Engine Brake คืออะไร ทำงานอย่างไร ใช้อย่างไร ควรใช้ตอนไหน Share this

Engine Brake คืออะไร ทำงานอย่างไร ใช้อย่างไร ควรใช้ตอนไหน

Paknam536
โดย Paknam536
โพสต์เมื่อ 01 March 2564

Engine Brake หรือ เบรคเครื่องยนต์ เชื่อว่าผู้ขับขี่มือเก๋า อาจจะคุ้นชินกับคำนี้ แต่สำหรับผู้ขับขี่มือใหม่ เมื่อได้ยินคำว่า "ใช้เอ็นจิ้นเบรค" ก็อาจจะงงๆ ว่า เอ๊ะมันคืออะไร แล้วต้องใช้ยังไง ใช้ตอนไหน? บทความนี้ มีคำตอบครับ


Engine Brake คืออะไร

Engine Brake (เอ็นจิ้น เบรค) คือ เบรคเครื่องยนต์ เกิดการจังหวะที่เราผ่อนคันเร่ง ส่งผลให้รอบเครื่องยนต์ลดลง ก่อให้เกิดแรงหน่วงจากเครื่องยนต์ ส่งตรงไปยังระบบขับเคลื่อน ซึ่งทำให้เกิดแรงฉุด ส่งผลให้ความเร็วของรถคันนั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามรอบเครื่องยนต์ที่ลดลงมา นั่นเองครับ

จุดเด่นของ Engine Brake คือตัวช่วยที่สำคัญในการลดความเร็วของรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ได้อย่างง่ายดาย โดยแทบจะไม่สูญเสียการควบคุม โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ที่หากท่านต้องการลดความเร็วในโค้ง เมื่อท่านเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงเกินไป เจ้า Engine Brake นี่แหละครับ คือตัวช่วยที่จะทำให้ท่านผ่านพ้นวิกฤตครั้งนั้นไปได้

แต่ การทำงานของ Engine Brake ในรถแต่ละประเภทนั้น มีการทำงานที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง มีลักษณะของแรงฉุดที่แตกต่างกัน ตามขนาดของเครื่องยนต์ และประเภทของเกียร์ ซึ่งลักษณะเป็นอย่างไร ไปกันต่อครับ

 

Subaru Forester GT

 

วิธีใช้ Engine Brake ใน รถยนต์ เกียร์ Auto

รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ หรือเกียร์ออโต้นั้น จัดว่าเป็นประเภทรถยนต์ที่ถูกใช้งานกันหลากหลายที่สุดในประเทศไทย โดยเกียร์ Auto จะมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบ เกียร์อัตโนมัติแบบธรรมดา ที่เป็นฟันเฟือง, เกียร์แบบ CVT และเกียร์ DCT หรือเกียร์คลัตช์คู่

ลักษณะของ Engine Brake ของเกียร์ออโต้จะเหมือนกันหมดคือ ด้วยความที่เกียร์ประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อความประหยัดน้ำมันสูงสุด ทำให้ Engine Brake ของรถประเภทนี้จะถูกปรับเซ็ตมาให้ "มีน้อยมาก" เน้นการให้รถยนต์ไหลไปเรื่อยๆ แม้ถอนคันเร่งออก เพื่อความประหยัดน้ำมันนั่นเอง ซึ่งเกียร์ประเภทนี้ด้วยความที่มี Engine Brake น้อย จะส่งผลให้รถไหลไปได้อย่างต่อเนื่องแม้ไม่ได้เหยียบคันเร่งนั่นเอง ข้อดีของมันคือเรื่องความประหยัดน้ำมันที่เป็นจุดเด่น อีกทั้งยังให้รอบเครื่องยนต์ที่ต่ำ

 

Mercedes-Benz GLA 250 AMG

 

ทว่าข้อเสียของเกียร์ออโต้คือ ด้วยความที่ Engine Brake มีน้อยนี่เอง หากท่านนำรถเกียร์ออโต้ขับรถลงเขา มักจะเจอกับอาการ "รถไหล" โดยปราศจากแรงหน่วงจากเครื่องยนต์เลย เพราะเกียร์ประเภทนี้ถูกออกแบบให้มี Engine Brake น้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนั้นเอง ซึ่งถ้าผู้ขับขี่ต้องการลดความเร็ว จึงจำเป็นต้องใช้ เบรค เป็นหลักนั่นเอง

ทว่า ในรถยนต์สมัยใหม่ จะมีการติดตั้งแพดเดิ้ลชิพมาให้ หรือคันเกียร์ ที่สามารถลดเกียร์ เพื่อเพิ่มอัตราทดเกียร์เองได้ประหนึ่งรถยนต์แบบเกียร์แมนนวล ซึ่งการเพิ่มอัตราทดเกียร์ หรือการลดเกียร์ลง จะส่งผลให้รถมีรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิด Engine Brake มากขึ้นเช่นกัน โดยการลดเกียร์ลงนั้น นอกจากเพิ่ม Engine Brake ได้แล้ว ยังช่วยให้รถมีกำลังมากขึ้นในการใช้ไต่ทางชันอย่างการขึ้นเขา อาทิเช่นรถยนต์ Eco Car หากขับแต่เกียร์ D การขึ้นเขาชันๆ จะทำได้ยาก แต่เพียงท่านเลื่อนเกียร์มาที่ตำแหน่ง D2, S, B หรือ L (แล้วแต่ยี่ห้อ) รถก็จะมีอัตราเร่งที่ทันใจยิ่งขึ้น และมาพร้อมกับ Engine Brake มากขึ้นเช่นกัน

สรุปวิธีใช้สั้นๆ
ยก หรือ ปล่อยคันเร่ง ปล่อยให้รอบเครื่องยนต์ลดลง ทำให้ เกิด Engine Brake เองโดยอัตโนมัติ

 

Subaru BRZ

 

ลักษณะของ Engine Brake ใน รถมอเตอร์ไซค์ เกียร์ Auto

ลักษณะของ Engine Brake ในรถมอเตอร์ไซค์ เกียร์ Auto เหมือนกับรถยนต์เกียร์ Auto ทุกประการ โดยรถมอเตอร์ไซค์เกียร์ Auto ประเภทรถสกู๊ตเตอร์ส่วนใหญ่ จะใช้เกียร์แบบ CVT ส่งกำลังด้วยสายพาน

 

 

การขับขี่รถลงเขานั้น เชื่อว่าหลายท่านน่าจะเคยขับมาแล้ว และจะเจอเหตุการณ์ที่ว่า รถพุ่งลงเขาด้วยความเร็วสูง ต้องใช้เบรคเยอะ เอ็นจิ้นเบรคไม่มี เพราะว่าในรถสกู๊ตเตอร์นั้น เมื่อผู้ขับขี่ไม่ได้บิดคันเร่ง เพื่อให้ชุดคลัตช์เข้ามาควบคุมระบบขับเคลื่อน จะส่งผลให้เครื่องยนต์กลับเข้าสู่สถานะเดินเบา ทำให้รถนั้นไหลแบบฟรีๆ แบบไม่มีเครื่องยนต์มาฉุดความเร็ว

ซึ่งจุดนี้มีทริกง่ายๆ นั้นคือการ "เปิดคันเร่ง" เพื่อให้ชุดคลัตช์กลับเข้ามาทำงานควบคุมระบบขับเคลื่อนเช่นเดิม ให้ล้อหลังยังคงทำงานสัมพันธ์กับรอบของเครื่องยนต์ เท่านี้รถของท่านก็จะมี Engine Brake ไว้ใช้งานตอนลงเขาแล้วครับ แต่ต้องหมั่นฟังเสียงเครื่องยนต์ จับอาการรถ และควบคุมความเร็วด้วยนะครับ

 

 

การใช้ Engine Brake รถบิ๊กไบค์

รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ หรือรถบิ๊กไบค์ การใช้ Engine Brake นี่ถือว่าเป็น 1 ใน 3 เบรคที่ท่านต้องใช้ให้เป็น ซึ่งเบรคของมอเตอร์ไซค์ มี 3 จุดด้วยกัน ได้แก่ 1.เบรคหน้า 2.เบรคหลัง และ 3.เบรคเครื่องยนต์ หรือ Engine Brake

ถ้าให้พูดกันแบบตรงไปตรงมา หากท่านใช้ 3 เบรคนี้ไม่เป็น ท่านยังไม่ควรขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ทุกประการ เพราะมันอาจจะแปรเปลี่ยนจากความสนุก เป็นเรื่องอันตรายได้เลย

หลักการทำงานเหมือนกับรถยนต์ทุกประการ แต่จะง่ายกว่า เพราะรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ในท้องตลาดส่วนใหญ่ มักจะเป็นเกียร์แมลนวล คลัตช์มือ ยกเว้นรถบางรุ่นเท่านั้นที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ

โดยการทำ Engine Brake ก็มีหลักการเดียวกับรถยนต์เช่นกัน (มันคือธรรมชาติของเครื่องยนต์สันดาปทุกประเภท) คือ เมื่อรอบเครื่องยนต์ลดลง จะเกิดแรงเฉื่อยที่ส่งผลให้ความเร็วของรถนั้นลดลง หรือที่เรียกว่า Engine Brake โดยวิธีใช้งาน Engine Brake ในรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น

1. การยกคันเร่ง รอบเครื่องยนต์ลดลง เกิด Engine Brake
2. การลดเกียร์ และยกคันเร่ง เพราะการลดเกียร์ เป็นการเพิ่มอัตราทดรอบเครื่องยนต์เข้าไป ทำให้รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นนั่นเอง และในขณะที่รอบเครื่องยนต์ค่อยๆ ลดลง จะเกิดเอ็นจิ้นเบรคโดยอัตโนมัติ

วิธีการเหล่านี้ จะเป็นการเรียกใช้งาน Engine Brake ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะการลดเกียร์นั้น จะส่งผลให้เกิด Engine Brake อย่างมหาศาล ผู้ขับขี่ควรเลือกใช้เกียร์ให้ถูกต้อง เหมาะสมกับความเร็วในการขับขี่ หากต้องการใช้ Engine Brake จากการลดเกียร์ครับ

สำหรับรถยนต์ เกียร์กระปุก ใช้หลักการเดียวกับรถบิ๊กไบค์ทุกประการ

 

 

ทำไมต้องใช้ Engine Brake ตอนขับรถลงเขา?

เพราะ Engine Brake คือตัวช่วยที่จะทำให้ท่านไม่ต้องใช้เบรคจากระบบเบรคเยอะจนเกินไป จนเกิดอาการเบรคไม่จับ เบรคเฟด หนักหน่อยเบรคไหม้ เบรคไม่อยู่ อันส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ ทางที่ดี ควรเรียนรู้การใช้งาน Engine Brake ให้คล่องไว้ ดีที่สุด

 

รถยนต์ไฟฟ้า มี Engine Brake ไหม?

ด้วยความที่รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน แต่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแทน โดยธรรมชาติของรถยนต์ไฟฟ้านั้น เมื่อเรายกคันเร่ง รถจะไหลไปเลยแบบต่อเนื่องโดยปราศจากแรงหน่วงจากมอเตอร์เลย อารมณ์เหมือนเรากดปุ่มปิดพัดลม ที่ใบพัดจะหมุนต่อไปเรื่อยๆ ด้วยแรงเฉื่อย ในรถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

 

 

ทว่า ด้วยเทคโนโลยีสมัยปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้ามีสิ่งที่ทำงานเหมือนกับ Engine Brake อยู่ นั่นคือระบบ Regenerative Braking หรือที่ชาวรถยนต์ไฟฟ้าเรียกติดปากกันว่า "รีเจนแบต" นั่นเองครับ หลักการคือตัวระบบจะสร้างแรงหน่วงขึ้นมาในขณะที่ถอนคันเร่งด้วยระบบปั่นไฟฟ้าย้อนกลับเข้าไปยังแบตเตอร์รี่ โดยแรกเริ่มเดิมทีจุดประสงค์ของการทำระบบ Regenarative ขึ้นมา ก็เพื่อช่วยเพิ่มระยะทางขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าต่อ 1 การชาร์จนั่นเอง

ทว่า เจ้าระบบนี้ ส่งผลให้ตัวรถยนต์ลดความเร็วลงด้วย เฉกเช่น Engine Brake ในรถยนต์เครื่องสันดาปเลย ทว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าจนเกิดระบบ "คันเร่งเดียว" หรือ One Paddle ขึ้นมาเลย โดยผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องใช้เบรคในการลดความเร็วด้วยซ้ำ ใช้เฉพาะคันเร่งเพียงอย่างเดียว โดยคันเร่งใช้เพื่อเพิ่มความเร็วเหมือนกับรถยนต์ปกติทั่วไป เลยสามารถลดความเร็วได้ง่ายๆ ด้วยการถอนคันเร่ง ซึ่งประสิทธิภาพการเบรคเรียกได้ว่าเกือบจะใกล้เคียงกับการเหยียบเบรคในระบบเบรคปกติเลยทีเดียว

 

 

สรุป Engine Brake ทำงานอย่างไร ใช้ยังไง

โดยสรุปแล้ว พื้นฐานการใช้ Engine Brake ของรถยนต์ และรถมอเตอร์ไซค์ เครื่องยนต์สันดาปนั้น มีพื้นฐานเหมือนกันทุกประการ นั้นคือการ ยกคันเร่ง และปล่อยให้รอบเครื่องยนต์ลดลง ส่งผลให้เกิด Engine Brake โดยอัตโนมัติทันที ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ ไปลองทำกันดูได้เลยด้วยตนเองครับ

 

อ่าน รีวิว Honda Forza 350
อ่าน รีวิว Yamaha WR155R
อ่าน รีวิว Subaru Forester GT

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car


คำนวณค่างวดรถเบื้องต้น
Use the calculator to calculate the installment of your dream car
ระยะเวลาผ่อนชำระ (เดือน)
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้
อัตราการผ่อนชำระ (เดือน)
บาท
จำนวนงวด (เดือน)
สนใจขอสินเชื่อรุ่นนี้
* ราคาค่างวดรวม VAT แล้ว สำหรับพิจารณาข้อมูลเบื้องต้น ไม่สามารถนำไปอ้างอิงในการซื้อขายได้

ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ