ว่าเป็นรถที่มาพร้อมกับความปลอดภัยแบบจัดเต็มเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ น้ำหนักของพวงมาลัยรถ ถือว่ามีน้ำหนักค่อนข้างเบา ควบคุมการขับขี่ในเมืองจัดว่าง่ายเลยทีเดียว อีกทั้งตัวรถก็มีขนาดใหญ่กำลังดี ไม่ได้ใหญ่จนเทอะทะ หรือเล็กจนอึดอัด จัดว่าเป็นรถรุ่นคุ้มอีกรุ่นหนึ่งที่น่าสนใจ

 

 

การขับทางไกล

ในส่วนของการขับ Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé เรื่องพละกำลังของตัวรถรุ่นนี้หายห่วง เพราะมันมีกำลังเหลือเฝือการใช้งานมากอยู่แล้ว ส่วนที่เราต้องโฟกัสเป็นหลักเห็นจะเป็นเรื่องของพลังงานแบตเตอร์รี่ไฮบริดที่ควรสำรองไว้บ้างเสียหน่อย เพราะเจ้าแบตเตอร์รี่ไฮบริดนี่แหละคือทีเด็ดในเรื่องของอัตราเร่งของตัวรถ และความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย

โดยโหมดการขับขี่ทางไกลที่ผมขอแนะนำอย่างเป็นที่สุด นั่นคือโหมด Battery Level เพราะเป็นโหมดที่มีการรักษาระดับพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่ไฮบริดไว้ได้ดีที่สุด และเป็นโหมดที่ช่วยปั่นไฟกลับเข้าไปในแบตเตอร์รี่ไฮบริดได้อย่างดีเยี่ยม โดยจากการทดสอบขับขี่ระยะทาง 170 กิโลเมตร จากปริมาณแบตเตอร์รี่ระบุว่าวิ่งได้อีก 40 กิโลเมตร พบว่าเมื่อขับรถถึงปลายทางยังมีแบตเตอร์รี่ให้ใช้อีกมากถึง 30 กิโลเมตรเลยทีเดียว โดยแบตเตอร์รี่ส่วนนี้เราสามารถนำไปใช้เปิดแอร์ในรถทิ้งไว้ได้สบายนานนับชั่วโมงเลยทีเดียวเชียว

ช่วงล่างในการขับทางไกลจัดว่านุ่มสบายในย่านความเร็วที่กำหนดตามกฎหมาย แต่ถ้าหากคุณเล่นซน ขับเร็วสักหน่อยจะพบว่าช่วงล่างของมันก็จะมีอาการย้วยมาให้เห็นบ้างเล็กน้อย แต่ก็พบได้ที่ย่านความเร็วสูงเกิน 180 กม./ชม. ไปแล้ว

 

 

ส่วนการนำรถไปลุยนั้น ด้วยประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้น คุณก็ไม่ต้องสนใจเลยว่าสภาพเส้นทางนั้นจะแย่สักแค่ไหน แต่ก็จัดว่าลุยได้ในระดับหนึ่ง เพราะตัวความสูงของรถนั้นก็ไม่ได้สูงกว่ารถเก๋งมากมายนัก เอาว่าลุยได้พอหอมปากหอมคอ อีกทั้งยางยังมาเป็นแบบยางซิ่งด้วย ถ้าอยากเอาไปลุยจริงๆ เปลี่ยนยางสักชุดก็จะพาคุณไปได้ในหลายสถานที่มากขึ้น

 

 

ส่วนระบบความปลอดภัยที่ผมถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สุดในรถคันนี้นั่นคือระบบเบรกแบบ Adaptive brake ที่ทำงานร่วมกับฟังก์ชั่นรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า โดยเจ้าระบบนี้ไม่จำเป็นที่ต้องเปิดการทำงานของระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันเหมือนกับรถรุ่นอื่นๆ เลย โดยระบบ Adaptive brake จะทำงานตลอดเวลาไม่ว่าจะขับแบบปกติ หรือเปิดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน เมื่อระบบตรวจพบว่าคุณขับใกล้กับรถคันหน้ามากเกินกว่าระยะที่ตั้งไว้ ระบบจะทำการลดความเร็วให้อยู่ในระดับเดียวกับรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ จัดเป็นระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกได้ค่อนข้างมาก

 

 

GLC 300 e เลือกได้ว่าอยากแรง หรืออยากรักษ์โลก

โดยปกติแล้ว รถยนต์แบบไฮบริด เรามักจะนึกถึงแต่เรื่องของความประหยัด อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงแบบตัวเลขสุดปังทั้งหลาย ซึ่งเจ้า Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé คันนี้ มันเหมือนคุณซื้อรถยนต์ SUV เครื่องสันดาป แถมฟรีรถยนต์ไฟฟ้าในคันเดียวกัน เพราะมันสามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกลมากถึง 50 กิโลเมตรต่อ 1 การชาร์จเลยทีเดียว

ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้าใน Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé มันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อความประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่มันก็สามารถเลือกที่จะเอามาใช้ในความแรงได้ด้วย โดยอัตราเร่งของตัวรถเมื่อใช้งานควบคู่กันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า มอบพละกำลังได้สูงถึง 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตรเลยทีเดียว

โดยจากการทดสอบ ผู้ทดสอบมองว่าการเลือกใช้พลังงานไฟฟ้าของรถคันนี้ สามารถแบ่งประเภทการใช้งานออกได้เป็น 2 รูปแบบหลักๆ ได้แก่

1. เน้นความประหยัด เหมาะสำหรับคนที่เน้นประหยัดน้ำมัน โดยผู้ใช้งานในกลุ่มนี้ผมแนะนำให้ใช้งานโหมดการขับขี่แบบ Eco, Electric หรือ Comfort เป็นหลัก เพราะโหมดเหล่านี้จะเน้นใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลักมากกว่าเครื่องยนต์สันดาป โดยจากการทดสอบของผมที่ขับขี่ในเมืองเป็นระยะทางราวๆ 50 กิโลเมตร พบว่ารถเลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับขี่ถึง 90% ของการเดินทางเลยทีเดียว

และถ้าหากชาร์จแบตเตอร์รี่จาก 0-100% ก็ใช้เวลาเพียง 80 นาที แบตเตอร์รี่ก็เต็มแล้ว พร้อมให้ใช้งานขับขี่ต่อได้อีก 50 กิโลเมตรแบบสบายๆ เอาว่าคนที่มีระยะทางขับรถในแต่ละวันไม่มากนัก คุณแทบจะไม่ต้องเติมน้ำมันรถเลยทีเดียว

หรือถ้าคุณอยากถนอมทั้งแบต และเน้นประหยัดพลังงานด้วย ขอแนะนำโหมด Battery Level โหมดนี้ของเค้าดีงามมากจริงๆ ครับ

 

 

2. เน้นความแรง เหมาะสำหรับขาซิ่งที่ชอบขับรถเป็นชีวิตจิตใจ ด้วยพลังแรงบิดกว่า 700 นิวตันเมตรของตัวรถที่มาได้ทันทีที่คุณต้องการ หากคุณมีพลังงานไฟฟ้าเพียงพอในแบตเตอร์รี่ สำหรับผู้ใช้สายนี้เราขอแนะนำให้ใช้โหมด Sport เลย เพราะเป็นโหมดที่เน้นการใช้งานเครื่องยนต์สันดาปเป็นหลัก และเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ใช้งานเมื่อเร่งแซง หรือตอนที่ต้องการแรงบิดมหาศาลโดยเฉพาะ บอกเลยว่าเห็นรถคันขนาดนี้ มันก็ "วาร์ปได้"

 

 

สรุป GLC 300 e Coupe เหมาะกับใคร

โดยสรุปแล้ว สำหรับ Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé เป็นรถ SUV ทรงสปอร์ตที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรถใช้งานในชีวิตประจำวันสักคันที่สามารถนำไปขับใช้งานปกติก็ได้ เดินทางก็ดี หรืออยากหล่อเท่ก็ทำได้ทั้งหมดในคันเดียว ตอบโจทย์ทั้งสายประหยัดพลังงาน และสายซิ่ง บู๊กระหน่ำ ด้วยราคาวางจำหน่ายที่ 4,040,000 บาท ท่านที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-Benz ทั่วประเทศ

 

 

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ