อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งการขับรถชนทรัพย์สินของหลวงอย่างเสาไฟฟ้า ป้ายจราจร หรือแบริเออร์ แต่คำถามสำคัญที่ตามมาคือ "ประกันจะช่วยจ่ายหรือไม่?" คำตอบเป็นอย่างไรติดตาม!!
ขับรถชนของหลวง ขับรถชนเสาไฟฟ้า ประกันช่วยจ่ายไหม
ประกันแต่ละประเภทคุ้มครองอย่างไร?
ขั้นตอนควรทำเมื่อขับรถชนของหลวง
ค่าเสียหายคิดอย่างไร และต้องจ่ายเท่าไหร่?
ประกันแต่ละประเภทคุ้มครองอย่างไร?
ประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทยแบ่งความคุ้มครองในกรณีนี้แตกต่างกันไป ดังนี้
- ประกันภัยชั้น 1: ให้ความคุ้มครองครอบคลุมที่สุด นอกจากจะจ่ายค่าเสียหายให้กับทรัพย์สินของหลวง (บุคคลภายนอก) แล้ว ยังคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์คันเอาประกันภัยด้วย แม้จะเป็นอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี (ชนแล้วหนี หรือชนสิ่งของ)
- ประกันภัยชั้น 2+ และ 3+ (ภาคสมัครใจ): คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเช่นกัน แต่จะคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของเราเฉพาะกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น ดังนั้น หากขับรถชนเสาไฟฟ้า ประกันจะจ่ายค่าเสาไฟฟ้าให้ แต่ไม่จ่ายค่าซ่อมรถของเรา
- ประกันภัยชั้น 2 และ ชั้น 3 (ภาคสมัครใจ): ให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเท่านั้น ดังนั้น ในกรณีนี้ ประกันจะรับผิดชอบจ่ายค่าเสียหายของเสาไฟฟ้าตามวงเงินประกัน แต่ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบค่าซ่อมรถของตนเองทั้งหมด
- พ.ร.บ. (ประกันภัยภาคบังคับ): ไม่ได้ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น พ.ร.บ. จะมุ่งเน้นให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลเท่านั้น
ตอบคำถามขับรถชนของหลวงประกันจ่ายไหม?
สรุปง่ายๆ ว่า ตามหลักการแล้ว หากขับรถชนของหลวง เช่น เสาไฟฟ้า หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินของทางราชการทั้งเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะถือเป็น "ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก" ซึ่งบริษัทประกันจะเข้ามารับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ตามวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หรือเรียกว่า "ช่วยจ่าย" แต่จะครอบคลุมแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยรถยนต์ที่คุณทำไว้
ขั้นตอนควรทำเมื่อขับรถชนของหลวง
- ต้องตรวจสอบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ หากมีให้รีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 ทันที และเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
- หากไม่จำเป็นอย่าเคลื่อนย้ายรถ แต่หากจำเป็น เพราะกีดขวางการจราจร ควรขยับเข้าข้างทาง แต่ก่อนขยับควรถ่ายรูปที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานในทุกมุม ทั้งความเสียหายของรถและทรัพย์สินที่ถูกชน
- โทรแจ้งตำรวจที่เบอร์ 191 เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานสำคัญในการเคลมประกัน
- รีบโทรแจ้งอุบัติเหตุกับบริษัทประกันของคุณทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประกันมายังที่เกิดเหตุเพื่อประเมินความเสียหาย
- ติดต่อหน่วยงานเจ้าของทรัพย์สิน เช่น การไฟฟ้าฯ หรือกรมทางหลวง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานมาประเมินค่าเสียหาย ซึ่งปกติเจ้าหน้าที่ตำรวจและบริษัทประกันจะช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบทรัพย์สินนั้นๆ
ค่าเสียหายคิดอย่างไร และต้องจ่ายเท่าไหร่?
หน่วยงานเจ้าของทรัพย์สินจะทำการประเมินค่าเสียหายตามจริง ซึ่งไม่ได้มีแค่ค่าตัวเสาไฟฟ้า แต่อาจรวมถึง:
- ค่ารื้อถอนเสาเก่า
- ค่าติดตั้งเสาใหม่
- ค่าอุปกรณ์อื่นๆ ที่เสียหายร่วมด้วย เช่น หม้อแปลง สายไฟฟ้า สายสื่อสารต่างๆ
- ค่าแรงเจ้าหน้าที่
- ค่าดำเนินการอื่นๆ
หลังจากประเมินแล้ว หน่วยงานจะออกใบแจ้งหนี้มายังผู้ขับขี่ ซึ่งบริษัทประกันจะรับผิดชอบจ่ายตามวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หากค่าเสียหายสูงกว่าวงเงิน ผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบในส่วนต่างนั้นเอง
ข้อควรระวัง: กรณี "เมาแล้วขับ" หากเกิดอุบัติเหตุและมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ บริษัทประกันมีสิทธิ์ปฏิเสธความคุ้มครองทุกกรณี ผู้ขับขี่จะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด ทั้งค่าซ่อมรถตนเองและค่าเสียหายของทรัพย์สินราชการ
สรุป การมีประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจอย่างน้อยชั้น 3 ติดไว้ จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดจากการขับรถชนทรัพย์สินของหลวงได้อย่างมาก แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการขับขี่ด้วยความไม่ประมาทและมีสติอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและส่วนรวม
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
- ขับรถชนเสาไฟฟ้า ประกันจ่ายไหม
-
ผลวิจัยชี้ โตเกียวมารีนประกันภัย-วิริยะประกันภัย ผู้นำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 น่าพึงใจที่สุดในไทย
อัปเดตข่าวรถล่าสุด ดูรีวิวรถยนต์ รีวิวรถมอเตอร์ไซค์ ทุกยี่ห้อ โดยทีมงานมืออาชีพ เช็คราคา ตารางผ่อน พร้อมเกาะติดข่าวสารรถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ที่ Autospinn.com
ซื้อขายรถมือสองออนไลน์ ต้องที่ ตลาดรถมือสอง One2car ซื้อรถง่าย ขายรถไว ทั้งรถเก๋งมือสอง รถตู้มือสอง รถกระบะมือสอง ราคาดี ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คุณภาพพร้อมใช้งาน
ความคิดเห็น