ถอดบทเรียน ถุงลมทาคาตะ หลังสูญเสียชีวิตเพิ่มอีก Share this

ถอดบทเรียน ถุงลมทาคาตะ หลังสูญเสียชีวิตเพิ่มอีก

Wongsupat
โดย Wongsupat
โพสต์เมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เหตุผู้ขับขี่เสียชีวิตจากถุงลมนิรภัยทาคาตะ เป็นรายที่ 5 เมื่อเร็ว ๆ นี้ สะท้อนความล่าช้าในการจัดการสินค้าอันตราย แม้เป็นปัญหาระดับโลกที่รู้มานาน แต่ปัจจุบันในไทยยังเหลือรถกว่า 5 แสนคัน ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนถุงลม สภาผู้บริโภคชี้ต้องแก้ทั้งระบบ ไม่ใช่รอความสูญเสียซ้ำ


ถอดบทเรียน ถุงลมทาคาตะ หลังสูญเสียชีวิตเพิ่มอีก

เหตุการณ์สะเทือนใจให้แก่ผู้บริโภคในไทย จากกรณีที่มีผู้ขับขี่รถยนต์เสียชีวิตรายที่ 5 ที่เกิดขึ้นจากการระเบิดของถุงลมนิรภัยทาคาตะ (Takata Airbag) ในช่วง 12 ธันวาคม 2568 ในประเทศไทย เป็นภาพสะท้อนของปัญหาเชิงโครงสร้างในการจัดการสินค้าที่เป็นอันตราย ซึ่งดำเนินไปอย่างล่าช้าและไม่สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ผู้บริโภคต้องเผชิญ สภาผู้บริโภคขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมย้ำว่า ความสูญเสียครั้งนี้เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้ หากระบบการเรียกคืนสินค้าและการคุ้มครองผู้บริโภคทำงานอย่างจริงจังและทันต่อสถานการณ์ตั้งแต่แรกเริ่ม

ทั้งนี้เมื่อประเมินในระดับโลก กรณีถุงลมนิรภัยทาคาตะถูกยอมรับว่าเป็นหนึ่งในวิกฤตความปลอดภัยของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ปี 2551 มีการเรียกคืนถุงลมนิรภัย ยี่ห้อทาคาตะ เกือบ 100 ล้านชิ้น ครอบคลุมรถยนต์ใน 16 ยี่ห้อ ได้แก่

ถอดบทเรียน ถุงลมทาคาตะ หลังสูญเสียชีวิตเพิ่มอีก

รถยนต์ใน 16 ยี่ห้อ

  1. เชฟโรเล็ต (Chevrolet) ปี 2007 - 2015
  2. บีเอ็มดับบลิว (BMW) ปี 1998 - 2018
  3. ฟอร์ด (Ford) ปี 1998 - 2014
  4. ฮอนด้า (Honda) ปี 1998 - 2014
  5. มาสด้า (Mazda) ปี 1996 - 2014
  6. มิตซูบิชิ (Mitsubishi) ปี 2005 - 2015
  7. นิสสัน (Nissan) ปี 2000 - 2014
  8. โตโยต้า (Toyota) ปี 2001 - 2014
  9. เล็กซัส (Lexus) ปี 2006 - 2017
  10. จากัวร์ (Jaguar) ปี 2009 - 2015
  11. แลนด์ โรเวอร์ (Land Rover) ปี 2007 - 2012
  12. อาวดี้ (Audi) ปี 1997 - 2017
  13. เมอเซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) ปี 2005 - 2017
  14. ซูบารุ (Subaru) ปี 2003 - 2014
  15. โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ปี 2006 - 2018
  16. เทสล่า (Tesla) ปี 2012 – 2016

รายงานผู้เสียชีวิตในทั่วโลกแล้วมากกว่า 30 ราย และบาดเจ็บอีกหลายร้อยรายจากการทำงานผิดพลาดของถุงลมนิรภัยที่เกิดการระเบิด ส่งเศษโลหะพุ่งใส่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจนได้รับอันตรายถึงชีวิต ทั้งนี้ หลายประเทศจัดการปัญหาดังกล่าวในฐานะ “สินค้าที่มีความบกพร่องร้ายแรง” และใช้กลไกกฎหมายความรับผิดของผู้ผลิตเข้ามาควบคุมอย่างเข้มงวด

สำหรับประเทศไทย หน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการรับรู้ถึงความเสี่ยงของถุงลมนิรภัยทาคาตะมาเป็นเวลาหลายปี โดยมีรถยนต์มากกว่า 1.7 ล้านคัน จากหลายยี่ห้อและหลายรุ่นที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยดังกล่าว โดยมีการประกาศเรียกคืนและดำเนินการเปลี่ยนถุงลมไปแล้วบางส่วน แต่การจัดการโดยรวมยังเป็นไปอย่างล่าช้าและกระจัดกระจาย ส่งผลให้จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูลเดือนกรกฎาคม 2568) ยังมีรถยนต์ประมาณ 502,000 คัน ที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัย ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา สะท้อนว่ารถที่เข้าข่ายความเสี่ยงยังคงตกค้างอยู่ในระดับหลายแสนคัน แม้จะมีการรณรงค์เตือนภัยเป็นระยะ ขณะที่ความสูญเสียในประเทศไทยสะสมแล้วอย่างน้อย 8 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 5 ราย และผู้บาดเจ็บสาหัสอย่างน้อย 3 ราย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามความล่าช้าของกระบวนการเรียกคืน

ถอดบทเรียน ถุงลมทาคาตะ หลังสูญเสียชีวิตเพิ่มอีก

สภาผู้บริโภคติดตามประเด็นถุงลมนิรภัยทาคาตะอย่างต่อเนื่อง

เมื่อพิจารณาเชิงโครงสร้าง ความล่าช้าไม่ได้เกิดจากปัจจัยเดียว แต่เป็นผลจากข้อจำกัดหลายด้านผสมกัน ทั้งระบบการแจ้งเตือนที่ไม่สามารถเข้าถึงเจ้าของรถปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรถมือสองที่เปลี่ยนมือหลายครั้ง ความคลาดเคลื่อนของฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐ ผู้ผลิต และผู้จำหน่าย รวมถึงการขาดกลไกบังคับที่มีกรอบเวลาชัดเจน ทำให้การเรียกคืนถุงลมนิรภัยในทางปฏิบัติยังคงเป็นลักษณะสมัครใจ มากกว่ามาตรการด้านความปลอดภัยที่ต้องเร่งดำเนินการโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง 

อีกทั้งในหลายกรณี ผู้บริโภคที่พยายามติดต่อขอเปลี่ยนถุงลมนิรภัยกลับพบอุปสรรค ตั้งแต่การได้รับข้อมูลไม่ตรงกัน การถูกปฏิเสธว่าไม่อยู่ในขอบข่ายที่ต้องเปลี่ยน ทั้งที่รถเป็นรุ่นเสี่ยง ไปจนถึงปัญหาระบบที่ระบุว่าเปลี่ยนแล้ว ทั้งที่ผู้ใช้รถยืนยันว่าไม่เคยได้รับการเปลี่ยนจริง จากช่องว่างเหล่านี้ทำให้ความเสี่ยงยังตกอยู่กับผู้บริโภค ซึ่งเป็นฝ่ายที่ไม่สามารถตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ภายในรถได้ด้วยตนเอง และต้องใช้ชีวิตอยู่กับความไม่แน่นอนบนท้องถนนทุกวัน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สภาผู้บริโภคได้ติดตามและดำเนินการต่อประเด็นถุงลมนิรภัยทาคาตะอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ นับตั้งแต่ปี 2565 ภายหลังได้รับทราบกรณีผู้เสียชีวิตจากถุงลมนิรภัยระเบิด โดยเร่งเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัยและแนวทางการตรวจสอบรถที่เข้าข่ายความเสี่ยงให้ผู้บริโภครับรู้ พร้อมรวบรวมเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายและผู้ใช้รถที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนถุงลมนิรภัย ประสานการเยียวยาในกรณีที่เกิดความเสียหาย รวมถึงจัดทำและส่งข้อเสนอเชิงนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งรัดกระบวนการเรียกคืนและอุดช่องว่างด้านความปลอดภัย โดยมีการทำหนังสือและส่งข้อมูล ข้อเท็จจริง และข้อเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กรมการขนส่งทางบก บริษัทรถยนต์ และหน่วยงานกำกับอื่น ๆ พร้อมทั้งจัดเวทีแถลงข่าวและติดตามความคืบหน้าเป็นระยะ

นอกจากนี้ สภาผู้บริโภคยังได้ขยายการดำเนินการลงสู่ระดับพื้นที่ โดยทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด ขอความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลเตือนภัยและการเรียกคืนถุงลมนิรภัยทาคาตะผ่านกลไกในจังหวัด เพื่อให้ข้อมูลเข้าถึงผู้ใช้รถจริง โดยเฉพาะต่างจังหวัดและกลุ่มรถมือสองที่มักหลุดจากการสื่อสารของผู้ผลิต แต่การดำเนินการดังกล่าวยังคงอยู่บนฐานของการขอความร่วมมือเป็นหลัก 

ถอดบทเรียน ถุงลมทาคาตะ หลังสูญเสียชีวิตเพิ่มอีก

จี้ภาครัฐแก้ไขปัญหาโดยเร็ว 

ทางด้านระดับนโยบาย กรณีถุงลมนิรภัยทาคาตะ ทำให้มีข้อสังเกตถึงประสิทธิภาพของกลไกการบังคับใช้กฎหมายด้านความปลอดภัยสินค้า โดยเฉพาะบทบาทของคณะกรรมการด้านความปลอดภัยในสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งตามกฎหมายมีอำนาจตามมาตรา 29 (2) วรรคสอง ในการออกคำสั่งเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค อาทิ การสั่งห้ามจำหน่ายสินค้าไม่ปลอดภัย การสั่งให้มีการทดสอบโดยหน่วยงานกลาง การกำหนดให้ผู้ประกอบการจัดทำแผนเรียกคืนและแผนเยียวยาความเสียหาย รวมถึงกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ดำเนินการตามคำสั่ง คณะกรรมการด้านความปลอดภัยยังมีอำนาจในการดำเนินการหรือจัดทำแผนดังกล่าวขึ้นเองได้ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ

แต่ในทางปฏิบัติ การจัดการปัญหาสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงยังคงเน้นการประสานงานและการขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการเป็นหลัก ส่งผลให้การกำหนดกรอบเวลาและมาตรการเชิงบังคับยังไม่ปรากฏอย่างชัดเจนเท่าที่ควร สถานการณ์นี้สะท้อนความท้าทายในการนำอำนาจตามกฎหมายมาใช้ให้สอดคล้องกับความเร่งด่วนของปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและชีวิตของผู้บริโภค โดยเฉพาะกรณีที่มีเหตุสูญเสียเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง บทเรียนจากถุงลมนิรภัยทาคาตะจึงอาจเป็นโอกาสสำคัญในการทบทวนแนวทางการบังคับใช้กฎหมายและการจัดทำแผนเรียกคืนสินค้าให้มีความชัดเจน เป็นระบบ และสามารถลดความเสี่ยงได้อย่างทันท่วงทีมากยิ่งขึ้น    

อย่างไรก็ตาม แม้ภาครัฐจะเริ่มมีความพยายามยกระดับมาตรการ เช่น การเชื่อมระบบแจ้งเตือนกับการต่อทะเบียนรถ แต่ผลลัพธ์เชิงปฏิบัติยังไม่สอดคล้องกับขนาดของปัญหา ตัวเลขการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่รถที่เข้าข่ายความเสี่ยงยังคงอยู่ในระดับหลักแสน ความล่าช้าเช่นนี้หมายถึงช่วงเวลาที่ผู้บริโภคจำนวนมากยังคงใช้รถที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตโดยไม่รู้ตัว

ถอดบทเรียน ถุงลมทาคาตะ หลังสูญเสียชีวิตเพิ่มอีก

จากเหตุทั้งหมด สภาผู้บริโภคเห็นว่า การจัดการปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตไม่อาจหยุดอยู่เพียงการแสดงความเสียใจหรือการเยียวยาหลังเกิดเหตุ แต่ต้องมีความรับผิดชอบเชิงโครงสร้างอย่างชัดเจน สภาผู้บริโภคจึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการด้านความปลอดภัยของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคลาออกทั้งคณะภายใน 30 วัน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความล่าช้าและความล้มเหลวที่ผ่านมา และเปิดทางให้มีการปรับปรุงกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างจริงจัง ภายใต้กรอบเวลาที่ชัดเจน ตรวจสอบได้ และยึดความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง

โศกนาฏกรรมจากถุงลมนิรภัยทาคาตะควรเป็นจุดเปลี่ยนของระบบ หากการเรียกคืนสินค้าที่เป็นอันตรายยังไม่เข้มแข็งเพียงพอ ความสูญเสียย่อมไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และทุกวันที่การแก้ไขยังล่าช้า คือทุกวันที่ผู้บริโภคยังต้องเสี่ยงชีวิตอยู่บนท้องถนนโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบได้ว่ารถยนต์ของตนเองอยู่ในกลุ่มที่ต้องเปลี่ยนถุงลมนิรภัยหรือไม่ ผ่านเว็บไซต์ www.checkairbag.com

หากพบว่ารถเข้าข่าย สามารถติดต่อศูนย์บริการหรือคอลเซนเตอร์ (Call Center) ของแต่ละบริษัทเพื่อนัดวันเข้ารับบริการเปลี่ยนชิ้นส่วน ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และหากผู้บริโภคนำรถรุ่นที่มีปัญหาไปเปลี่ยนถุงลมนิรภัย แต่ถูกเรียกเก็บเงิน หรือไม่สามารถเปลี่ยนสินค้าได้ สามารถร้องเรียนได้ที่เว็บไซต์ https://complaint.tcc.or.th/complaint (ที่มา สภาผู้บริโภค)

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com

ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ